แด่ผู้เป็นที่รักและศรัทธาของเหล่าไทย
ผู้เป็นพ่อ ก่อเกื้อ เพื่อปวงชนแมัมีตน เต็มตัว ทั่วแหล่งหล้าหรือจากไป เป็นปี ที่ผ่านมายิ่งเลอค่า ควรคู่ บูชาใจ ปีห้าเก้า เข้าตุลา มาสิบสาม ไทยเศร้าตาม ความทุกข์ ที่ยิ่งใหญ่ เจ้าอยู่หัว หายลับ ลับตาไป ทุกหัวใจ ไทยหาย คล้ายวายชนม์ด้วยความดี มีให้ ไท้แลเห็นดับทุกข์เข็ญ ขมขื่น คืนสุขให้ประทับจิต ติดใจ ไม่เดียวดายเจ้าหลวงนาย หมายห่วง ปวงประชา แล้วมีใคร ใจร้าย ขายชนชาติ ไทยหรือทาส ไทยเทียม เหี้ยมโหดเหลือ ไร้รู้คุณ หนุนนำ ช้ำเหลือเฟือ ไทยชาติเชื้อ เหลือทน คน…!สุราษฎร์ธานี๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
แด่น้องใหม่วัยเกษียณ ร. ว. บ.ครับ
เคยได้ร่วมงาน ณ โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว หลายปีกับคุณครูชัยสิทธิ์ ชูประสูตร คุณครูวันชัย เข็มทิศ คุณครู ผ.อ.วิชัย ยอดปัญญา คุณครูปรีชา กิจจาการ คุณครูอนงค์(วรัชญา) กาญจะโน คุณครูสุทธินุช สวัสดิพงษ์ คุณครูวิรวรรณ หอมหวล ทุกคนทำงานขยันในหน้าที่ของตน อย่างดีเยี่ยม นอกเหนือจากการสอน หน้าที่ประจำแล้ว แต่ละท่านยังทำหน้าที่พิเศษ เช่นหัวหน้างาน หัวหน้าคณะสี หัวหน้าระดับ หัวหน้าหมวด(หัวหน้ากลุ่มสาระ) ที่ปรึกษาหรือคุณครูประจำชั้น หมุนเวียนกันไป ตลอดจนหน้าที่พิเศษ ตามคำสั่งของโรงเรียนเป็นครั้งคราว เช่นการเก็บเงิน ควบคุมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ทั้งที่สอนอยู่ในโรงเรียน หรือไปทำกิจกรรมอยู่ค่ายพักแรมนอกโรงเรียน ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ตำแหน่งทางวิชาการ มิใช่ตำแหน่งได้เงินพิเศษ ใดๆทั้งสิ้น หลายตำแหน่งสุ่มเสี่ยงที่จะต้องรับผิดชอบ ชีวิตของนักเรียน แต่ก็แคล้วคลาดอันตราย อยู่รอดปลอดภัยเสมอมา บุญญาบารมีที่ทุกท่านบำเพ็ญทำแต่ความดี เสียสละเพื่อนักเรียน และส่วนรวม ทำให้ท่านลุถึงวันเกษียณ ขอชื่นชม ยินดีกับทุกท่าน ที่จะได้พักผ่อนเสียที หวังว่าบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คงจะดลบัลดาล ให้ทุกๆท่าน และครอบครัว อยู่เย็นเป็นสุข สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์เป็นที่พึ่งของ ลูก หลาน เหลนสืบไป เสียดายได้แต่ไปทำบุญร่วมกับท่านที่อาคารจริยธรรม เพียงครั้งเดียว เนื่องจากมีภาระพิเศษไม่สามารถที่จะไปร่วมงานกับคณะได้ ทั้งในวันที่ ๓๐ กันยายน และ วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ แต่ก็จะจดจำสิ่งดีๆของท่านทั้งหลายไว้ในส่วนลึกของจิตใจไม่รู้ลืม ขอความสุขสวัสดี เกิดขึ้นกับทุกท่านนะครับกรุงเทพฯ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
แด่น้องใหม่วัยเกษียณ ธ.ท.
นอกจากได้ไปร่วมงานรับน้องใหม่ ณ ห้องประชุมของโรงรียน เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ แล้ว ขอแสดงความชื่นชม ยินดี กับคุณครูพิมพ์ใจ และคุณครูสูนันท์ แห่งโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง สถานศึกษาที่เคยร่วมงานกับสองท่าน เป็นเวลานานหลายปี แล้วย้ายมาราชวินิตบางแก้ว แต่ผลปฏิบัติงานของท่านทั้งสอง อยู่ในใจตลอดมา ไม่ว่างานเล็กๆหรืองานใหญ่ๆ งานการเรียนการ หรือเรียกว่างานวิชาการ งานควบคุมดูแลนักเรียน หรืองานปกครอง หรืองานกิจกรรมพิเศษตามคำสั่งของโรงเรียน ในหรือนอกเวลาราชการ ความร่วมมือเต็มที่ เต็มความสามารถ ก็ได้ปรากฎในความสำเร็จของผลงานเสมอมา ยากที่จะลืมได้ลง หวังผลแห่งการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ของคุณครูทั้งสองท่าน จะดลบัลดาลให้ท่าน และครอบครัวของท่าน ประสบแด่สิ่งดีๆ มีความสุข มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง เป็นขวัญใจลูก หลาน ตลอดไปนานแสนนานนะครับ กรุงเทพฯ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ระแวงรางวัลประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่
คณะมาชุมนุมที่รัฐสภาเมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ ปิดแผ่นป้าย ข้อความ หรือสติกเกอร์ ตามประตู รั้ว หรือกำแพง ปิดกั้น ตรวจรถ ส.ส. สว.เกือบทุกคัน ตะโกนคำไม่สุภาพ ต่อว่า ท่านประธานสภาฯด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง ปราศัยด้วยคำไม่เหมาะสม ทำแบบนี้ถือว่าคุกคามผู้อื่น หรือไม่ ในขณะที่พร่ำบ่นว่า ตนถูกคุกคาม เด็ก นักเรียน นักศึกษา ส.ส. หรือผู้ผ่านระบบการศึกษาควรทำอย่างนี้หรือไม่ และการแสดงออก ถึงความรู้สึกชื่นชม การปกครองแบบสาธารณรัฐ ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายหลังการที่จะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ พวกคุณอาจภูมิใจว่า ได้รับจารึกว่าเป็นผู้ปฏิบัติการสำเร็จ และอาจได้รับปูนบำเน็จตามสัญญา แต่อาจต้องระแวง ตามคำเตือน หรือสุภาษิตที่ว่า”เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” หรือเมื่อถึงเวลา มคปด. 555 สวัสดี (หลักฐานได้จาก ภาพ วิดิทัศน์ ประกอบข่าวสดๆ หลายสำนัก ทางวิทยุโทรทัศน์ วันเดียวกัน ซึ่งไม่น่าจะมีการตกแต่ง ตัดต่ออย่างแน่นอน)กรุงเทพฯ๒๗ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ต้องทบทวนปรัชญาการศึกษาอีกไหม
ผมไม่ได้รู้สึกรักหรือเกลียดผู้นำที่โกหก หรือผู้นำรัฐบาล แต่ประหลาดใจที่ผู้นำชุมนุมบอกว่า คณะผู้ชุมนุมไม่ได้ตัดกุญแจเข้าไปในธรรมศาสตร์ แต่หลายสำนักข่าวได้เผยแพร่รูปการถืออุปกรณ์ตัดกุญแจ ไปตัดกุญแจที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ให้ผู้ชมเห็นอย่างชัดเจน ทำให้ผมแลเห็นเจตนาคนพูด ว่าเธอเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของคนรุ่นใหม่ แต่ยังถูกยอมรับให้เป็นส่วนของคณะผู้ชุมนุม ที่อ้างว่าทำเพื่อประชาธิปไตยของประเทศ เหนืออื่นใด คนที่เคยศรัทธาน่าจะเริ่มเคลือบแคลงเป็นบ้างนะ ยิ่งไม่ยอมเป็นผู้นำทัพเอง ยิ่งน่าจะถูกตั้งข้อสงสัยมากขึ้น โดยเฉพาะประชาธิปไตยที่ ๑. อ้างว่าคนครึ่งประเทศเห็นด้วยกับเขา ๒. ปักหมุดในสถานที่ขึ้นบัญชีโบราณสถานได้ ๓. อ้างว่าแนวร่วมมหาวิทยาลัยได้ ๔. จะเปลี่ยนธงชาติในมหาวิทยาลัยเป็นธงดำ ๕. แต่งชุด๒ชิ้นเข้าไปมหาวิทยาลัยอันควรเคารพ ๖. ตัดกุญแจบุกรุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยได้ ๗. ไม่ขออนุญาตจัดชุมนุมได้ ๘. พูดจาไม่เหมาะสมในการปราศัยได้ ๙. ไม่ใช้วิธีการในรัฐธรรมนูญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๑๐. สร้างขยะ ความสกปรก ให้คณะอื่นตามเก็บ 11.อ้างเศรษฐกิจไม่ดี แต่พวกตนยังจัดชุมนุม ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าจะต้องใช้งบการขนส่งตร. ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอุปกรณ์ที่จะมาใช้ป้องกันเหตุต่างๆในการชุมนุม ความเสี่ยงสุขภาพกับไวรัสโควิท การเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที อาจต้องจ่ายสมาชิก สสร. ค่าทำประชาพิจารณ์ และอื่นๆ อีกไม่รู้กี่พัน กี่หมื่นล้าน แทนที่จะนำเงินเหล่านี้ไปช่วยคนจน เลยต้องกลับมาคิด ทบทวนปรัชญาการศึกษาของบ้านเราอีกแล้วว่าทำไมไม่ตอบสนอง ให้คนรู้สึกสำนึก รับผิดชอบชั่วดี ถึงแม้จะมีประจักษ์พยานอย่างชัดแจ้ง แต่ก็ยังนิยม ชมชอบ ยอมรับผู้นำชวนชุมนุมประเภทดังกล่าว ทำให้ชวนคิดว่า น่าจะมีอะไร อะไร แอบแฝงอยู่มากมาย โดยที่คนอย่างเรา มิสามารถ ทราบได้ เหมือนเรื่องบางเรื่อง ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตามสัจธรรมพระพุทธศาสนาว่า ทุกสิ่งย่อม เกิดขึ้น ตั้งอยูดับไปในที่สุด สาธุกรุงเทพฯ๒๖ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
แด่คุณครูสุพจน์ พิมพ์หานาม
สมัยเมื่อผมได้ปฏิบัติหน้าที่ ที่โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง คุณครูสุพจน์ ได้อุทิศตนเพื่องานกิจการลูกเสือของโรงเรียน ร่วมกับผู้ช่วยเหลือท่านอื่นๆ มากที่สุดอีกท่านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการสอนกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ที่โรงเรียน หรือขณะไปอยู่ค่ายพักแรม การออกแบบกิจกรรม การดำเนินกิจกรรม ตลอดจนเป็นพิธีกร การชุมนุมรอบกองไฟ ซึ่งจะทำให้ผู้บังคับบัญชา ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ทุกคน ได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลินผ่อนคลาย อย่างพิธีกรมืออาชีพ และใช้วิธีการแบบลูกเสือ แก้ปัญหาพฤติกรรมนักเรียนซนๆ ได้ดีมากทีเดียว ทำให้ผมมิลืมที่จะต้องบันทึก ระลึกถึงความดีงาม ที่คุณครูสุพจน์ได้ช่วยผม ช่วยโรงเรียน ช่วยนักเรียนเสมอมา แถมยังช่วยเหลือผม ให้สามารถจัดหา วิทยุสื่อสารของทางราชการ มาให้โรงเรียนได้ใช้สำเร็จ เป็นลำดับต้นๆ ของกรมสามัญศึกษา ผมรู้สึกตกใจเมื่อได้ข่าวว่าคุณครูป่วย วางแผนว่าจะไปเยี่ยมสักวัน แต่ต้องมารู้สึกเสียใจที่สุด เมื่อรู้ว่าคุณครูได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าทุกชีวิตไม่สามารถ ฝืนธรรมชาติ สัจธรรม ของชีวิตไปได้ แต่ลึกๆยังรู้สึกเสียดาย อาลัยยิ่ง ไม่ปรารถนาให้คุณครูด่วนจากไปแต่โดยเร็ว อย่างไรก็ตามต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ลูกศิษย์ของคุณครู เพื่อนครูทุกท่านด้วย ขอดวงวิญญาณของคุณครู สู่สัมปรายภพด้วยเทอญ
วีระ สินสมุทร
๒๒ กันยายน ๒๕๖๓
เสียใจด้วยครับ
มาตรฐานขนส่งรถตู้บ.ข.ส.
เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓ เดินทางไปประชุมสป.สช.ที่จังหวัดระยองเบอร์รถตู้กรุงเทพฯ-ชลบุรี-ระยอง หมายเลข ม. ๒ (จ) ๗๖-๔๖ จากกรุงเทพฯเวลา ๐๕:๐๐ น ถึงระยองเวลา ๑๑:๑๕ น การประชุมเกือบสิ้นสุดลงแล้ว เล่าสภาพการเดินทางให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งบอกว่าตัวเองก็เจอแบบนี้มาแล้วเหมือนกัน รถตู้นี้จะรับผู้โดยสารตลอดทาง นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ในราคา ๒๐,๓๐…๑๒๐บาท อัดแน่น บีบที่นั่ง ให้ยืนบริเวณประตู ระหว่างรอ อัดบุหรี่ไปด้วยเกือบทุกป้าย แวะเติมแกส แล้วเก็บค่ารถ ๑๖๐ บาท คันหลังแซง ท้ายที่สุด ไปถ่ายรถที่สัตหีบอ้างว่าเหลือผู้โดยสารสองคนไม่คุ้ม คันต่อมาก็แบบเดียวกัน รับผู้โดยสารหญิงที่รู้จักกัน คุยกันแบบกระเป๋ารถสองแถวกับคนขับไปเกือบตลอดทาง ลงที่บ.ข.ส.ที่ ๒ แล้วต่อรถจยย.ไปโรงแรมโกลเดนซิตี้ห่างออกไปประมาณ ๔-๕ กิโลเมตรอีก ๗๐บาท ที่เล่ามานี้มีความประสงค์เพื่อจะบอกผู้โดยสารให้ทราบว่า ถ้าต้องการไปทำธุระที่ระยองภายในสองชั่วโมงจากกรุงเทพฯ อย่าใช้รถตู้เส้นทางนี้ ให้ใช้รถตู้ทัวร์ระยองเลย หรือสอบถามเส้นทางให้แน่ก่อนว่าเข้าชลบุรีไหม เพราะจะเสียเวลามาก และถ้าผู้เกี่ยวข้องกับการบริการรถตู้บขส.ได้อ่านโปรดพิจารณาคุณภาพของการบริการของรถตู้แบบนี้ด้วยเถอะ เพราะได้ทราบว่า บริการไม่แตกต่าง จากที่เล่าไปให้อ่าน เกือบทั้งสิ้นสร้างมาตรฐานการบริการของพนักงานขับรถด้วย จะได้เป็นหน้าตาของประเทศบ้างนะครับ๒๒ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ความเห็นการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร
ที่จะกล่าวต่อไปนี้ไม่ได้เกลียดฝ่ายค้าน หรือรักฝ่ายรัฐบาล อย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เท่าที่ฟังการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ ในสภาผู้แทนราษฎร ของท่านผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ เห็นว่าผู้อภิปราย จำนวนไม่น้อย ใช้วาทกรรม โจมตีฝ่ายตรงกันข้าม ให้สะใจ แทนที่จะหยิบยกนโยบาย หรืองานที่ฝ่ายรัฐบาล จัดทำขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่สิ่งนั้นไม่บรรลุวัตถุประสงค์ อันเนื่องมาจากการโกงกิน ของเจ้าหน้าที่ การบริหารงานผิดพลาด โดยมีหลักฐานประกอบ อย่างชัดเจน ไม่ใช่อภิปรายโจมตี ขับไล่ให้ออกไป โดยไม่มีหลักฐาน ที่เป็นธรรม มิใช่ใช้เพียงคำพูด ให้น่าเชื่อถือ หรือสะใจ เพียงอย่างเดียว เลียนแบบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยก่อน ที่กล่าวโจมตี ใช้มุขสนุกสนานตามใจชอบ แทนที่ผู้อภิปรายสมัยใหม่ น่าจะใช้วิธีหาข้อมูล นำเสนอข้อมูล ให้ทันสมัย มาอภิปรายเป็นแบบอย่างที่ดี ให้เยาวชน ที่จะเป็นส.ส.รุ่นต่อไป ได้ถือเป็นแบบอย่าง อย่างมีคุณภาพ ใช่ว่าคนอื่นไร้คุณภาพด้วยคำพูดเฉยๆ ไร้หลักฐานยืนยัน ถ้าเป็นแบบนี้ ตัวผู้อภิปรายเองก็ไม่ได้ แตกต่างอะไรไปจาก ฝ่ายที่ถูกกล่าวโจมตีเรื่องนี้น่าจะเป็นความคิดของผู้อภิปรายเอง ที่อ้างว่าเป็นคนยุคใหม่ คิดพิจารณาพัฒนากระบวนใหม่ เพื่อการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ แบบใหม่ที่มีคุณภาพ มีคุณค่า ต่อการพัฒนาขบวนการประชาธิปไตยของไทย ขอบคุณครับ
๙ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
จุดยืนที่เปลี่ยนแปลง
เด็กๆอาจมีจุดยืนที่เปลี่ยนแปลงได้ ตลอดเวลาตราบเท่าที่เขา ยังไม่สามารถพิสูจน์ถึงเหตุผลที่แท้จริง ซึ่งสนับสนุนความเชื่อนั้นๆ ได้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าหาก แม่ พ่อ ครู อาอาจารย์ ของเด็กๆ ไม่มีจุดยืน ที่มั่นคงในวิถีชีวิตด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ คงไม่ต้องคาดหวัง กับข้าราชการนักการเมือง ที่คิดกอบโกย ตักตวงผลประโยชน์ของแผ่นดิน เพื่อตัวเอง ที่จะมาเป็นแบบที่ดี ให้กับเด็กๆ แถมยังอาจก่อให้เกิด ความเสี่ยงกับเด็กๆ และอนาคตของประเทศชาติ มากยิ่งขึ้น ถ้ายังมีคนคิดว่าการทำตามกฎหมายบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ จนติดเป็นนิสัย เว้นเสียแต่ว่าจะทำตามความรู้สึกที่เขาเห็นชอบในขณะนั้นเท่านั้น เพราะฉะนั้น คนที่จะให้ข้อคิดกับเด็กๆ จึงควรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ จึงจะสามารถดูแลความปลอดภัย ทางด้านวุฒิภาวะของเด็กๆได้จริง เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็กๆ จะต้องตระหนัก ในการที่จะวางระบบ หลักสูตร กระบวนการสอนประชาธิปไตยของไทยเสียใหม่ เพื่อเด็กๆจะได้มีจุดยืนที่มั่นคงได้จริงกรุงเทพฯ๐๕ กันยายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
เป็นห่วงเด็กๆ ครู ผู้ปกครองครับ
ช่วงนี้มีภาระกิจหลายอย่าง ทำให้ไม่ได้เขียนอะไร ในช่วงที่มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ โรงเรียน นักเรียน ครู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวการชูสามนิ้ว ที่เอาไปพัวพันกับการเมืองด้วยยิ่งแย่มากๆ ที่จริงถ้าจะยกมือแบบลูกเสือ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการลูกเสือก็ผูกพันกับนักเรียนอยู่แล้ว ที่เป็นห่วงคือ ในขณะที่สังคมส่วนใหญ่หวังว่า นักเรียนจะต้องไม่มีการชูสามนิ้วในโรงเรียน ส่วนกลุ่มที่อ้างว่าถ้านักเรียนเป็นคนรุ่นใหม่ มีความคิดก้าวหน้า รักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการจริง จะต้องชูสามนิ้วทีนี่ เดี๋ยวนี้ แล้วครู และ นักเรียนจะเลือกทำอย่างไร จะได้ปลอดจากการตราหน้าจากสังคม ว่าเป็นคนไม่รักชาติ ศาสน๋ กษัตริย์ไม่ว่าจากฝ่ายใดฝ่ายก็ตาม ถ้ามองบทบาทโรงเรียนว่าต้องสร้างนักเรียนให้เป็นคนดี และคนดีจะต้องจะแสดงให้เห็นว่ารักชาติศาสน์ กษัตริย์ อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นนักเรียนที่เหลือย่อมถูกมองว่าเป็นคนไม่ดีทันที บอกเลยว่าไม่มีทางที่จะห้ามความคิดเหล่านี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความคิด ของนักเรียน ครู ผู้บริหาร หรือแม้แต่ผู้เขียนเองก็ตาม ส่วนการไปตำหนิ ลงโทษรุนแรง ต่อครู นักเรียนที่คิดต่าง ที่ไม่ได้ผิดกฎหมาย กติกาอย่างชัดเจน ย่อมเสี่ยงมาก เช่นกัน ก็เพียงแต่หาครู วิทยากร นักเรียน ที่รักชาติบ้านเมืองมาพูด หยิบยกเหตุการณ์จริงๆ และผลที่เกิดขึ้นต่อคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองให้เด็กๆได้เห็น รับทราบ เรียนรู้ หรือ จัดกิจกรรมให้นักเรียน ครู ได้รับรู้ว่าบรรดาสิ่งเกิดขึ้นล้วนเป็น เป็นธรรมชาติ เป็นกระแสสังคม ซึ่งถูกจัดขึ้นโดยกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์ จากบ้านเมือง อีกหน่อยมันก็จะหายไป สิ่งดีๆในบ้านเมืองเราบรรพบุรุษลงทุน ลงแรง ทั้งชีวิต สรรสร้างไว้ให้ลูกหลานมากมาย ท้ายที่สุด กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนาเอง ว่าใครประสงค์ดี ต่อ เด็กๆ ชาติบ้านเมืองเอง คงไม่นานเกินรอ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
แด่ท่านสุนทรภู่ครูกลอน
สุนทรภู่ ครูกลอน สอนไว้นาน จนลูกหลาน เหลนโหลน โน่นนี่นั่น เรียนบทกลอน สอนศัพท์ นับอนันต์จนทุกวัน แววมี ที่คนไทยขอเคารพ นบไหว้ ไว้เหนือเศียรได้พากเพียร เขียนอ่าน นานนักหนาบูชาครู รู้ใจ ในมิถุนา ยี่สิบหก หวนหา อาจารย์กลอน ขอนอบน้อม พร้อมจิต นิจนิรันดร์แด่ครูนั้น เหนือใคร ในโลกหล้า ทุกถิ่นที่ ทั่วไทย ใฝ่นำพากราบวันทา ท่านภู่ อยู่นิรันดร์ สุราษฎร์ธานี ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๑๕:๓๐ น.
ไม่มีความเห็น
คิดถึงแม่ ๖
ยังโศกเศร้า ร้าวใจ ไม่สิ้นสุด เป็นมนุษย์ สุดเจ็บ เหน็บหนาวเหลือ เกิดจากกัน ขั้นตาย คล้ายคลุมเครือ เหมือนเป็นเรือ ร่อนเร่ เหว่ว้าใจ วันที่แปด เป้าหมาย ถ่ายเปลี่ยนเวรไปตามเกณฑ์ กำหนด จดจำไหม ไปดูแล แม่พ่อ ต่อสายใย ต่อนี้ไป ไม่มีแม่ แต่พ่อยัง ด้วยหัวใจ ในฉัน มันถูกหยิบทุกยี่สิบ หยิบไป ไม่มีหยุดปีหกสอง ของตุลา มาเป็นชุดรอสิ้นสุด สักวัน ฉันคงตาย วีระ สินสมุทร เสาร์ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๑๒:๑๒น.
ไม่มีความเห็น
คิดถึงแม่ตอนที่ ๕
อีก ๕ วันก็จะถึงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๓ แล้ว จะครบกำหนดที่แม่จากไปครบ ครึ่ง ปี โชคดีที่แม่ไปก่อน ถ้าแม่อยู่ถึงตอนนี้ หรือแม่ไปในวันนี้ ก็จะเป็นเหยื่อของโรคโควิท ๑๙ การเดินทางไปดูแล ไม่ว่าจะข้ามจังหวัด หรือไปโรงพยาบาล ก็ยากลำบาก และถ้าเป็นเหยื่อโรคนี้จริงๆ การจัดงานส่งแม่สู่สวรรค์ ก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น สาธุบุญกุศลส่งให้แม่ ไปสวรรค์ได้ก่อนช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม การทำบุญใส่บาตรให้แม่ ในช่วงนี้ก็ลำบากอยู่ดี เพราะพระไม่มารับบิณฑบาตร ทุกๆปีในวันสงกรานต์ แม่จะมีคำพูดเตือน “มึงอย่าปีนต้นไม้ อย่าขึ้นที่สูง อย่าใช้ของมีคม อย่าทำงานเสี่ยงอุบัติเหตุ” ทำให้คำห้ามของแม่ หรือคนยุคก่อน แฝงไว้ด้วยคุณค่าต่อชีวิตคนสูงยิ่ง ซึ่งตีความได้ว่า หากเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นแล้วไม่มีหมอรักษา ไม่มีคนนำส่งโรงพยาบาล แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของคน ที่ฝืนคำห้ามนั้น คำพูดอย่างนี้ของแม่ จะก้องอยู่ในหู ตลอดไป อยากฝากคำพูด ถึงแม่ในแดนสุขาวดีให้ได้รับรู้ว่า คำพูดของแม่ มีสาระ จะถ่ายทอดให้ลูกหลานไว้ สืบต่อไป ขอให้แม่ สุขใจในสรวงสวรรค์เถิด รักคิดถึง เหมือนเดิม กรุงเทพฯ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สงกรานต์ ๒๕๖๓สงกรานต์ไทย ไปไหน ในปีนี้โควิทปี สิบเก้า เข้ามาหาทุกทุกปี ที่ผ่าน นานนมมาสงกรานต์ฆ่า คนไทย ไปนับพันเชื้อโควิท ติดไทย ไปสามพัน หมอช่วยกัน กอบเกื้อ เพื่อรักษากลับบ้านกัน พันสาม ตามกันมา สี่สิบกว่า พาดิ้น สิ้นชีวันระดับโลก โศกเศร้า ราวสองล้านส่งกลับบ้าน ผ่านรักษา กว่าสี่แสนอีกแสนกว่า อนาถ ขาดใจแทนไม่น่าแค้น โควิท คิดขอบใจ สงกรานต์นี้ ปีหน้า ว่ากันใหม่ขอคนไทย ทุกที่ มีสุขสันต์ ปลอดสิ่งร้าย ได้สิ่งดี มีอนันต์ทุกชีวัน มีชีวี ที่ดีเอยราตรีสวัสดิ์ กรุงเทพฯ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สมดุลย์ธรรมชาติ
ธรรมชาติ มักจะมี ความสมดุลย์ในตัวของมันเองเสมอ ถัาหากมีใครไปฝืน หรือทำลายมัน มันก็จะจัด สมดุลย์ให้ใหม่ด้วยตัวมันเอง เราไม่รู้เหมือนกันว่า การขุดเจาะน้ำมัน น้ำบาดาลที่ผ่านมา ได้มีการเติมอะไร ลงไปแทนที่น้ำมัน หรือน้ำที่เราขุด ขึ้นมาใช้ หากไม่ได้เติมอะไรลงไปแทนที่ พื้นโลกอาจต้องยุบตัวลง แล้วก่อให้เกิดภัย แผ่นดินไหว ตามมาด้วยสึนามิ แล้วกลืนเอาชีวิตมนุษย์ไปอีกเท่าไร การทำลายป่า เป็นเหตุให้ขาดฝน ตามมาด้วยมหันตภัยแล้ง การทิ้งสิ่งสกปรก ลงในแม่น้ำลำคลองหรือทะเล จะทำลายชีวิตสัตว์น้ำ และจะส่งผลต่อการทำลายชีวิตมนุษย์ การที่เครื่องบิน พ่นไอเสีย ใส่บรรยากาศ มันจะเพิ่มพิษอะไรต่อชีวิตมนุษย์บ้างหรือเปล่า การเผาขยะ กันทุกๆวัน นอกจากจะเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ ให้กับบรรยากาศแล้ว จะเพิ่มฝุ่น พีเอ็ม ๒.๕ ให้อากาศที่ห่อหุ้มพวกเราหรือไม่ ในขณะที่ประชากร เพิ่มจำนวนขึ้นมาก ที่อยู่อาศัยกลับลดลง ปริมาณอาหารต้องเพิ่มขึ้นมากๆ ยาต่อต้านโรค ยารักษาโรคก็ต้องได้รับการพัฒนาเพื่อเอาชนะโรคดื้อยาให้ได้ มนุษย์พยายามทุกวิถีทาง ตามที่คาดว่าจะเอาชนะธรรมชาติได้ แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะล่วงรู้ธรรมชาติที่แท้จริงของธรรมชาติ และเอาชนะมันได้ แล้วถ้าเอาชนะมันไม่ได้ล่ะ คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ถ้าไม่มีใครทำให้ทะเล มหาสมุทร สกปรก ถ้าเครื่องบิน ไม่พ่นไอเสียใส่บรรยากาศ สักระยะหนึ่ง พื้นน้ำ และบรรยากาศ จะสะอาดขึ้นบ้างไหม หรือภัยอันตรายจะลดลงไหม จะเกี่ยวกับโควิท ๑๙ ไหมหรือภัยจะไปอยู่ที่จุดอื่น ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท และรีบร่วมมือแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกันโดยเร็วเถิดพี่น้องกรุงเทพมหานคร ๐๗ เมษายน ๒๕๖๓
ธรรมชาติเอาคืนค่ะ
โควิท ๑๙
กราบคารวะ แพทย์ พยาบาล ที่เคารพรักทุกท่าน โดยเฉพาะท่านที่ไม่เคยได้หยุดเลย บางคนมีครอบครัว ก็ไม่ได้อยู่กับครอบครัวเลย เพราะต้องดูแลคนป่วย ท้ายที่สุด ก็ต้องทิ้งชีวิตของตัวเอง ทิ้งครอบครัวไปสู่ที่ชอบๆ (เชื่อว่าจริงๆแล้วคงยังไม่ถึงเวลานั้นหรอก ขอเวลา - RIP)นอกจากนี้คนที่เกี่ยวข้องด้วย ก็มีอีกไม่น้อย เช่นเจ้าหน้าที่ วิทยาศาสตร์การแพทย์ เภสัชกร แม่บ้าน ร.ป.ภ. เจ้าหน้าที่สนามบิน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร ผู้บริจาค ที่พัก น้ำ อาหาร หน้ากาก เงิน คนทั่วไปที่รู้ว่าติดโรคโดยไม่ตั้งใจ และยอมปฏิบัติตนตามกฎหมายโดยดี ตลอดจนคนยอมกักตัวเองอยู่ที่บ้านพัก ทำให้สถิติของประเทศเรา ถึงไม่น่าพอใจก็ต้องพอใจ กว่าประเทศที่ชื่อว่าเจริญแล้ว หรือเป็นประเทศประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก ท้ายที่สุดต้องขอบคุณ คณะรัฐบาล ที่ได้ประกาศกฎหมายพระราชบัญญัติปกครองบ้านเมืองในสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้จะช้าไปบ้าง บางท่านถูกด่ายับ แต่อดทนสูง เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศ ถ้าคนด่า จะต้องทำหน้าที่ เป็นนายกรัฐมนตรี จะทำได้แบบนี้หรือปล่าว หรือลงเหวหนักเหมือนบางประเทศไปเลย เชื่อว่าเมืองไทย ยังมีคนไทยที่น่ารักอีกมากมาย ใจดี ใจบุญ ไม่เคยด่า มีแต่ช่วย มีแต่ให้ อย่างไรก็ตาม เรายังสำนึกในบุญคุณ ทุกๆท่านที่พูดถึง ไม่มีท่าน เราแย่ เราจะทำตัวไม่ดื้อ จะให้ความร่วมมือ อย่างดีที่สุด ขอบใจโควิท ๑๙ ที่ให้บทเรียนกับโลกนี้ แต่ถึงเวลาสมควรกลับบ้าน ไปเถอะ โควิท เอ๋ย (จะรู้เรื่องไหมนี่ ๕๕๕)อย่าสร้างบาป สร้างกรรม มากนักเลย สมควรแก่การแวะมาเยี่ยมแล้วล่ะ.. อิอิ..กรุงเทพฯ ๐๖ เมษายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ถึงเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว
๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ เป็นวันที่นายกพลเรือน ยศพลเอก ทางทหารต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ทั่วประเทศ เพื่อสู้กับกองทัพ เชื้อโรคไวรัสโควิท ๑๙ โดยเอาชีวิตมนุษย์ชาวไทยทุกคนเป็นเดิมพัน เพราะ ณ วันนี้ ( ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ ) คนไทยติดเชื้อ ๙๓๔ราย รักษาหายแล้ว ๗๐ ราย อยู่ในโรงพยาบาล ๘๖๐ ราย เสียชีวิต ๔ ราย เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ๑๓,๐๒๗ ราย ส่วนทั่วโลก ณ วันนี้ ติดเชื้อสะสม ๔๒๒,๖๒๗ ราย ใน ๑๙๘ ประเทศ เสียชีวิตสะสม ๑๖,๔๖๒ ราย ประชากร แม่ พ่อ ภรรยา สามี ลูก หลาน อาจต้องแยกกันอยู่ อาจไม่ได้พบกันเลย ถ้าติดโรคแล้วรักษาไม่หาย รัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ทุกคน ทำงานหนัก ถูกด่า มากกว่าถูกชม ยังไม่รู้จะเอางบที่ไหนมาชดเชยแรงงาน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แพทย์ พยาบาล นอกจากต้องเสี่ยงชีวิต ทำงานหนัก แล้วยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และครอบครัว กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ร่วมมือ อยู่บ้าน รักษาสุขภาพ ออกกำลังกายตามควร สงสัยให้พบแพทย์ทันที ไม่เห็นแก่ตัว ให้ความร่วมมือ เห็นใจซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกัน ช่วยบริจาค เงินทอง ข้าวของ แบบคนไทยน้ำใจงาม ใช้เครือข่ายสังคมให้เป็นประโยชน์ สาธุขอให้ชาวไทย ชาว โลกอยู่รอดปลอดภัย จากไวรัส ๑๙ นะครับกรุงเทพฯ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓
ลองคิดเล่นๆ
ในขณะที่คนกำลังพัฒนาตนเอง ทางด้านความสวยงามของรูปร่าง หน้าตา ผลงาน ความคิด มาจนถึงยุคดิจิตอล และจะล้ำหน้าไปถึงไหนยังไม่รู้ได้ ขณะเดียวกัน ก็อาจเป็นไปได้ว่า เชื้อโรค แต่ละชนิด อาจจะพัฒนา ตัวเอง ไปสู่ สายพันธุ์ไหม่ ซึ่งอาจจะยาก ในการที่จะรักษา ด้วยยาเดิมๆ กว่าจะสามารถคิดผลิตยาตัวใหม่มารักษาได้ ชีวิตมนุษย์ ที่เจอโรคสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ อาจจะต้องตายไป ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน ถึงแม้ว่า เราจะออกกำลังกาย ตามหลักการ ทานอาหารถูกสุขลักษณะ แต่ยังมีคนอุตริทำอาหารเมนูแปลกๆทาน โดยคิดเพียงแต่ว่า ให้มันอร่อย และสะใจ โดยลืมคำนึงไปถึง ความปลอดภัย ต่อชีวิตมนุษย์ด้วยกัน แล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น หมอ พยาบาล คนไข้ ต้องตายตามๆกันไป ใครจะอยากเรียนหมอ พยาบาล อีกไหม ภาพข่าว สนามบินเกือบจะปลอดผู้โดยสาร ห้างสรรพสินค้า แทบจะไร้ลูกค้า การท่องเที่ยวพังพินาศ เศรษฐกิจย่อยยับ ยังจะมีปัญหาการบ้านการเมืองรุมเร้าเข้าไปอีก ใครจะแก้ปัญหาได้ไปรอบด้านในเวลาเดียวกัน พี่น้องเอ้ย ลดความเห็นแก่ตัวลงบ้างเถอะ อย่าคิด เอาเพียง มันส์ อร่อย สะใจ และกำไรชีวิตของตนเอง และพวกพ้องเพียงอย่างเดียวเลย ….ดื้อรั้นมากๆท้ายที่สุด จะไม่เหลืออะไรเลย รวมถึงคนที่เห็นแก่ตัวด้วย ไม่มีเทวดาที่ไหนจะบัลดาลให้ มีผู้วิเศษแก้ปัญหาให้โลก สงบสันติ ได้คนเดียว ในระยะเวลาชั่วพริบตาได้หรอก เชื่อเหอะท่าชนะ สุราษฎร์ธานี๐๒ มีนาคม ๒๕๖๓
โรคที่รักษาในสมัยก่อน มีฝีดาษ อหิวาตกโรค วัณโรค มะเร็ง ฯลฯ ซึ่งสมัยก่อนรักษาไม่หาย รวมถึง HIV มาบัดนี้ โควิด-๑๙ อีกหน่อยก็คงรักษาหายค่ะ…มันน่าจะเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ของมันเอง หมอบางท่านบอกว่า ไม่ใช่พัฒนา แต่ในความคิดของดิฉันว่า “มันน่าจะพัฒนาค่ะ”…แต่ให้เชื่ออย่างหนึ่งว่า เมื่อหากเชื้อโรคพัฒนาขึ้นได้ ก็น่าจะหาวิธีรักษามันได้ค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาค่ะ…แต่สิ่งหนึ่ง คือ มนุษย์ชอบเสาะแสวงค่ะ
คิดถึงแม่ตอนที่ ๔
จำได้เสมอ ว่า แม่ ทำกับข้าวอะไรให้ทาน แม่รู้ว่าเราชอบอะไร ตั้งแต่ยังเล็กๆ จนกระทั่ง เกษียณอายุราชการ ยังเป็นห่วงเสมอ ว่า ทานข้าวหรือยัง จะไปไหน ไปกับใคร เป็นยังไงบ้าง ไม่สบายหรือเปล่า ปวดหัวไหม อยากทานอะไรอีกไหม วันนี้ออกกำลังกายแล้วหรือยัง ไปวิ่งหรือยัง ไปพบเพื่อนหรือยัง อยากรู้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับการกระทำของเรา ว่าสำเร็จหรือไม่อย่างไร เดือดร้อนหรือไม่อย่างไร เรายังคิดเสมอว่า อีกนานกว่าเราจะโต ในสายตาแม่ แต่ไม่ค่อยคิดว่านั่นคือความเป็นห่วงของแม่ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ตัวเราเองจะรู้เหมือนกันว่า แม่ชอบอะไรก็จะหาฝากแม่บ้าง และจะต้องพูดกับแม่ดีๆ จะไม่ว่าแม่ให้ช้ำใจ จะต้องช่วยแม่ถือของ จะต้องพาแม่ไปพบหมอ จะต้องนอนเฝ้าแม่ จะต้องจัดยาให้แม่ จะต้องบีบนวดบ้าง จะต้องทายาให้แม่ จะต้องหยอดตาให้แม่ สิ่งเหล่านี้มันฝังลึกในใจซึ่งกันตลอดเวลา วันจากกันไป คนจากไปไรัความรู้สึก แต่คนอยู่ใจแทบขาด ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ไม่มีใครสามารถฝืนได้ แต่ใช่จะสามารถลดความโศกเศร้าอาลัย อาวรณ์ลงได้ง่ายๆ ขณะจัดงานศพไม่ค่อยกะไร แต่ถึงเวลาประชุมเพลิงแทบจะวายชนม์ ความรู้สึกว่าขาดพลังใจไปอย่างยากที่จะหาอะไรมาทดแทนได้ ก็จะปรากฏอยู่กับเราตลอดเวลา บางคนบอกว่ารู้สึกกลัว แต่เราอบอุ่นอยู่เสมอ เมื่ออยู่ใกล้อังคารแม่ ปรารถนาให้แม่สถิตย์ณ สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่บุญใครบุญมัน ทำได้แค่อุทิศบุญกุศลตามความเชื่อ ให้ท่านได้เท่านั้น และก็จะทำไปจนกว่าจะไม่สามารถทำเพื่อแม่ได้ท่าชนะ สุราษฎร์ธานี ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
เสียใจด้วยคร้บ
แม่คือดวงใจของเราค่ะ
นักเรียนนักศึกษาประชาธิปไตย
มันเป็นเรื่องที่แปลก ที่อยู่ๆนักเรียนนักศึกษาประท้วงพร้อมกันทั่วประเทศ เพราะไม่พอใจเผด็จการ หรือการยุบพรรคการเมืองกันแน่ ก็ยังนึกไม่ออกเลยเพราะไม่ได้อยู่ในสถาณการณ์จริง ไม่ได้ดูแลสังเกตุพฤติกรรมพวกเขา ด้วยตัวเองโดยตรง ว่าการประท้วงของพวกเขา เริ่มต้นจากอะไร เป็นอย่างไร เริ่มพูดจากันอย่างไร ช่วงนี้กำลังเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รัฐบาลไม่น่าจะเป็นฝ่ายใช้วิธีการนี้เพราะมันอาจกลับมาทำร้ายฝ่ายรัฐบาลเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง นักการเมืองพรรคนั้น ก็เคยประกาศก้องว่า พรรคการเมืองของพวกเขาเป็นพรรคที่ยึดมั่น ในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ที่รักชาติบ้านเมืองยอมเสียสละทุกอย่าง เพื่อชาติบ้านเมือง พรรคนี้ประกาศตัว หนักแน่นเช่นนี้ ย่อมไม่น่าจะใช้วิธีการนี้เช่นกัน หรือนักเรียนนักศึกษา คิดทำเรื่องนี้เองพร้อมๆกัน เกือบทั่วประเทศ มันจะเป็นไปได้จริงๆหรือ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงเกี่ยวข้องกับการระบาดของ ไวรัสโคโรนา โควิด ๑๙ จะเป็นการเสี่ยงสำหรับนักเรียนนักศึกษามาก ถ้าใครใช้วิธีนี้กับนักเรียนนักศึกษาถือว่าเห็นแก่ตัวอย่างโหดร้ายมาก โดยเฉพาะถ้าทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง อยากฝากคุณครู อาจารย์และผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษาให้ความรู้ความเข้าใจ ความเป็นจริง เชื่อว่าในโรงเรียน ย่อมมีบุคลากรที่สามารถ ทำให้นักเรียนนักศึกษา มีความกระจ่างเข้าใจ ในเรื่องความคิดต่างได้ และใช้ความคิดต่างในกรอบที่เหมาะสม เพราะถ้าพลาดออกมาข้างนอกแล้ว เกิดติดเชื้อโรคร้าย หรือเลยเถิดไปถึง การปะทะกัน เสียชีวิตหรือเกี่ยวข้องกับสถาบัน นักเรียนนักศึกษาจะเสียอนาคต ใครจะรับผิดชอบ ต่อชีวิตและอนาคตของพวกเขา อยากขอความอนุเคราะห์ ให้ทุกๆฝ่าย ตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย ท่านที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในบ้านเมือง ไม่ว่าจะคิดเหมือน หรือคิดต่างน่าจะช่วยกันดูแลอนาคตของ เยาวชนและชาติบ้านเมืองกันบ้างเถอะนะครับท่าชนะ สุราษฎร์ธานี๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
การรักษาไว้ซึ่งมหาอำนาจนั้น ในการเมืองระดับโลกนั้น ถ้าย้อนคิด บางกลุ่มทำได้ทุกอย่าง อย่างไร้คุณธรรม การฆ่าคนในรูปแบบต่างๆ ก็เป็นเรื่องง่ายๆ การประท้วงในฮ่องกง สงครามชีวภาพ ฯลฯ แม้บ้านเมืองเรา ไม่ใช่เป้าหมายตรง แต่ เป็นยุทธศาสตร์ของการเกิดเศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี กลุ่มใหม่ ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จังหวะ โอกาส ในการทำลายเอื้อ เขาก็ต้องลงมือ
เมื่อท่านผู้มีภูมิความรู้ทั้งหลายมองออก เข้าใจ ก็ช่วยกันปกป้องตามกำลังสมควร เพียงเรามีจุดยืน ด้านการดำรงชีวิตของประเทศชาติเราเอง ให้ความเมตตา ต่อคนชาติเราโดยแท้ ละกิเลส ที่ถูกครอบงำในระบอบที่เรารับมาใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็อาจหลีกเลี่ยง สิ่งโหดร้ายบางอย่าง
สงสารเสรี
วันนี้ได้เปิด โทรทัศน์ ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ถึงตอนที่ท่านเสรี กำลังจะได้อภิปราย พอดี โดยท่านมีสิทธิ์ใช้เวลา ประมาณ ๑ ชั่วโมง พอเริ่มต้นอภิปราย ได้เพียงเล็กน้อยสมาชิกรัฐสภาผู้ทรงเกียรติก็ประท้วงเป็นระยะๆ ประท้วงผู้อภิปราย ประท้วงประธาน ประท้วงผู้ประท้วง ตลอดเวลา เรื่องที่ประท้วง คือประธานไม่เป็นกลาง ประธานไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ผู้อภิปราย ไม่อภิปรายตามที่ตกลงไว้กันไว้ ผู้อภิปรายอภิปรายนอกประเด็น ผู้อภิปรายพูดจาไม่สุภาพต้องถอนคำพูด ผู้อภิปรายไม่ให้เกียรติสภา ประธานยังไม่ทันวินิจฉัย หัวข้อที่ประท้วง ของสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ท่านที่กำลังประท้วงเลย สมาชิกผู้ทรงเกียรติ อีกท่านหนึ่งหรือหลายๆท่านยืนขึ้นยกมือเหนือศีรษะ แล้วถ้าโกนว่าท่านประธานครับท่านประธานขา ขอประท้วง ใครเป็นประธานในช่วงนี้ ก็น่าหนักใจแทน กว่าจะฝ่าด่านผู้ประท้วงไปได้ เลือดตาแทบกระเด็น ท่านประธานต้องยึดตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ท่านประธานต้องไม่ให้ประท้วง ท่านประธานต้องวินิจฉัย และการวินิจฉัยของท่านประธานต้องถือเป็นที่สุด หรือยุติ แต่ก็ยังมี ท่านผู้แทนที่ทรงเกียรติ ยกมือขึ้นประท้วงต่อเนื่องเป็นระยะๆ บางทีก็จวกกันตรงๆ ปะ ฉะ ดะ เลย ไม่ได้พูดผ่านประธานตามข้อบังคับการประชุมสภาเลย อ้างรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับ ตามที่ตัวเองคิด บางทีไม่ได้ฟังว่าก่อนหน้านี้ เขาพูดอะไรกัน คำวินิจฉัยของท่านประธานว่าอย่างไร กลับมาประท้วงเรื่องเดิมๆโดยคนเดิม อ้างว่าเราไม่ควรเสียเวลา ควรใช้เวลาให้คุ้มค่า แต่ก็ประท้วง โดยจะคิดหรือเปล่านะว่าตัวเองก็ทำให้เสียเวลานะ ขนาดสอสอผู้ทรงเกียรติยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วตาสี ตาสา ยายมา ยายมี ละ จะเป็นอย่างไร ในที่สุดท่านเสรี ก็ไม่ได้อภิปรายเป็นเรื่องเป็นราว หมดเวลา ดีนะที่ท่านไม่ดี้อร้นว่าเวลาของผมหนึ่งชั่วโมงนะ ผมต้องพูดให้ครบ เรื่องที่ประท้วงเป็นเรื่องของพวกคุณ จากนั้นก็ทำให้ที่ประชุมสภาสงบลงและเดินต่อไปได้ น่าสงสารท่านเสรีจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าสาเหตุเรื่องนี้ มาจากท่านเสรีเอง หรือท่าสมาชิกผู้ทรงเกียรติกันแน่ ท่านผู้อ่านพิจารณาเองนะครับท่านท่าชนะ สุราษฎร์ธานี๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ใครคือคนดีกว่ากัน
เมื่อเขาพูดไม่ดีกับเราอย่างร้ายแรง เราโกรธไม่พอใจ เก็บอารมณ์ไม่ได้เลย ด่าเขา ตบเขา ยิงเขา หลังจากนั้นคิดว่าผลจะเป็นอย่างไร ต่อสู้กัน ทำร้ายร่างกายกันจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ติดคุก ติดตะราง เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แม่ พ่อ เมีย ลูกของเรา จะต้องเดือดร้อน คุ้มกันไหม ลองคิดูว่าเราจะสามารถ ไปบังคับให้เขาพูดดี ทำดีกับเราได้ไหม เขาเป็น ลูก ลูกศิษย์ ลูกน้องของเรา ที่เราสามารถ สั่ง การ หรือบังคับบัญชาเขาได้ หรือเปล่า จะลงมือแก้ที่เรา ง่ายกว่าแก้ที่เขาหรือไม่ แต่มันไม่น่าจะง่ายอย่างที่คิด เพราะเรามักถือว่าเรามีศักดิ์ศรีมากกว่าใคร คนอื่นจะต้องให้เกียรติเรา จะต้องพูดดี ทำดีกับเรา แท้ที่จริงแล้วแค่เพียงแต่กลับมุมมองว่า คนมีศักดิ์ศรี คือคนที่สามารถ ควบคุมจิตใจที่งดงามไว้ได้เสมอ ไม่ว่าจะมีเหตุการเลวร้ายสักแค่ไหนก็ตาม คนทั่วไปจะได้แลเห็นว่า คนที่พูดจาด่าทอ อย่างร้ายแรงต่างหาก ที่สมควร ถูกประนามจากสังคมว่า เป็นคนที่ไร้ความสามารถ ที่จะควบคุมอารมณ์ จิตใจของตัวเองได้ ดังนั้นแปลความได้ว่าคนสงบได้ เป็นคนยึดมั่น ในหลักพระพุทธศาสนา มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา อาจได้รับผลกระทบบ้าง หรืออาจเจ็บปวดบ้าง แต่คงไม่ต้องถึงกับติดคุกติดตะราง ให้แม่ พ่อ เมียลูก เดือดร้อน ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเอาตัวออกจากที่เกิดเหตุได้ไว และสามารถเพิกเฉย ต่อคำว่า สะใจ ขี้แพ้ หน้าตัวเมีย ของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเป็นพระ แน่นอนที่สุดถ้าเขาเป็นคนดี มีธรรมะ คงไม่มาด่าเรา จริงไหมครับ ใครดีกว่ากันคิดเอาเอง นะครับท่านผู้เจริญท่าชนะ สุราษฎร์ธานี ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
หอมแดง
เวลาเจ็บปวดบางทีคิดอะไรไม่ออก เป็นผู้กำกับลูกเสือ ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร เรียนปฐมพยาลมาแทบทุกหลักสูตร กะแค่ทวยมันไช ( ต่อย) ภาษาใต้ หรือแมงงอดภาษาอีสาน แมงเวาภาษาเหนือ สัตว์พวกเดียวกับแมงป่อง (scorpion)สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 440 ล้านปี ยุค ซิลลูเรียน เขาว่าต่อยเจ็บกว่าแมงป่อง 20 เท่า มาต่อยตอนปิดไฟ มืดสนิท กำลังนอนใกล้เคลิ้มหลับ สุดแสนจะโกรธมันมาก เจ็บหมื่นเจ็บแสนเจ็บ ทั้งที่หลวงพ่อเคยบอกว่า เจ็บให้รู้ว่าเจ็บ ก็เอาไม่อยู่ แล้วแทนที่จะไปหายามาทาบรรเทาอาการเจ็บ กลับหยิบไฟฉายมาตามล่า แทนแสงไฟฟ้า พอไม่เจอเจ้าตัวแสบแน่แล้ว หันไปนึกถึงคำบอกเล่าของบรรพบุรุษ เอานั่น นี่ โน่น มาทา แต่ก็ไม่บรรเทา อากู (google) บอกว่าใช้เสลดพังพอนเคี้ยวพอกบริเวณถูกต่อย หรือน้ำมะนาวผสมผงชูรส อีกหลายอย่าง ไม่อยากออกไปหาท่ามกลางความมืด ทั้งยังต้องผสมกันอีกยิ่งแย่ใหญ่ เลยหันไปหา ยาหม่อง ว่านหางจรเข้ ยานวดทาแก้ปวด มันก็บรรเทาแว๊บๆ เดี๋ยวก็ปวดอีก ในใจก็คิดว่าครบรอบวัน 24 ชม. หรือครบขวบมันก็หายเอง ตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่เคยบอกไว้ ครั้นแล้วมันแว๊บมาว่าครั้งที่แล้วใช้หอมแดงผ่าซีกถูมันนี่นา คิดได้เลยจัดการถูเรียบร้อย กลับเจ็บหนักเลย แต่สองสามนาที ก็หายเหมือนปลิดทิ้ง ขอบคุณใครดี อากู ตัวเอง หรือพระ เจ้าดีนะ เขียนให้อ่านนานหน่อย ก็ประโยชน์ของหอมแดงนี่เอง ท่านอื่นอาจมีสิ่งอื่นดีกว่านี้ก็ได้ อ่านแล้วขอให้โชคดี ไม่ถูกกัด ต่อย นะครับท่าชนะ ส.ฎ.๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน จะจำไปใช้นะค่ะ พึ่งรู้ว่าหอมแดงทาแก้แมลงกัดต่อยได้ด้วย เคยเห็นมีคนเอาไปทุบ และวางไว้เพื่อให้ได้กลิ่นบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก หอมแดงเป็นสมุนไพรไทยอย่างหนึ่งที่คนไทยใช้กันมานานที่มีฤทธิ์แก้อักเสบได้ระดับหนึ่ง
ชุมชนตำบลวังท่าชนะหกสิบปีที่ผ่านมา
เขาว่าคนแก่ชอบเล่าเรื่องเก่า เพราะคนเก่า ก็ต้องมีเรื่องเก่าแก่มาเล่า คนอ่านก็เลยเรียกคนเล่าว่าเป็นคนแก่ เรื่องเก่าก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยคนเล่า จึงนำเรื่องในใจ มาเล่าให้คนอื่นอ่าน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองเขาคงคิดว่าโม้(ขี้คุย) แต่ถ้าเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับ ความเป็นอยู่ ของชาวบ้านในสมัยนั้น และแปลกออกไป ตามขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม ประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าศึกษา เป็นเกร็ดความรู้ที่ควรจะบันทึกไว้ ให้คนรุ่นหลังรับรู้ ส่วนคนอ่าน จะมองเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง กว่าโทมัส เอลวา เอดิสัน หรือพ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก เด็กหัวขี้เลื่อย เผารถไฟ แต่เขาก็เป็นคนแรกที่จดสิทธิบัตร การผลิตหลอดไฟฟ้า เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๕ ให้คนในโลกได้ใช้จนถึงทุกวันนี้ จนตอนนี้นักประดิษฐ์จีน สามารถนำไฟฟ้ามาทำเป็นเปลวไฟใช้หุงต้มแทนแก๊สได้แล้ว คนไทยในชนบท ท่าชนะ สุราษฎร์ธานี เมื่อหกสิบปีมาแล้ว พ.ศ. ๒๕๐๐ใช้ แสงจันทร์ ไต้ (torch : คล้ายคบเพลิง ทำด้วย ใยมะพร้าว หรือเปลือกไม้บางชนิดติดไฟง่ายคลุกน้ำยาง ที่เรียกขี้ชัน ห่อด้วย ใบเตย มัดเรียบร้อย เป็นลำยาวประมาณข้อศอก) จุดเอาแสงสว่าง ในยามค่ำคืน เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ส่องทาง ความรู้สึกต่อสิ่งเหล่านี้ลองจินตนาการกันเองดูนะครับ ว่าน่ากลัว น่าสนุก ตื่นเต้น หรืออย่างไร ถ้าเป็นชุมชนของผู้อ่าน แต่ต่อมาก็ใช้ตะเกียงเจ้าพายุ ไฟฉาย เครื่อง(ปั่น)ไฟ หรือที่เรียกว่าไดนาโม ต่อมามีแบตเตอร์รี่รถยนต์ และไฟฟ้าอย่างในปัจจุบัน ส่วนวิทยุทรานซิสเตอร์ และโทรทัศน์หลอด ก็กลายเป็นวิทยุและโทรทัศน์บนมือถือ แถมยังมีอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมาอีก แถมอยากได้ อยากทานอะไร ส่งกันถึงหน้าบ้าน สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงเหลือเชื่อ ในช่วงแค่กึ่งศตวรรษ เท่านั้นเอง อีกกึ่งศตวรรษหน้า คนที่มีชีวิตในช่วงนั้นบันทึกกันไว้เองก็น่าจะดีนะครับ
ไม่มีความเห็น
แด่กลุ่มสานรัดธาตุทองศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ปัจจุบันอายุประมาณ ๕๗-๕๘ปี)….ร้อยกรองพาไป….สานใจไมตรีรุ่นพี่น้อง รักครูของพวกเขาดั่งเล่าขานธาตุแท้ของศิษย์จิตตระการทองแท้ท่านว่าน่าเชยชมสองมือกราบแทบเท้าบูชาครูห้านิ้วคู่งดงามตามนิสัยหกทิศงามตามพุทธวินัยสามแก้วใจพุทธ ธรรม สงฆ์ คงนิรันดร์ลุสิบหกกุมภาห้าหกสามศิษย์โทรตามหาครูมาสู่ขวัญขอแสดงความเคารพอภิวันท์ส่วนครูนั้นจากไกลไปแทนคุณไว้ปีหน้านะครับรับขวัญใหม่ขอขอบใจแทนครูอยู่สลอนขออำนาจเทพไท้ในอัมพรเอื้ออาทรแด่ศิษย์สัมฤทธิ์เทอญ ท่าชนะ สุราษฎร์ธานี ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น