18 ก.พ.2550 คือ โอกาสครั้งสำคัญของ หนูนิด ที่ได้ F2F ครั้งแรกกับครูอ้อย คนเขียนบล็อกในดวงใจของหนูนิดครับ
นายบอนไม่ได้บอกหนูนิดว่า จะได้พบครูอ้อยในวันนั้น ทำให้เธอตื่นเต้นมากที่ได้พบครูอ้อยแบบ surprise
เมื่อไม่ได้บอกล่วงหน้ามาก่อน แต่โทรบอกภายในวันนั้น ทำให้ครูอ้อยเตรียมตัวไม่ทัน ลืม ชาร์ทแบตเตอรี่ จึงถ่ายรูปนายบอนมาได้ 1 รูป ตามบันทึก มาดูภาพที่หาดูได้ยากมากกันเถอะ
ที่เหลือ นายบอนจึงกินรวบ จัดการถ่ายภาพครูอ้อยทีเผลอหลายๆภาพ ให้ชมแบบขำขำกันครับ
อาการเขินของครูอ้อย เมื่อนายบอนหยิบกล้องมาถ่ายหน้าตาเฉย จนครูอ้อยพยายามปัดป้อง น่าจะบอกให้เตรียมตัวกันบ้างสิ
ภาพนี้เล่นทีเผลออีกแล้ว เห็นสิวไหมครับ ครูอ้อยทำงานหนัก พักผ่อนน้อยจนสิวขึ้นเสียแล้ว รีบดูแลสุขภาพด่วน
คุณพ่อบ้านกับน้องขวัญ ถึงกับขำกลิ้ง เมื่อครูอ้อยออกอาการเขินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเจอนายบอนถ่ายภาพทีเผลอ จนครูอ้อย
ภาพอาหารบนโต๊ะที่ครูอ้อยมานายบอนและหนูนิดมาทานที่ร้านสวนตาอ้อย ณ สวนรถไฟ ต้องนำหลักฐานมาแสดงครับ เป็นหลักฐานว่า ครูอ้อยไม่ปล่อยให้อดอยากปากแห้งเหมือนครั้งก่อนที่มาเยี่ยม
ทานอาหารเสร็จ ก็พาไปเดินย่อยอาหารที่สวนรถไฟครับ บรรยากาศอย่างที่เห็นในภาพ ภาพล่างเป็นการแสดงจากบรรดาทีมงานลูกทุ่งมหานคร มาร้องมาเต้นสร้างความคิดตักยามเย็นในสวนรถไฟ
มืดแล้วครับ กลับกันดีกว่า
หลังจากออกจากสวนรถไฟ ครูอ้อยก็ให้พ่อบ้านไปส่งหนูนิดที่หอพักแถวซอยอินทามระ 25 และมาส่งนายบอนที่จตุจักร เพื่อจะได้ต่อรถเมล์ไปยังบ้านเพื่อแถวบางกะปิต่อไป
พ่อบ้านครูอ้อย พาขับรถมาทางลัดมาโผล่จตุจักร หักพวงมาลัยเข้าโค้งจนครูอ้อยร้องวี๊ดว้าย เสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปเป็นหลักฐานไว้…. ทีพูด + เล่าอะไรให้นายบอนกับหนูนิดฟัง วางฟอร์มสุขุมดีนัก ทีคุณพ่อบ้านขับรถเข้าโค้ง ครูอ้อยร้องว้าย….กลายเป็นเด็กไปเลย 555555
กลับมาจากผ้าป่าฯ แล้วค่ะ
ครูอ้อยดีใจเถอะค่ะ..คุณบอนเค้าชมนะ...ยังดีกว่าที่ชมหนูว่าหน้าขาวว๊อก (คิดว่าต้องยั้งคำว่าเหมือน..ลิงไว้แน่เลย)