อันเนื่องมาจากโควิท
เข้าใจเอาเองว่ารัฐบาลพยายามใช้วิธี ให้ประชาชนผู้รักชาติได้ใช้ชีวิตเพื่อทำมาหากิน โดยไม่งอมืองอเท้ารับความช่วยเหลือจากเงินภาษีของประชนแต่เพียงด้านเดียว แต่ใช่ว่าประสบการณ์การแก้ปัญหาของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ เอกชน ที่เคยร่วมมือกันต่อสู้ครั้งก่อนหน้านี้ จะทำให้การแก้ปัญหาครั้งนี้ง่ายขึ้นหรือสะดวกขึ้นกว่าเดิม ก็หาไม่ การออกหนังสือรับรองการเข้าออกพื้นที่ ระหว่างจังหวัด ซึ่งเปรียบคล้ายกับหนังสือเพื่อการเดินทางระหว่างประเทศ ดูจะเป็นปัญหา อันอาจทำให้คนที่เดินทางเข้าออกระหว่างจังหวัด เพื่อธุรกรรมทุกๆวันของพวกเขา ต้องไปเข้าแถวยาวยืด ยืนรอ อันอาจนำมาซึ่งการเสียเวลาในการทำงาน เดินทาง เพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคมากยิ่งขึ้น แทนที่จะให้การรับรองจากโรงงาน หัวหน้าหน่วยงาน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ก็น่าจะเพียงพอ ในเบื้องต้น โดยอลุ่มอล่วยในการใช้แบบหนังขอและอนุญาตครั้งแรกๆ แล้วค่อยๆปรับให้สมบูรณ์ตามต้องการในที่สุด รองรับการใช้เอกสารการบันทึกการเดินทางแทนแอพ ในกรณีที่ผู้ขออนุญาต ยังไม่พร้อม หรือไม่มีสมาร์ทโฟน เป็นต้น เรื่องแบบนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงควรช่วยดูแล อำนวยความสะดวกให้พวกเขาด้วย เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาเป็นแรงงานต่างชาติที่เข้าประเทศมาอย่างผิดกฎหมาย แต่ถ้ากำลังดำเนินการอยู่แล้วอย่างเร่งด่วน ก็ขอได้รับความขอบคุณจากพวกเราผู้เห็นต่างที่อยากเห็นความรัก ความเห็นใจ ความสามัคคี ความมีสันติภาพ ในสังคมไทย ของเรา นะครับกรุงเทพฯเสาร์ ๙ มกราคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น
ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
คนไทยบางส่วน อันอาจรวมทั้ง นักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ นักวิชาการ และนักการเมือง ที่ไม่พอใจการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในประเทศของเขาเอง เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆอยู่เสมอว่า บ้านเรายังไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ อยากได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับประเทศที่พวกเขายกย่องว่า เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็คงไม่แปลกอะไร สำหรับคนอย่างเราๆ ที่คิดไม่เหมือนกัน ย่อมให้ความหมายของคำศัพท์ต่างๆ แตกต่างกันออกไป อยากได้อะไรตามที่ตนเอง หรือกลุ่มของตนเองปรารถนา แต่ถ้ามีวิธีที่จะทำให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ด้วยวิธีที่เหมาะสม สมควร โดยที่คนทั่วไปไม่ต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของพวกเขา จะเป็นที่น่าชื่นชมและสรรญเสริญอย่างยิ่ง แต่ถ้าเป็นไปอย่างคุณโดนัล ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ก็เป็นประธานาธิบดีได้สมัยเดียวเท่านั้นเอง โชคยังดีตอนนี้เรายังไม่มีประธานาธิบดี กรุงเทพมหานคร๘ มกราคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น
ปีใหม่ ๒๕๖๔
เชื่อว่าไม่มีใครปฏิเสธ “ความสุข” แต่น่าจะปฏิเสธ. “ความทุกข์” ถ้าจะให้พบสุขมากกว่าทุกข์ ก็ลองสังเกตุอารมณ์ โมโห โกรธ โลภ รัก ชัง ฯลฯ ของคนที่แสดงออกอยู่ตรงหน้าเรา เมื่อเห็นแล้ว สังเกตุดูว่าเรารู้สึกยังไง และถ้าเห็นว่าไม่น่ารัก ก็ลองย้อน ถึงการแสดงออก ของตัวเองในอารมณ์แบบเดียวกันบ้าง ว่าเคยแสดงออกแบบเดียวกันหรือไม่ ถ้าเคยแล้วปรับปรุงแก้ไข ก็ขอชื่นชม แต่ถ้ารู้สึกแย่ แต่ยังไม่ได้ปรับปรุงแก้ไข คิดว่าเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ที่จะตั้งเจตนา พัฒนาตนเอง เพื่อให้คนที่เรารัก และคนที่รักเรา ชอบพอใจ ไร้ทุกข์หรือเป็นสุข เมื่อเห็นสิ่งดีนั้นๆเกิดขึ้นกับตัวเรา ขออำนวยอวยพร ให้ผู้ที่จะทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตนเอง และคนรอบข้าง บริวาร เป็นของขวัญปีใหม่ในปี ๒๕๖๔ ปี วัว โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มท่ามกลางภัยโควิท๑๙ จงประสบความสุข เอาชนะโรคภัยทั้งมวล พบความสำเร็จ สมหวัง ในสิ่งดีที่พึงปรารถนาตลอดไปนะครับ กรุงเทพฯ๑ มกราคม. ๒๕๖๔
สวัสดีปีใหม่ครับ
ส.ค.ส. ๒๕๖๔
ปีสองห้า หกสาม ข้ามไปแล้ว หกสี่แพร้ว เพริศพริ้ง จริงหรือไม่ อยู่ที่ท่าน ทั้งหลาย หมายมั่นใจ ทำสิ่งใด ไม่พรั่น หมั่นพากเพียรทำงานดี มีทรัพย์ นับอนันต์มีธรรมนั้น เหนือทุกข์ สุขล้นเหลือดูแลกาย คลายโรค โลกก่อเกื้อ กินอย่าเหลือ เพื่อกาย หายห่างยาขึ้นปีใหม่ ใจกาย หายจากโรคทุกข์แลโศก เศร้าหาย กายหรรษาห่างโควิท คิดทำ คำขอมาหมอเขาว่า วาดไว้ ให้ทำตามขอความดี ที่ทำ นำสู่ผลห่างเจ็บจน เจอเจิด จ้าเสมอสุขล้นจิต คิดใด ได้เจอะเจอพบเสมอ สมหวัง ดั่งนิพาน กรุงเทพฯ๑ มกราคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น
กราบขอบพระคุณ ขอบคุณ พี่ เพื่อน น้อง ผู้ปกครอง ลูกศิษย์ทุกคนที่มอบคำอวยพรให้ด้วยบทกลอนต่อไปนี้ครับ
ขอขอบคุณอุ่นใจในคำพรตอบเป็นกลอนก่อนห่างทางสร้างสรรค์ เป็นคนแก่แม่พ่อกอปรอนันต์ทำทุกวันทันทีดีและเลวจะมีใครไหนรู้กูทำผิดปรับชีวิตกิจการงานเสียใหม่ให้สอดคล้องครองดีที่จิตใจใครและใครใฝ่สุขทุกทิวาเคยมีเรียนเขียนอ่านงานหน้าที่พลเมืองมีศีลธรรมนำเกิดผล สองวิชาพาหายหน่ายกมลทำให้คนเคืองแค้นแน่นอุราก่อกรรมเกิดเปิดโลกโศรกแสนเศร้าต่อต้านเจ้าจิกชนคนส่งเสริมคิดคัดค้านบ้านเมืองเรื่องเดิมๆกำเริบเริ่มเริงร่าฆ่าตนเอง จงเชื่อมั่นมุ่งมาดศาสนาแล้วจะพาพ้นทุกข์สุขเกิดผลให้โชคดีมีชัยในบัดดลชีวิตพ้นภัยพาลนานนิรันดร์
วีระ สินสมุทร ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ผลประโยชน์ของใคร
อ้างกันว่ามีข่าวรั่วมาว่า ถ้าผู้นำชุมนุมทำงานไม่สำเร็จ จะได้รางวัลลี้ภัยอเมริกา และชุบตัวโดยการเรียนให้สำเร็จแล้วกลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในไทย คนให้ข่าวเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาระดับนาๆชาติ น่าจะไม่เอาข่าวลวงมาเปิดเผย แล้วมีอ้างด้วยว่ามี ซีไอเอ ของประเทศอเมริการับรอง คิดเล่นๆว่า ถ้าเขาทำสำเร็จ ฝ่ายสนับสนุนคงดีใจมากๆ คงไม่น่าจะฆ่าขุนพล คงจะให้ไปชุบตัวต่างประเทศเช่นกัน กลับมาคงมีอาชีพให้เช่นกัน ดูแล้ว ไม่เลวทีเดียว แต่จะเขาไว้ใจในภายหน้า หรือเปล่า กับประเทศยังทำได้ กับผู้สนับสนุนเก่าๆ แก่ๆ จะยังคงซื่อตรงตลอดกาลหรือ แต่ที่น่าสงสารที่สุด คือประเทศอาจย่ำแย่ ในหลายๆด้านแน่นอน ส่วนผู้ช่วยเหลือให้เขาทำกิจกรรมสำเร็จหรือไม่สำเร็จอาจได้รับปูบำเหน็จบ้าง โดยเฉพาะน้องๆเยาวชนวัยเล่าเรียน จะได้รับอะไรตอบแทนหรือเปล่า แต่ถ้าทำไม่สำเร็จอย่าได้มอบแพะให้น้องๆ เหมือนกับประชาชนเลยนะครับ น้องๆอุตส่าห์เย้วๆช่วยเหลือเต็มที่ ท้ายที่สุดแล้วสรุปได้ว่าใครรักประเทศ รักประชาชนจริงๆ หรือรักผลประโยชน์แค่เพียงส่วนตนกันเท่านั้นเอง รอวันฟ้าพิพากษาว่าจะเป็นกรรมของใครสุราษฎร์ธานี๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ไม่มีความเห็น
กลไกประชาชน
เมื่อไรแม่ทำหน้าที่แม่ พ่อทำหน้าที่พ่อ ครูทำหน้าที่ครู ทุกส่วนในสังคมทำหน้าที่ของตนเอง ให้ดีที่สุด ใช้กฎกติกาที่มีอยู่ ประเมินกันเป็นระยะๆ ปรับปรุงกันไปหลังการประเมิน ตลอดเวลา เอาผลประโยชน์ประชาชน ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หลักการสมัยใหม่มีมาก เครื่องมือ เทคโนโลยีล้นเหลือ พร้อมที่จะช่วยให้ การทำงานเพื่อชาติประชน ให้มีความสุข ก้าวหน้า ทัดเทียมกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตามมเครื่องมือดีเยี่ยมวิเศษแค่คนใช้ไม่ดี ก็เห็นๆ ไม่ว่าจะเป็นข้างไหน อ้างเอาประชาชน เป็นที่ตั้งเสมอ สังคมที่สมบูรณ์ในอุดมคติมีได้แต่ในฝัน เห็นนักปฏิวัติ นักการเมืองมาก็มาก เวลาขอคะแนน ให้สัญญาสารพัด เวลานั่งในตำแหน่งไม่ว่าจะสถิตย์อยู่ฝ่ายไหน จะมีสักกี่คนที่ทำตามสัญญาได้ มิใช่แค่จะโยกย้ายข้าราชการ การโยกย้ายของเอกชนก็แทบไม่แตกต่างกัน ตำหนิผู้อื่นไม่นาน พอถึงเวลาตัวเองโยกย้ายคนอื่น ผู้ย้ายอ้างว่า ตัวเองทำอย่างชอบธรรม(หรือชอบทำ) เคยคิดไหมว่าจะเป็นธรรมสำหรับผู้ถูกย้าย และผู้รับย้ายหรือเปล่า ความคิดเห็นว่าทัศนะคนอื่นแย่ แต่ตนเองดี แปลว่าอย่างไร กิเลสของคน ยากที่จะกำจัด มี อิจฉา ริษยา แย่งชิง มานมนาน ประชาชนเป็นแพะตลอดเวลา โดยถูกอ้างจากหลายฝ่าย ใครจะอ้างว่าเก่งกาจ โชว์วิสัยทัศน์ได้เยี่ยมยอดได้อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปไม่ใช่ไม่แลเห็นและไม่เข้าใจ อย่าได้สบประมาทตาสี ตาสา ยายมา ยายมี ให้มากเลย จะมีฝ่ายไหนกล้าแฉว่าข้อมูลฝ่ายโน่นเป็นอย่างนี้ ฝ่ายฉันเป็นอย่างนี้ ทางออกเป็นอย่างนี้ แล้วสมานฉันท์ สร้างบ้าน แปลงเมือง ทำให้ประชาชนได้เห็นความสัตย์ซื่อ จะได้อนุโมทนาสาธุ ชาวประชาจะได้นอนหลับอย่างไม่ต้องหวาดผวาสุราษฎร์ธานี๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
เผด็จการตัวจริง
หลายคนยังไม่สามารถจัดการกับ ความรู้สึก อารมณ์ของตัวเองได้เลย วันนี้ถ้าใครทำประโยชน์ให้เขา เขาบอกดียอดเยี่ยม พอพรุ่งนี้เกิดใครคนนั้นไปทำอีกอย่าง เกิดไม่ถูกใจตัวเขา หรือไม่เป็นประโยชน์กับเขา ใครคนนั้นกลับกลายเป็นไม่ดีทันที ใครที่คิดเห็นอะไรที่แตกต่าง ก็กลายเป็นขวางหูขวางตาไปหมด ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากคนที่หว้งแสวงหาผลประโชน์แขวงอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามเขาจะเหมาะสมกับการจัดการ ความรู้สึก อารมณ์ ของกลุ่มคนได้อย่างไร แล้วจะเหมาะกับตำแหน่งใด ในกลุ่มงาน เมื่อไรได้ยศ ตำแหน่ง จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะใช้อำนาจไปในทางที่เหมาะสม จะต่างจากที่กล่าวหาคนอื่นเอาไว้ เพราะแม้แต่อารมณ์ตัวเองยังควบคุมไม่ได้ แล้วจะไปควบคุม อารมณ์คนอื่นในกลุ่มของตัวเองได้อย่างไร ท้ายที่สุด ก็อาจต้องใช้การตะแบง ให้คนอื่นทำตามที่เขาต้องการ มากกว่าที่เคยเป็นอยู่ก็อาจเป็นได้ จะเชื่อคำพูดลอยๆได้อย่างไร กลายเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จโดยใช้กฎหมายอย่าง ที่เคยมีมาให้เห็นโดยปริยายสุราษฎร์ธานี๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
คนคิดต่างยากที่จะร่วมมือง่ายๆ
สถาบันการศึกษาจำนวนหนึ่ง ได้รับทุน ได้รับความเมตตากรุณา จากสถาบันที่เคยปกปักรักษาแผ่นดินให้ถิ่นที่อยู่ และอีกหลายๆด้าน รวมถึงที่ตั้ง เครื่องหมาย สัญญลักษณ์ ต่างๆ ทำให้พ่อแม่ต้องดิ้นรน ให้ลูกเข้าเรียน เพื่อเกียรติ ศักดิ์ศรี ของลูกเอง ชาติ ตระกูล แต่วันหนึ่งลูกๆเหล่านั้นกลับคิดแปลกๆ กับผู้มีอุปการะคุณของสถาบันเสียเอง ถึงแม้เราอาจเข้าใจได้ว่าสรรพสิ่งจะต้องเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามกฎธรรมชาติ แต่การขุดต้นไม้ทั้งต้นทิ้ง ทั้งๆที่ดอก ผล หรือ ใบถูกแมลงทำลาย แค่เพียง หนึ่ง หรือ สอง สาม ดอก ผล ใบ มันเหมาะสมแล้วหรือ ช่วยกันพิจารณาให้รอบคอบ ด้วยความรัก ความปรารถนาดี ต่อระบอบการปกครองของไทยด้วยเถอะ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย ท้ายที่สุด คนไทยอาจออกมารบกันเอง ทางออกอาจต้องทำรัฐประหาร อีกครั้งตามที่มีคนเสนอ รอให้พ้นสงคราม โควิท เศรษฐกิจก่อนไม่ได้เชียวหรือ ค่อยมาชุมนุมกันใหม่ อย่าเพิ่งรีบเร่งเลย หวังพึ่งรัฐสภาน่าจะยาก ผู้แทนทุกคนรักประเทศ ยินดีร่วมมือ แต่มีเงื่อนไขเสมอ นี่แหละประเทศไทยสุราษฎร์ธานี๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ผู้พิพากษา
บางคนพอได้ศึกษามาระยะหนึ่ง แล้วคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์สุดยอด ยากหาใครเทียบเทียมได้ ทฤษฎีที่ตนเองศึกษานั้นวิเศษ คนอื่นคงไม่ได้เรียนมา การกระทำอย่างตนนั้นเป็นแบบอย่างที่ดี สำเร็จแล้ว เห็นผลประจักษ์แล้ว จึงเที่ยวไปพิพากษา ดูหมิ่น ดูแคลน เหยียดหยาม คนอื่นว่าคนนั้นคนนี้แย่ คิดว่าพวกเขาเป็น นักประชาธิปไตยอุดมการ ฟังความคิดเห็นต่างด้วยความเคารพ ไม่หยาบคาย ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ปฏิบัติตนตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ทำกันได้จริงหรือเปล่า สิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นถ้าไม่ละเมิดใคร ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนใครจะไปหยิบ มาใส่ศรีษะมันก็ต้องหนักอย่างมิต้องสงสัย แต่ถ้าไปเห็นได้ยินได้ฟังได้อ่าน แล้วแลเห็นถึงความปราถนาดี คนเขียนอาจแค่เพียงเตือนสติเราเท่านั้นหรือเปล่า ฉุกคิดแล้วนำไปพิจารณาในการประกอบสัมมาอาชีพ แต่ถ้าอ่านแล้วเห็นว่าเขาประทุษร้าย จิตใจเราก็อาศัยกระบวนการทางกฎหมายได้ แต่ถ้าไปหยิบข้อเขียนมาปรุงแต่งเองโดยผิดวัตถุประสงค์ของผู้เขียน ผู้เขียนก็ยากที่จะช่วยเยียวยาได้ อาจกล่าวได้เพียงว่าขอโทษถ้าข้อเขียนไปทำร้ายจิตใจของใครบางคน โดยมิได้เจตนา นะครับสุราษฎร์ธานี๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สัญชาตญาณมนุษย์
สัญชาตญาณคน ไม่ค่อยต่างกับสัตว์ ในแง่ ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต แต่การคิด ความมีวัฒนธรรม อารยธรรม เรียนรู้ ประโยชน์ การรู้คุณ ตอบแทนคุณ การมีสัมมาคาระวะ ซึ่งแท้จริงทำไว้กับใคร คนที่สัมพันธ์ตอบมาส่วนใหญ่ ถ้าเขาเป็นคนคิดดีกับคนอื่น รักคนอื่น เขาก็จะตอบแทนมาด้วยสัมมาคาระวะเช่นกัน เมื่อคนรอบข้างเราทำแต่เรื่องดีๆ เราเองก็สบายใจ สุขใจเช่นกัน ความคิดที่จะกระทำเรื่องดีๆ ให้ตนเอง ลูกหลาน สังคม ของบรรพชน จึงทำให้เกิดการผลิตเครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งจากนั้นเราก็มีเครื่องจักรอื่นๆต่อเนื่องกันมา เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ที่เราใช้เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์สื่อสาร หลากหลายในปัจจุบันนี้ ล้วนแต่มีคนริเริ่มในวันนั้น เราจึงมีของใหม่ใช้ในวันนี้ จึงควรระลึกถึงคุณงามความดี ในแทบทุกเรื่อง แม้แต่การผลิตเสื้อผ้านาๆชนิดให้เราใส่ ก็เป็นเพราะบรรพบุรุษใส่ใจ ในเรื่องขนบธรรมเนียม ประเพณีที่ดีงาม เพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเขา เมื่อวัฒนธรรม อารยธรรมถูกบั่นทอน ด้วยบางคนที่คิดเอาประโยชน์เพื่อตน ทำอะไรด้วยความสะใจ ความเคียดแค้น โดยไม่เคยคำนึงถึงอดีต หรือบุญคุณของบรรพชน หรือบางคนแม้แต่พ่อแม่ตัวเอง ก็ดูไร้คุณค่า ใครเป็นบุพการีของคนที่คิดแบบดังกล่าวควรเตรียมตัวไว้ ถูกทวงบุญคุณสักวัน หาคำตอบให้เขาไว้ก็แล้วกัน ตัวใครตัวมันนะพี่น้องเอ้ยสุราษฎร์ธานี๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สัณชาตญาณชีวิตที่คล้ายคลึงกัน
ได้แลเห็นสัณชาตญาณของสัตว์ในการเลี้ยงดูแลลูก ของนกคู่หนึ่งมาสร้างรังหน้าบ้าน ไข่ ฟัก ป้อนอาหารลูกอ่อน ฝึกบิน แล้วหายไป สุนัข เกิดลูก ให้นมลูก ปกป้องลูก หย่านม แล้วแยกกันไป แมงหมาร่า ก็ไม่ต่าง ธรรมชาติของสัตว์ ล้วนเป็นไปคล้ายๆกัน สัตว์ตัวผู้บางตัวของบางชนิด กลับมาผสมพันธุ์กันอย่างไม่เลือกสายเลือด และเมื่อแยกกันไปแล้ว ตัวใครตัวมัน จนกว่าจะลาจากโลกนี้ไป แต่มนุษย์ต่างจากสัตว์ เห็นว่า แม่ พ่อ ยาย ย่า ตา ปู่ น้า อา ป้า ลุง น้อง พี่ เคยอุ้มชู ดูแลกันมา ก็ เห็นคุณค่า กลับไป ดูแล รักษาพยาบาล เชื่อฟัง พูดจาดี มีสัมมาคารวะ สุภาพเรียบร้อย จัดการงานศพให้เมื่อตาย เป็นเรื่องกตัญญูรู้คุณตามหลักศาสนา บันทึกกันไว้ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ส่วนคนรุ่นหลังบางกลุ่ม อาจไม่นิยมชมชอบวัฒนธรรม อารยธรรม ดังกล่าว ไม่นิยมกตัญญูรู้คุณ ก็ดำเนินชีวิต ตามความเชื่อต่อไป วงจรชีวิตมันจะปรับของมันเอง ตามธรรมชาติ ส่วนจะสุข จะทุกข์ มากน้อย แค่ไหน หนักเบา ช้า สาย ก็ตัวใคร ตัวมัน กัมมุนาวัตตติโลโกมั้งสุราษฎร์ธานี๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ผู้แทนปวงชน
เมื่อวันที่ ๒๖ และ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ มีการประชุมรัฐสภา เพื่อหาทางออก การแก้ปัญหาให้กับประเทศ ผู้แทนของปวงชน หลายท่าน ให้ความร่วมมือดี มีมารยาท เข้าใจหลักการประชาธิปไตย เข้าใจจุดมุ่งหมายของการประชุม แต่บางท่านดูเหมือนไม่ใช่ ดูเหมือนเขาเห็นว่าสภาเป็นสถานที่ ระบายความแค้น ไม่ใช่สถานที่เสนอแนวคิดที่สร้างสรรค์ เมามันในการลับฝีปาก หรืออยากให้กลุ่มของตนเองเป็นเจ้าของประชาธิปไตยเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นหรือ คนที่เลือกพวกเขาเข้าไปจะ ดีใจ ภูมิใจ ไหมหนอ ที่ได้เห็นผู้แทนเหล่านี้เข้าไป แสดงศักยภาพในรัฐสภา หรือเขาถูกเลือกเข้าไปด้วย วิธีพิเศษ อันไม่สมควรกล่าวถึง เยาวชนจะยึดถือเป็นแบบอย่างหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่าสงสารประเทศไทยและคนไทยเสียจริงๆ ขอบคุณแกนนำผู้ชุมนุมในอดีตหลายคนที่ ให้ข้อคิดในการชุมนุม ว่าเกิดจากอะไร เพราะอะไร ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ ประเทศชาติส่วนรวมเสียหายไปมากน้อยแค่ไหน ใครเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายเหล่านั้น หรือเป็นแค่เพียงแต่กล่าวโทษโยนกันไปมา ต่างประเทศ เขาชื่นชมไหม หากปัญญาชนของเราถูกซื้อได้เพื่อทำลายชาติของเขาเอง…สุราษฎร์ธานี๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
นึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งนานมามากแล้ว
อยากเล่านิทานเรื่องนี้มาตั้งหลายวันแล้ว วันนี้ขอเล่าเลย เรื่องมีอยู่ว่า หมาป่าเห็นลูกแกะกินน้ำอยู่ปลายน้ำ อยากกินลูกแกะ แต่ก็กลัวถูกนินทาว่าร้าย จึงเดินไปต่อว่าลูกแกะว่า เจ้าเกเรบังอาจมาทำให้น้ำขุ่นเป็นโคลนข้ากินไม่ได้ ลูกแกะบอกเสียใจนะ แต่ฉันอยู่ปลายน้ำจะทำให้ที่ท่านกินอยู่ต้นน้ำขุ่นได้อย่างไร ก็อาจเป็นไปได้ แต่เมื่อหกเดือนก่อนเจ้าด่าข้าลับหลัง ลูกแกะตอบว่าข้าจะด่าท่านได้อย่างเพราะข้าเกิดมายังไม่ถึงหกเดือนเลย หมาป่าสำทับว่าอะไรกันเจ้าไม่ละอายเลย ครอบครัวของเจ้าเกลียดครอบครัวข้า อย่างกะอะไรดี ถ้าเจ้าไม่ได้ด่า ก็คงเป็นพ่อของเจ้าล่ะที่ด่าข้า ว่าแล้วก็กระโจนจับลูกแกะกินเลย ฮ่าๆๆๆ นิทานอีสปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…..สุราษฎร์ธานี๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ความเชื่อ (อีกครั้งหนึ่ง)
เคยมีหลวงพ่อบางรูป ปรารถนาเข้าถึงธรรมขั้นสูง และเชื่อว่าต้องปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐานที่สุด จะต้องไปปฏิบัติในป่าช้า กลัวแสนกลัว ก็ต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมาย กลัวผีจนหัวใจจะวาย แลเห็นสุนัขใกล้ๆ ไปแทะกัดกินอะไรบางอย่างใกล้เชิงตะกอน อย่างไม่กลัวอะไร วินาทีนั้นได้ฉุกคิดว่าเอ๊ะสุนัข มันไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เรียนธรรม ทำไมมันไม่กลัวผี เรามีมันสมองดีกว่ามันเยอะ ทำไมถึงกลัวผี หรือว่าจิตคิดมาก ปรุงแต่งโน่น นั่น นี่ ท้ายที่สุด สติกลับมา จึงปฏิบัติธรรมสำเร็จ เมื่อไม่ยอมแพ้ และเพียรพยายาม ทำความเข้าใจจนสามารถเอาชนะความกลัวได้ ในที่สุด วัฒนธรรมของคนที่ เชื่อว่าตายแล้วจะเกิดใหม่ทันทีภายในไม่กี่วัน เขาก็ไม่ค่อยกลัวตาย ส่วนใหญ่คนติดความเชื่อมาแต่โบราณ จากครอบครัว ชุมชน สังคม คนที่ไม่ฉุกคิด จะไม่คิดแหวกแนวออกไป แต่บางคนรู้จักคิดเพื่อหาแนวทางที่ดี ที่เหมาะสม ให้กับชีวิตตนเอง หากแต่พิจารณาแล้ว ไม่แตกต่าง ไม่ดีกว่าเดิม ก็อาจกลับมาใส่ใจความเชื่อเดิมต่อไป ถ้าเหมาะสมกว่าก็เชื่อเรื่องใหม่ ทิ้งความเชื่อเก่า ก็เป็นสิทธิ ที่จะเลือก แต่การรับฟังความคิดต่าง ที่ใช้อธิบายความเชื่อใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพของชีวิต ก็น่าจะเป็นเรื่องดี ส่วนใครจะพิจารณาตัดสินใจเพื่อเลือกสิ่งดีๆให้กับชีวิตตัวเองและคนใกล้ชิด ก็แล้วแต่ความเชื่อของท่านเองก็แล้วกันนะครับสุราษฎร์ธานี๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สิทธิแบบไม่มีทางเลือก?
มีข่าวว่ากลุ่มคนคิดต่าง ไปนั่งทานกาแฟแถวบางแสน ถูกเจ้าของร้านเชิญออกจากร้านดื้อๆ เขาบอกว่าคิดต่างพี่ทนได้ แต่ไปแตะสถาบัน พี่ไม่ยอม เพราะสถาบัน (บูรพกษัตริย์และกองทัพบรรพบุรุษไทย)ให้ที่พี่ซุกหัวนอนในประเทศนี้ อะไรทำนองนั้น แต่อีกข่าวบอกว่า กทม.โกยขยะแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประมาณ ๓ ตัน วันที่ ๒๑ ตุลาคม แต่เก็บกองไว้เรียบร้อย จนท.เขาขอบคุณผู้ชุมนุมอีกด้วย แปลกเรื่องใกล้ตัวคิดดี คิดชอบ ทำได้เพราะว่าคงไม่อยากให้พนักงานทำความสะอาดเดือดร้อนมาก แต่เรื่องความกตัญูต่อผู้ให้ถิ่นที่อยู่กลับไม่ได้คิดถึง ทำไม่ได้เสียงั้น ลืมได้ยังไง ใครนะสอนให้ทำแบบนี้ หรือว่าพวกเราสอนเขาให้คิดไม่เป็นครับครู แบบแรกนี่ ถ้ามันเกิดขึ้นทั่วประเทศ ถึงแม้จะไม่ทุกตำบล มันเป็นเรื่องแย่เหมือนกันนะ สำหรับในประเทศที่มีประชากรนับถือพระพุทธศาสนา แต่ถ้าพวกเขาทนไม่ได้จริงๆ และเขาเลือกวิธีนั้น เราก็ได้แต่รู้สึกสงสาร กลุ่มคนที่ถูกไล่ และถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่จะเลือกใช้สิทธิเสรีภาพอย่างสงบ ปราศจากความรุนแรง เจ้าพระคุณขอให้ทุกคนแคล้วคลาดปลอดภัย อย่าให้คนไทยต้องมาต่อสู้กันเองแบบนี้เลยสุราษฎร์ธานี๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ข้อคิดสำหรับคนรู้หลักการ
ข้อคิดต่อไปนี้ต้องเป็นคนที่เคยเรียนพีชคณิต(Algebra)เท่านั้น จึงจะสามารถเข้าใจได้ดีโปรดลองเขียนตามที่บอก ไม่ใช้ ก, ข ใช้ a ,b ,x ,y แทน ก็ได้ครับ ถัา จะสมมุติ ให้ ก เท่ากับ ข เท่ากับ หนึ่ง เพราะฉะนั้น บรรทัดแรก จะได้ ก กำลังสอง ลบด้วย ข กำลังสอง เท่ากับ (ใส่เครื่องหมายเท่ากับตรงกลางแบบสมการ = ) ก กำลังสอง ลบด้วย ข กำลังสอง บรรทัดที่สอง ก วงเล็บเปิด ก ลบ ข วงเล็บปิด เท่ากับ วงเล็บเปิด ก บวก ข วงเล็บปิด คูณด้วยอีกวงเล็บหนึ่ง วงเล็บเปิด ก ลบ ข วงเล็บปิด บรรทัดที่สาม ก เท่ากับ ขางบนเหมือนเดิม คือวงเล็บเปิด ก บวก ข วงเล็บปิด ด้วยวงเล็บเปืด ก ลบ ข วงเล็บปิด เป็นเศษ หรือตัวตั้ง หารด้วย วงเล็บเปิด ก ลบ ข วงเล็บปิด ก ลบ ข วงเล็บข้างบน ตัดกับ ก ลบ ข วงเล็บข้างล่างได้ บรรทัดที่สี่ ด้านซ้าย เหลือ ก ต้วเดียว ด้านขวา เหลือ ก บวก ข ถ้าตามสมมุติ ก เท่ากับ ข เท่ากับ หนึ่ง ด้านซ้าย ก ตัวเดียว คือ หนึ่ง ด้าน ขวา ก บวก ข คือ หนึ่ง บวก หนึ่ง เป็น สอง ทำใเราพิสูจน์ได้ว่า หนึ่ง เท่ากับสอง เห็นหรือยังว่าการใช้เหตุผลสามารถโน้มน้าว ให้คนเห็นตามได้ ทั้งที่แท้จริงมิน่าจะเป็นไปได้ การพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบจึงจำเป็น สำหรับทุกชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาบนโลกนี้ อาจถูกหลอกได้ง่าย ถึงแม้เราจะเดินไปตามหลักการ ความเชื่อ ทีคิดว่าถูกต้อง คนยอมรับกันไปทั่วก็ตามที หรือผู้อ่านคิดอย่างไรก็ขึ้นกับความเชื่ออีกนั่นแหละครับสุราษฎร์ธานี๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สภาพที่แลเห็นกับความเป็นจริง
หลายคนเคยถูกถามปัญหา ว่านี่เธอ ถ้านายก. ยืนบนถนนแห่งหนึ่งอยู่ที่หลักกิโลเมตรบอกหมายเลขที่ ๑ ส่วนนายข. ยืนอยู่ที่หลักกิโลเมตรบอกหมายเลขสิบ แล้วทั้งสองคนต่างก็วิ่งเข้าหากัน วิ่งมาถึงหลักกิโลเมตรที่ ๕ พร้อมๆกัน คำถาม คือ ใครวิ่งเร็วกว่ากัน หรือเท่ากัน คนธรรมดา อาจตอบเลยว่า เร็วเท่ากัน บางคนอาจตอบว่านายข.เร็วกว่า คนที่รอบคอบอาจต้องนับนิ้ว หรือวาดรูป แผนที่ แสดงให้เห็นข้อจริง ก่อนที่จะตอบว่านายข.วิ่งเร็วกว่า คิดแบบง่ายๆว่าถ้าจะให้เร็วเท่ากัน นายก.จะต้องเริ่มต้นที่หลักกิโลเมตรศูนย์(จุดเริ่มต้น)จึงจะวิ่งเร็วเท่ากัน ถ้าตามโจทย์บอก นายก.วิ่งแค่ ๔ กิโลเมตร นายข.วิ่ง ๕ กิโลเมตร คำนวณได้ทันทีว่า นายข.วิ่งด้วยความเร็วมากกว่านายก. ยืนมองไกลๆ ณ สถานีรถไฟ สิ่งที่เห็นจะปรากฎว่าปลายรางรถไฟติดกัน ยืนมองไกลๆริมทะเล สิ่งที่เห็นจะปรากฎว่าท้องฟ้าติดขอบน้ำของทะเล ดังนั้นสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่เป็น อาจเป็นคนละเรื่องกันเลย จึงไม่ควร ด่วนสรุปด้วยการไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ว่าแท้ที่จริงรางรถไฟบรรจบกันจริงหรือไม่ ขอบฟ้ากับขอบน้ำติดกันหรือไม่ โลกนี้แบน หรือกลมกันแน่ ดังนั้นการสรุปว่าพฤติกรรมของคนนั้น ที่เราแลเห็นขณะนั้น ไม่ดี เลวร้าย แถมยังพ่นคำไม่สุภาพใส่เขาเข้าไปด้วยแล้ว จะดี หรือเหมาะสมหรือไม่ และถ้าเชื่อว่ากรรมมีจริง ถึงแม้กรรมจะไม่ได้ติดจรวด แต่อาจติดอาวุธก็ได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ผู้ก่อกรรมจะพบกับอะไร และถ้าเราเป็นผู้ถูกกระทำจะรู้สึกอย่างไร น่าจะเป็นข้อคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะทำกรรมอะไรลงไป ไม่ทำกรรม ไม่ติดกรรม ดีกว่ามาคิดแก้กรรมมิดีกว่าหรือ ท่านที่เคารพรักทั้งหลายสุราษฏร์ธานี๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
แม่จากเคหสถานสู่แดนพุทธาวาส
ครบขวบปี ที่แม่ มาลาจากเราถูกพราก จากกัน กรรมจัดสรรมิอาจรู้ เรื่องร้าย หมายผูกพันไม่เห็นกัน ฝันถึง จึงไม่มี คิดเอาเอง อุกอาจ วาดความคิด แม่ส่งจิต จดจำ คำเล่าขาน ท่องพุทโธ ทุกจิต คิดนิพพาน น่าจะผ่าน ด้านจิต คิดว่าดีอัฐิแม่ เมื่อมา พาไปวัดจุดที่จัด เจดีย์ มีไว้ให้ตามคำขอ พ่อเรา เขาเข้าใจเพื่อแม่”ไพ” ไปดี มีทางเดิน เสียงไก่ขัน หวั่นใจ ไม่ลืมแม่ โทรศัพท์แก กอร์ปเสียง เพียงไก่ขัน ดังเมื่อไร ใจจิต คิดถึงกัน จิตผูกพัน เพื่อนจิต นิจนิรันดร์ วัดวิชิตธาราราม ต.ตะกรบ
อ.ไชยา สุราษฎร์ธานี
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ๑๑:๒๐ น.
ไม่มีความเห็น
ความเชื่อ
ไอสไตน์เคยพูดคุยกับศาสตราจาย์ท่านหนึ่งที่ไม่เชื่อในประเจ้า ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับว่าความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญในการกระทำการทั้งปวง เพราะบางอย่างก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ว่าอะไรถูกต้องที่สุด เป็นแต่การคาดเดา แต่คนฉลาดสุดยอดในโลกนี้หลายคน ก็ไม่ได้สามารถคิดอะไรออกสมบูรณ์ไปเสียทั้งหมด คงค้างคาไว้ ให้ลูกหลานผู้ใส่ใจ ดำเนินการต่อไป แต่ที่ลืมไม่ได้เสียทีเดียวคือ การดำรงชีวิตประจำวันของพวกท่านทั้งหลาย ที่อาจแตกต่างกันออกไป ตามความเชื่อในทางศาสนา เพื่อความผูกพันที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่างปกติสุข อาจไม่ถูกใจศาสนาที่เคยสังกัดอยู่ แล้วเปลี่ยนไปศรัทธาในอีกศาสนาหนึ่ง ซึ่งเป็นสิทธิ เสรีภาพสากล ในชีวิตที่จะเลือกนับถือ เมื่อได้ปฏิบัติศาสนกิจ แล้วมีสุข ถือว่าเป็นศาสนิกที่ดี และสิ่งนี่เอง น่าจะเป็นสิ่งสุดท้าย ในความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และพอเพียง ในการควรจะแสวงหาสุราฎร์ธานี๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
กรรมสนองกรรม
ว่ากันว่า การแก้กรรม ไม่ใช่เรื่องกระทำกันอย่างง่ายๆ การที่ใครสักคน จะเชื่อในเรื่องผลกรรม ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคนนี้ คนนั้นก็เพราะเคยทำกรรมไม่ดีมาก่อน ดั่งที่กล่าวกันติดปากว่าคนมีกรรม ทำให้มีทุกข์ ซึ่งปกติคนก็มีทุกข์อยู่แล้ว การลด ละกรรม น่าจะพอกระทำได้ แต่การที่เจ้าหนี้กรรม เจ้าหนี้เวร จะยอม อโหสิกรรมให้ลูกหนี้กรรม ลูกหนี้เวรหรือไม่มันก็เป็นเรื่องไม่ง่าย และจะคิดดอกเบี้ย กรรม ดอกเบี้ยเวร ด้วยหรือไม่ก็มิอาจมีใครทราบได้ ยิ่งไปก่อกรรมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้ว ครานี้ล่ะใครจะช่วยได้ อยากมีลาภ ก็ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังมีโรค ยังถูกปองร้าย ตามล้าง ตามผลาญ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองก็ไม่เป็นผล หันกลับไปด่าว่าร้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยไปกันใหญ่ โทษแค่ ว่ากล่าวตักเตือน เฆี่ยนตี เลยกลายเป็นตกนรกทั้งเป็น ถึงเวลานั้น พวกพ้องหายหมด อาจเหลือแต่แม่ พ่อ หรือไม่มีใครเลย โดดเดี่ยว เดียวดาย คนส่วนใหญ่ก็เห็นแก่ตนกันทั้งนั้นแหละ ถึงเวลานั้น ก็สายเกินไปเสียแล้ว สหายเอ๋ย (คิดเอาเองอีกครั้งครับท่าน)สุราษฎร์ธานี๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ว่ากันว่าหากต้องการที่จะสัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ คนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีจิตบริสุทธิ์ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ถามว่าหากต้องการที่จะเป็นคนที่จิตบริสุทธ์ เผื่อว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร กล่าวกันว่าถ้าจะทำเช่นนั้น ประการแรกที่สุด จะต้องมีความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน แล้วจะต้องลดละกรรม มีเมตตา ให้อภัย ทำบุญทำทานให้ถูกวิธี ไม่ยึดติด ปล่อยวาง คิดในแง่ดี ไม่ด่าว่าร้าย ใส่ร้ายใคร จึงจะสัมผ้สสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ด้วยประการฉะนี้ จึงทำให้เรา เข้าใจได้เลยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่ลงโทษใครเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ใครจะไปขอให้ท่านลงโทษใคร ตามใจที่ตนเองปรารถนา จะไม่มีทางเป็นผล แต่ถ้าจะขอให้คุ้มครองคนดี น่าจะพอได้นะ (คิดเอาเองครับท่าน)สุราษฎร์ธานี๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
กรรมย่อมส่อเจตนา
ว่าจะไม่เขียนเรื่องชุมนุมอีกแล้ว เพราะเมื่อวานได้เขียนเตือนการชุมนุมด้วยความเป็นห่วง บางคนที่เกี่ยวข้องอาจได้อ่าน ได้ย้ำเพื่อเตือนสติว่า การทำอะไร ถ้ามีเจตนาดี เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ต้องศึกษาให้แนวทางการดำเนินการให้รอบคอบ ไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มีเมตตา กรุณา ไม่ทำลายวัฒนธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิถีชีวิตคนไทยในอารยธรรม ยาวนาน มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลง ควรเปลี่ยนแปลงไปตาม กาลเวลา ตามหลักธรรม ไม่ใช่เพราะความคิดของใครบางคน ใครคิดไม่ดีกับเจตนาดีของบรรพชน วิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ที่บรรพบุรุษไทยเชื่อถือกันตลอดมา อาจไม่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ ) คงไม่ยอม เช่นเดียวกัน กับคนที่เขาแลเห็นในขณะนั้น หรือทางสื่อมวลชน เขายังไม่ยอมเลย แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ในฐานะคนไทยด้วยกัน ไม่อยากเห็นการจัดการแก้ปัญหา ด้วยความรุนแรง บาดเจ็บสาหัส หรือฆ่ากัน เท่าที่แลเห็นทางสื่อ เจ้าหน้าที่รัฐใช้ข้อกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ตามสมควรที่จะใช้เพื่อแก้ไขสถานการณ์ คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าสลับฝ่ายกัน ฝ่ายชุมนุมเป็นผู้แก้ปัญหา จะใช้วิธีการเดียวกันหรือไม่ ถ้าหากเห็นว่าการใช้กฎหมายเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบ มีวิธีอื่นที่ถูกต้องเป็นธรรมกว่าไหม และหากมีใครปฏิบัติไม่ชอบล่ะ ลูกหลานเอ๋ย จะให้ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ช่วยได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ใช้ ธรรมปัญญา แก้ปัญหาเสียตั้งแต่แรก ท้ายที่สุด ใครจะสามารถไปแทรกแซงขบวนการยุติธรรมได้ ต้องปล่อยให้ กรรมใครก็กรรมท่าน ละครับ เรียกร้องให้ใครช่วย มันก็แสนยากจริงๆ
สุราษฎร์ธานี๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น
ขอบพระคุณ
หลังจากได้เขียนข้อความแสดงความคิดเห็นเรื่องการชุมนุมในวันนี้ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ ไปแล้ว มีผู้คิดคิเห็นเหมือนกัน และแตกต่างกันเข้ามาให้ข้อคิดเห็นต่างๆมากมาย ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นผู้รักและอยากให้บ้านเมืองดำเนินการไปอย่างราบรื่น ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ถึงแม้จะอยู่ในวงจำกัด สิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากๆก็คือแต่ละคนส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะ ใช้คำพูดสุภาพเรียบร้อย ถึงแม้ไม่ค่อยถูกใจใครบ่างคนก็ตาม หลายคำถาม หลายคำตอบ ไม่ตรงกับประเด็น อันเนื่องมาจาก บางท่านลืมประเด็น บางประเด็นก็รวมอยู่ในประเด็นอื่นอยู่แล้ว ข้อมูลที่มีอยู่ในความจำมีจำกัด มีข้อมูลลอยๆด้วยคำพูดที่เขาพูดกันทั่วๆไปเป็นส่วนมาก อ้างเป็นข้อมูลรูปธรรมไม่ได้ แค่เป็นข้อมูลใช้โจมตีฝ่ายที่ไม่ถูกใจเท่านั้น อย่างไรก็ตามทำให้ผู้เขียนเรื่องนีได้เรียนรู้ ธรรม คน เหตุการณ์ พฤติกรรมต่างๆของสังคม มากขึ้น ทุกคนเป็นครูของผู้เขียน จึงขอกราบขอบพระคุณทุกผู้เขียน ทุกคำพูด ทุกความเห็นด้วยจริงใจ ขอบพระคุณ เจ้าของเฟสบุ๊คที่จัดที่ให้ได้แสดงควมคิดเห็นเปิดเผยต่อสาธารณะชน ผลบุญ หรือผลแห่งความดีที่เกิดขึ้นหากจะมีอยู่บ้าง ก็ขอมอบบูชาครู วิญญาณบรรพบุรุษที่รักษาพื้นแผ่นดินไทย ให้เป็นไท ให้ลูกหลานได้ ดำรงชีวิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ หากจักเผื่อแผ่ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในสากลโลก และแผ่นดินไทย เพื่อโปรดปกปักษ์รักษาคนดี คนเสียสละเพื่อชาติ ประชาชน ให้ชนะศัตรูหมู่ภัยพาลด้วยเถิด..สาธุ กราบขอบพระคุณด้วยจิตคารวะจริงๆครับสุราษฎร์ธานี๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๓…๑๘:๐๐ น.
ไม่มีความเห็น
๑๔ ตุลา๒๕๖๓ ชุมนุมกันอีกแล้วหรือครับลูกหลาน
ภาพแห่งการชุมนุมของคนบอกว่ารักประชาธิปไตยในวันนี้ หวังว่าน่าจะเป็นแบบอย่าง ให้กับเยาวชนคนรุ่นน้องๆ ในรูปแบบของประชาธิปไตยเพื่อปวงชน มิใช่แค่เพียงเพื่อคนกลุ่มเดียว จะพูดจะจากับพี่น้องประชาชน อย่างมีเหตุมีผล ว่าทำไมต้องแบบนี้ ถ้าทำแบบนี้แล้วจะสำเร็จอย่างไร หรือมีใครโกงบ้านกินเมืองอย่างไร ใช้ระบบรัฐสภาไม่สำเร็จแน่นอนเพราะอะไร พวกเธอจึงต้องมาเสียสละ เวลาความทุกข์ยาก โดยสุจริตใจ ไม่ได้มีใครจ้างวานมา ทุกครั้งที่ออกมาพูดไม่น่าจะทำด้วยความมัน สะใจ ควรได้ประชุมปรึกษาหารือกันมาแล้ว จึงไม่ได้มาจะโกน ใส่ร้ายใคร ให้เสียหาย หรือทำลายตนเอง เมื่อให้ความกระจ่างกับสังคมแล้ว ควรดูแลพื้นที่ให้สะอาดดั่งเดิม ไม่ให้ใครได้รับความเดือดร้อน เพราะการกระทำที่ปรารถนาดี ของพวกเรา ผู้รักประชาธิปไตยแบบเจริญแล้ว น่าจะเป็นแบบอย่างให้ต่างประเทศบ้างก็น่าจะดีนะ ลองสร้างสรรค์ประชาธิปไตยคนรุ่นใหม่ไทยแบบสร้างสรร เพื่อปวงชนกันบ้างจะดีไหม แต่ถ้าจะโจมตีผู้อื่นให้สะใจ แล้วดำเนินรอยไม่แตกต่าง หรือแย่กว่ารุ่นก่าๆ ก็เลิกเสียเถอะ อย่าให้ประวัติศาสตร์จารึกความไม่งดงามเอาไว้ เลย ญาติพงศ์วงศ์ตระกูล ที่เขาเห็นต่างจากเราจะได้ สบายใจ เพราะเขาก็มีจิตใจเหมือนเรา ถ้ายังไม่เลิกความคิด ก็ประท้วงคนเดียวดีไหมลูก จะได้ใช้เจ้าหน้าที่ดูแลน้อยหน่อย ประหยัดเงินชาติกันบ้างจะดีไหม หนุ่มสาวคนน่ารักของปู่ย่าตายายทั้งหลายสุราษฎร์ธานี๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น