อนุทินล่าสุด


ต้อยติ่ง
เขียนเมื่อ

มาขจัดโรคเครียดในที่ทำงานกันเถอะ@@ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเดี๋ยวแแดดออกเดี๋ยวฝนตกซึ่งคงไม่ต่างกับการทำงานและชีวิตคนเราที่มีทั้งขึ้นๆลงๆ..มีท้อมีเหนื่อยกับชีวิต..ข้าพเจ้าได้อ่านวารสารHToHของร.พ.เปาโลได้แนะวิธีแก้โรคเครียดในที่ทำงานจึงอยากนำความรู้มาฝากท่านสมาชิกชาวgotoknowทุกท่านคะโดยอันดับแรกให้เราสูดดมกลิ่นหอม เช่นกลิ่นของดอกไม้จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว      2. โทรหาเพื่อนที่รู้ใจถึงคุณจะเก่งแค่ไหนก็ยังต้องการที่พึ่งพิงใครบ้างลองโทรหาเพื่อนที่รู้ใจไว้ใจได้แล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้การที่คนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้รู้สึกว่าคุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก.                                                          3.อยู่คนเดียวกับความสงบ ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบันโดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆช้าๆก่อนหายใจออกทำแบบนี้ในที่เงียบๆสัก5นาทีรับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตา    4.เที่ยวแบบเร่งด่วนหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆธรรมชาติอาจเป็นสวนในที่ทำงานหรือร้านกาแฟใกล้ๆก็ได้้ค่ะ   5.ฟังเพลงเบาๆบางครั้งสมองเราเหมือนได้ยินแต่เสียงคนนั้นคนนี้มาสั่งจนรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมดลองนั่งนิ่งๆที่โตะ๊ทำงานและเปิดเพลงฟังอาจเป็นแนวบรรเลงหรือเพลงที่ชอบ  6.อย่าตื่นตูม บางที่ความเครียดของเราเกิดจากงานที่ยังมาไม่ถึงแต่เราคิดล่วงหน้าไว้มากมายจึงทำให้สมองฟุ้งซ่านควรทำใจให้สบายผ่อนคลายบอกตัวเองว่าเราจะทำได้ดี     7.สร้างอารมณ์ขันต้องทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกันอาจชวนเพื่อนคุยเรื่องขำขันเบาๆบ้างหรืออ่านหนังสือดูคลิปขำๆ.  8.อ่านหนังสือบำบัดอาจจะเปิดหนังสือที่ชอบเปิดดูภาพไปเรื่อยๆหรือเป็นแนวท่องเที่ยวเผื่อมีที่น่าสนใจเราจะได้ไปเที่ยวในวันหยุดยาวกับครอบครัว.    และสุุดท้ายให้คิดเชิงบวกค่ะ เพราะการมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขันคิดถึงประสบการณ์ดีๆที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้นนึกถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขได้มากขึ้นค่ะ. อยากบอกทุกท่านว่าปัญหาทุกอย่างมีไว้ให้แก้ทุกอย่างมีทางออกเสมอค่ะ...



ความเห็น (3)

แหม อยากบอกว่า ภาพคุณลูกและคุณแม่ หน้าคล้ายกันสุด ๆ เลยครับ ;)...

ขอบคุณค่ะ ... จะเก่งแค่ไหน ก็..ต้องพึงพิง...พึงพา...คนอื่น ...

ขอบคุณบทความดีดี ที่มีคุณภาพนี้ นะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกๆท่านนะคะ

ต้อยติ่ง
เขียนเมื่อ

"ช้างสารชนกันหญ้าแพรกแหลกราญ" สุภาษิตนี้ได้อ่านแล้วช่างสะกิดใจสำหรับคนทำงานในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ว่าองค์กรไหนโดยเฉพาะหน่วยงานราชการ. ไม่ต้องแปลความอะไรมากความหมายชัดเจนอยู่ในตัวเองการทำงานตามหน้าที่ในฐานะผู้ปฏิบัติต้องปรับตัวและจิตใจให้แข็งแกร่งภายใต้ภาวะกดดันหลายอย่าง. ต้องเรียนรู้เพื่ิอเป็นหญ้าแพรกที่แข็งแรงต่่อสู้กับสถานการณ์ต่่างๆ...หลบหลีกเท้าช้างให้ดี...หากไม่ระวังอาจเป็นหญ้าแพรกที่โดนย่ำจนเละไม่เป็นท่า..??



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ต้อยติ่ง
เขียนเมื่อ

"ใครใหญ่ใครอยู่". เป็นเรื่ิองราวของนกเขาชวาที่มาอาศัยทำรังอยู่ใต้ชายคาบ้านของข้าพเจ้า (มาอยู่เอง)มาอยู่จะครบปีแล้ว มาทำรังแล้ววางไข่ ฟักไข่จนลูกโตไปประมาณ2รุ่น. นานวันรังที่สร้างไว้เกิดพังไม่มั่นคง. ข้าพเจ้าเลยไปหาตะกร้ามาผูกทำรังให้มันตอนแรกมันก็ลังเลว่าจะเข้าไปอยู่ดีหรือไม่. แต่จากการที่คุยกันบ่อย. มันคงชินกับเสียงของข้่าพเจ้ามันก็เข้าไปนอนจนฟักไข่ออกลูกไปประมาณ 3-4รุ่น. ข้าพเจ้าจะเห็นมันทุกวัน. ทุกเช้ามันจะออกไปหาอาหารกลับมาป้อนลูกๆของมัน แต่ลูกๆของมันพอโตขึ้นก็จากไป. อยู่มาวันหนึ่งมีนกพิราบตัวใหญ่ 2 ตัวเข้ามาแย่งรังของมัน. ข้าพเจ้าเฝ้าสังเกตว่ามันก็พยายามจะทวงรังของมันคืน. มันเพียรกลับยังรังของมันก็ถูกเจ้านกพิราบจิก. แต่มันก็พยายามส่งเสียงขันอยู่ใกล้ๆบริเวณบ้านเหมือนจะส่งสัญญานบอกนกพิราบว่า"ของกูๆ". อันข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ก็สุดสงสารเจ้านกเขาเป็นที่สุด. เคยรู้สึกโกรธเจ้านกพิราบถึงขั้นไล่มันไปแต่มันก็ไม่ยอมไปจนทุกวันนี้มันก็ยังอยู่  สุดท้ายข้าพเจ้าก็เลยปลงตกว่ามันเป็นเรื่องของสัตว์.  มนุษย์ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว เพราะนึกๆดูลำพังเรื่องของมนุษย์ในสังคมทุกวันนี้มีอะไรซับซ้อนแย่งชิงความเป็นใหญ่กันมากกว่าสัตว์ยิ่งนัก. เราอยู่บนโลกเดียวกันสังคมเดียวกันควรรักและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันสังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้น ไม่อยากเห็น"ของกู. พวกกู". เกิดขึ้นอย่างทุกวันนี้อยากให้เปลี่ยนเป็นคำว่า"ของเรา. พวกเรา". สังคมจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยคะ่



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ต้อยติ่ง
เขียนเมื่อ

นำ้ตาแห่งความหวัง..ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอขอบคุณคุณโนบิตะที่ได้แนะนำแหล่งรวมความรู้ดีๆซึ่งเกิดจากประสบการณ์ของผู้คนหลากหลายอาชีพค่ะ..สำหรับอนุทินฉบัับแรกนี้ขอเล่าถึงประสบการณ์จากการเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา..ครั้งแรกข้าพเจ้่ารู้สึกตกใจว่าทำไมน้องๆหลายคนที่ถูกข้าพเจ้าสัมภาษณ์ทำไมถึงนำ้ตาคลอเบ้าทุกครั้งที่ข้าพเจ้าและพี่ๆกล่าวคำอวยพรให้เค้้าก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์. จนบางครั้งข้าพเจ้าเองก็รู้สึกตื้นตันจนตาพลอยแดงไปด้วย..นั่นคือนำ้ตาแห่งความหวังของพวกเค้าหรืออย่างไร..ข้าพเจ้าคิดว่าสังคมทุกวันนี้ทุกคนต้องการกำลังใจและเราเองในฐานะส่วนหนึ่งของสังคมเราควรให้กำลังใจทุกครั้งที่เรามีโอกาสค่ะ



ความเห็น (2)

คุณต้อยติ่งตั้งใจให้ภาพเอียงหรือเปล่าคะ เท่ห์ไปอีกแบบนะคะ

ยินดีต้อนรับสู่ GotoKnow และเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่เราจะช่วยกันให้กำลังใจคนรอบข้างเราอยู่เสมอ เพราะเราเองก็จะพลอยได้รับพลังดีๆกลับคืนมาด้วยค่ะ

ขอบคุณทุกท่านนะคะที่ให้กำลังใจและขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณโอ๋-อโณ. สำหรับรูปที่ลงไว้ภาพเอียงโดยบังเอิญค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท