ดอกไม้


จงกล เบญ กาบทองปิ่นแก้ว
เขียนเมื่อ

รับประทานผัก และผลไม้ช่วยคลายความร้อนได้

เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ทุกคนรู้ดีว่าเป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุด ทุกคนก็มักจะหาวิธีดับร้อนในวิธีต่างๆไม่ว่าจะเป็น การไปเที่ยวทะเล น้ำตก หรือการหาอาหารมารรับประทานเพื่อดับร้อน ดังนั้นดิฉันขอแนะนำวิธีการดับร้อนอีกหนึ่งวิธี คือการรับประทานผักและผลไม้เพื่อดับร้อนโดยไม่ต้องบเรืองมาก และยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ช่วยรักษาและป้องกันโรคได้อีกด้วย
พืชผักที่ช่วยดับร้อน
  1. มะระ เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ แก้กระหายน้ำ บรรเทาอาการร้อนใน แก้อักเสบ เจ็บคอ
  2. สะระแหน่ เป็นยาดับร้อน ถอนพิษ ขัยลม ขับเหงื่อ รักษาอาการหวัดลมร้อน
  3. ถั่วเขียว มีฤทธิ์ขับร้อนใน แก้กระหาย ขับปัสสาวะ
  4. ผักกาดขาว แก้ร้อนใน ป้องกันมะเร็ง
  5. ปวยเล็ง เป็นยาเย็น ช่วยขับร้อน แก้กระหาย
  6. ตำลึง ดับพิษร้อนภายในร่างกาย ลดอาการไข้ เป็นยาระบายอ่อนๆ ผลไม้ที่ช่วยดับร้อน
  7. มะม่วง ดับกระหาย ละลายเสมหะ
  8. แตงโม บำรุงร่างกาย ลดความร้อนในร่างกาย แก้กระหายน้ำ
  9. ชมพู่ บำรุงหัวใจ ให้ชุ่มชื่น เป็นยาลดไข้ แก้ท้องเสีย
  10. กล้วย แก้ความดันโลหิตสูง ลดภาวะความเป็นพิษของร่างกาย ช่วยให้ปอดชุ่มชื่น และแก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี ในหน้าร้อนนี้บางคนยังนึกไม่ออกว่าจะรับประทาฝนอะไรดี เพื่อดับร้อน ก้อย่าลืมพิจารณา ผักและผลไม้เหล่านี้นะคะ เนื่องจากอร่อย แล้วยังมีสรรพคุณทางยาด้วย หรือจะนำมาแปรรูปเป็นผักและผลไม้ปั่น แล้วนำไปแช่เย็น ก็อร่อยแถมได้ประโยชน์อีกด้วย
2
0
นางสาว กมลทิพย์ พูลสมบัติ
เขียนเมื่อ

เซนต์เซย่า  การ์ตูนที่โปรด

การ์ตูนเป็นสิ่งที่เด็กๆทุกคนชอบและสนใจเด็กทุกคนจะทำทุกอย่างตามเงื่อนไขของพ่อแม่ที่ตั้งขึ้นเพื่อที่จะได้ดูการ์ตูนเรื่องโปรดของตนเองแม้กระทั้งผู้เขียนเองก็ตาม เมื่อย้อนไปเมื่อปี พ. ศ. 2528 หรือเมื่อประมาณ 27 ปีที่แล้ว ( ปัจจุบันพ. ศ. 2555 ) มีรายการการ์ตูนช่อง 9 เช้าวันเสาร์  อาทิตย์ ประมาณ  10.00 น มีการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า  เทพบุตรดาวหาง เป็นการ์ตูนที่ข้าพและเพื่อนๆชอบมากที่สุด เพราะตอนเช้าวันจันทร์เพื่อนๆทุกคนจะมาคุยกันเรื่องนี้ว่าถึงตอนไหนแล้วและถ้าเพื่อนคนไหนไม่ได้ดูก็จะไม่มีเรื่องมาเล่ากับเพื่อนๆการ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักรบที่มีหน้าที่ไปช่วยเหลือเทพีอาธีน่า การ์ตูนเรื่องนี้ยาวมากมีทั้งหมด 7 ภาคแต่ละภาคมีหลายตอนรวมแล้วมีทั้งหมด 138 ตอน  เช่น ภาคที่ 1 มี 22 ตอน ชื่อเซนต์แห่งอาธีน่า  ภาคที่ 2 มี 17 ตอนชื่อนักรบเกราะเงิน  เป็นต้น  ชื่อในตัวละคร เช่น เพกาซัส  เซย่า   ดาร์กอน  ชิริว   ซิกนัส   เฮียวกะ    อันโดรเมด้า  ซุน    ฟินิกซ์   อิคคิ    ยูนิคอร์น   จาบุ    ไฮดรา  อิจิ  เป็นต้น   การแต่งกายของตัวการ์ตูนสวยงามและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามพลังที่มากขึ้น  การดำเนินเรื่องมุ่งเน้นเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกันระหว่างเพื่อน  ความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายและความสำเร็จ  การ์ตูนเรื่องนี้แต่งขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าชาวญี่ปุ่นมีลักษณะนิสัยอย่างไร

                ถ้าถามว่าการ์ตูนมีประโยชน์อย่างไรสำหรับตัวข้าพเจ้าเองใช้การเล่าการ์ตูนให้นักเรียนฟังและวางเงื่อนไขกับนักเรียนว่าจะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก่อนซึ่งวิธีนี้ก็ประสบความสำเร็จค่อนข้างดี

5
0
นาง วรรณลักษ์ ลาภหลาย
เขียนเมื่อ

        LD  มาจากคำว่า Disability Learning  หมายความว่า"บกพร่องทางการเรียนรุ"  ดังนั้นเด็ก LD จึงหมายถึง  เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้  และเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ต้องได้รับการจัดการศึกษาให้พัฒนาได้อย่างเต็มตามศักยภาพตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542(แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545)

        การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้  จะจัดแบบเดียวกับเด็กปกติไม่ได้  ครูผู้สอนต้องมีวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างจากเด็กปกติ  ซึ่งในปัจจุบันจะจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเรียนร่วมกับเด็กปกติ

แต่ครูผู้สอนต้องบอกกับเด็กปกติที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นให้เข้าใจเพราะในบางกิจกรรมอาจใช้วิธีการแบบเพื่อนช่วยเพื่อน  เรียนปนเล่น  เพราะเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้จะเรียนร่วมกับเพื่อนได้ดีเว้นแต่วิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์  ที่ครูผู้สอนต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ  แต่เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ก็สามารถพัฒนาได้ถึงแม้ว่าจะช้ากว่าเด็กปกติ

       ข้าพเจ้ามีความสุขทุกครั้งที่เห็นเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้  ที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบมีพัฒนาการในการเรียนรู้ก้าวหน้าขึ้นเต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล  และถ้าคุณครูท่านใดที่มีความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้  ก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้นะคะ

5
0
ครูกลางคลอง 27
เขียนเมื่อ

คนไทยร่วมรักษ์ภาษา

"ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้ ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา 

ทั้งคนมี คนจน แต่ต้นมา      ใช้ภาษาไทยทั่วทุกตัวตน"

จากบทกลอนนี้ เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าภาษาไทยของเรานั้นมีคุณค่าและเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ภาษาไทยเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน  แต่เราทุกคนจะพบว่าในปัจจุบัน ภาษาไทยจะด้อยคุณค่าและมีความสำคัญน้อยลง ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าในเรื่องของวัฒนธรรมทางภาษาที่มาจากต่างประเทศ การลอกเลียนแบบค่านิยมต่างชาติ ทำให้เกิดคำหรือภาษาในกลุ่มคนที่เราเรียกว้า วัยรุ่น

ในปัจจุบันประเทศไทยของเรามีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน และสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เทคโนโลยีกำลังกลืนภาษาไทยของเราโดยจะสังเกตได้จากพฤติกรรมการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่น คือ ใช้ภาษาผิดเพี้ยนไปจากความถูกต้อง ไม่มีความไพเราะ สละสลวย มีแต่ความสนุก คะนองปาก เช่น "ม่ายเปนราย"(ไม่เป็นไร) "ไปเดก่า" ไปดีกว่า)  "ทามราย" (ทำอะไีร) "คริ คริ" หรือ พูดภาษาไทยปนกับภาษาอังกฤษ   "ฉันไม่มาย" พูดภาษาไทยออกเสียงตัวสะกดเป็นภาษาอังกฤษ (ส เป็นเสียง S) เราจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมเหล่านี้ เป็นการลดคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ไม่น้อยทีเดียว

  จากที่กล่าวมานั้นจะเห็นได้ว่า ภาษาไทยมีความสำคัญและคุณค่าน้อยลง ดังนั้นเราจะนิ่งเฉยคงเป็นไปไม่ได้ด้วยการที่เราเกิดมาเป็นคนไทยเราต้องรักษาและสืบทอดมรดกอันล้ำค่า นี้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเป็นครูผู้สอน ไม่ว่าจะเอกใดสาขาใด ก็ควรร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์ภาษาไทยโดยการปลูกฝังให้เยาวชนหรือลูกศิษย์ของเราใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องและสิ่งที่สำคัญที่สุด ตัวครูผู้สอนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีเสียก่อน

          "เราพลังชาวไทยร่วมใจกัน   สู่ความมุ่งมั้นอนุรักษ์ภาษา 

        สืบทอดมรดกไทยตามเจตนา  ให้ประชาเขารู้สู่สากล"

5
0
pk
เขียนเมื่อ
                                     ร้อนกาย อย่าร้อนใจ

ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศในแต่ละส่วนของประเทศไทย มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่หาวิธีคลายร้อนให้กับตนเอง เพราะช่วงฤดูร้อนทำให้เรามีอารมณ์หงุดหงิด แล้วก็มีข่าวมากมายที่เกิดจากความร้อน เช่น ข่าวทะเลาวิวาทหรือยิงกันเพราะบันดาลโทสะจากคำพูด หรือข่าวคนขับรถเมล์ในกรุงเทพฯ ลงจากรถเมล์เพราะผู้โดยสารกดกริ่ง 2 ครั้ง แต่ไม่มีใครลงจากรถ เขาก็เลยถามผู้โดยสารว่า "ถ้าไม่มีใครลง ผมจะลงเอง" แล้วเขาก็ลงจากรถไป ทิ้งให้ผู้โดยสารนั่งอยู่บนรถต่างก็ต่างงงไปตามๆกัน

จากสภาพอากาศที่ร้อนเรามาดูวิธีการคลายร้อนกันดีกว่า

1.เดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ได้รับแอร์โดยไม่ต้องเปิดแอร์ที่บ้านเป็นการประหยัดค่าไฟ 2.ดูหนังสักเรื่องก็เป็นการผ่อนคลายและเย็นสบายอีกด้วย 3.เข้าห้องสมุดนั่งอ่านหนังสือรับแอร์เย็นๆ 4.ไปนั่งเล่นพักผ่อนใต้ต้นไม้ตามสวนสาธารณะ 5.ไปเที่ยวน้ำตกเล่นน้ำให้ชื่นใจ 6.เข้าวัดไปทำบุญเย็นกาย เย็นใจ 7.อาบน้ำบ่อยๆ นอนแช่น้ำคลายร้อนแล้วก็ทาแป้งเย็น 8.ดื่มน้ำหวานๆเย็นๆ 9.ทานไอศกรีมหรือหวานเย็นให้ชุ่มคอ 10.ใช้น้ำฉีดรอบๆบริเวณบ้านเพื่อลดอุณหภูมิ 11.ติดสปริงเกอร์ที่หลังคาบ้าน อุณหภูมิในบ้านจะได้ลดลง 12.ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยธรรมชาติ งดผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ เหล่านี้เป็นวิธีการคลายร้อนที่เราทุกคนสามารถทำได้ หรือใครมีวิธีอื่นก็แนะนำได้นะ เพราะหน้าร้อนนี้ "ร้อนกาย อย่าร้อนใจ"

8
1
นางสาว สุวรรณา บำรุงจิตต์
เขียนเมื่อ

ทุเรียนของใคร?????บางคน เมื่อเอ่ยถึงทุเรียน มีคนหลายคนไม่ค่อยจะชื่นชอบกับมันซักเท่าไร ด้วยเหตุผลที่ว่า กลิ่นเหม็นบ้าง แพ้มันบ้าง ทานแล้วอ้วน เดี๋ยวเกิดโรคนั้นโรคนี้ ........ นั่นก็ขึ้นอยู่กับเหตุและผลของแต่ละคน .....แต่สำหรับคนอีกจำพวกหนึ่งชื่นชอบมันเป็นพิเศษ คิดดูเล่า จะเล่าให้ฟัง ขนาดมันมีหนาม ต้นอยู่ป่า ยอดอยู่สูง ราคาก็แพง แกะก็ยาก คนเรายังสรรหามาทานกันได้ ทุเรียนชอบออกหน้าร้อนบางคนทานแล้วจุกเสียดแน่น ตายบ้างก็มี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะคนทานจะต้องระมัดระวัง.......ไม่ใช่สักแต่ทานจึงลืมว่าควรปฏิบัติอย่างไร...... ประโยชน์ของทุเรียนมีดังต่อไปนี้
เนื้อทุเรียน - รสหวานร้อน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนอง แห้ง เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิ
เปลือกหนามทุเรียน - รสเฝื่อน นำมาสับแช่ในน้ำปูนใสใช้ชะล้างแผลที่เกิดจากน้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง หรือนำมาเผาทำถ่าน บดจนเป็นผง คลุกในน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา ลดความบวมพองจากคางทูม และเผาเอาควันไล่ยุงและแมลง
ใบทุเรียน - รสเย็นและเฝื่อน ใช้ต้มน้ำอาบแก้ไข้ แก้ดีซ่านและเป็นส่วนผสมในยาขับพยาธิ
รากจากต้นทุเรียน – ตัดเป็นข้อ ๆ ต้มให้เดือด ดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วง
แต่สำหรับผู้เขียน ชอบทานแบบห่ามๆๆๆๆๆๆ กลิ่นไม่ฉุนนัก จะเลือกทานเฉพาะหมอนทองเท่านั้น (แปรรูปก็ไม่ชอบทานน่ะ) ถึงจะมีราคาแพงก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะนานๆทีจะได้ซื้อทานไม่ใช่มีทุกหน้าตอนก็ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-70 บาท (80 บาท ก็ซื้อทานมาแล้ว)

6
1
นางสาว สุวรรณา บำรุงจิตต์
เขียนเมื่อ

เตรียมพร้อมสู่ความเป็นแม่กับลูกคนที่สอง

                หญิงท้องกับการตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หญิงตั้งครรภ์กับการเปลี่ยนแปลงย่อมแปลกกว่า การตั้งครรภ์เป็นการเต็มเติมความสมบูรณ์ให้กับครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก การตั้งครรภ์หรือการอุ้มท้อง 36-40  สัปดาห์ การมีลูกคนแรกยังไม่ใช่ปัญหา แต่การมีลูกคนที่สองที่ห่างกันถึง 11 ปีกว่า ย่อมมีแน่ ด้วยอายุเรา อายุของลูกคนโต แต่ด้วยสภาพที่แตกต่างกับตอนวัยรุ่น จึงต้องมีการเตรียมพร้อม......เตรียมอะไรบ้างเล่า.....เริ่มจาก

                การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย :  ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมขยายใหญ่   ไม่น่าดู ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา อก              ทุกสัดส่วนก็ว่าได้  (แล้วจะลดไหมหนอ)

                การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ :  หลายคนพูดว่า คนยท้องอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย แต่กับข้าพเจ้าไม่ใช่  ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นอารมณ์ที่อยากให้สามีสนใจเวลาท้องมากกว่า

                อาหารกับการทาน :  แต่ก่อนทานอาหารคำนึงแต่ความอยากหรือเรียกว่าตามใจปาก แต่เดี๋ยวนี้ต้องเลือกทานเพื่อบำรุงครรภ์ แต่ที่นิยมทานสำหรับข้าพเจ้าและทานเป็นประจำ อันได้แก่  นมจืด น้ำผลไม้คั้นแบบสด ๆ  ผลไม้สด ใครว่าอะไรดีก็ลองทาน ไข่ยอดบายศรี : ทานแล้วคลอดง่าย  น้ำมะพร้าว :  เวลาเด็กคลอดออกมาจะไม่มีไขเนื้อตัวสะอาดสะอ้านน่าสัมผัส  น้ำจับเลี้ยง : ทานแล้วเด็กจะขาวใช่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้แต่มีบอกมา แต่ที่คลอดมาก็เห็นว่าข่าวทั้งที่พ่อแม่ก็ดำน่ะ บางคนบอกว่าทานทุเรียนที่มีธาตุแมกนีเซียม : ลูกจะแข็งแรงที่ชอบก็คือผิวจะขาวด้วย  (น่าลองดู)

                ข้าวของเครื่องใช้ :  เพลินมากกับการเลือกซื้อของใช้เด็กอ่อน เชื่อเลยว่าวิญญาณแห่งความเป็นแม่ย่อมเกิด เวลาเดินไปห้าง สิ่งที่นี้ก็สวย สิ่งนี้ก็น่าสนใจ เราจะกลายเป็นนักสะสมของใช้เด็กอ่อนไปเรื่อยเลยก็ว่าได้ แต่เชื่อไหม...คุณแม่ทุกคนจะซื้อของใช้มาเก็บไว้ก่อนคลอด ราคาแต่ละชิ้นอาจแตกต่างแล้วแต่ความชอบ  คาดว่าก่อนคลอดคุณแม่ทุกท่านน่าจะซื้อเพิ่มมาอีก จนลูกอาจใช้ไม่หมดเพราะโตก่อนก็เป็นได้

                วันคลอด : หลังคลอด - กับการกระวนกระวาย :  ทั้ง ๆ ที่ยังมาไม่ถึงเป็นวันที่นับถอยหลังเข้ามาทุกที อยากรู้สถานการณ์ว่าเหมือนกับการคลอดลูกคนแรกหรือเปล่า นอกโรงพยาบาลกี่วันกี่คืน ลูกจะเปลี่ยนเพศหรือเหมือนดังที่ได้อัลตราซาวด์หรือไม่ ผิวจะขาวหรือดำ หน้าตาเหมือนใคร หนักเท่าไร วันที่ปวดท้องจะรู้สึกอย่างไร  ใครจะอยู่กับเรา ใครจะพาไปโรงพยาบาล ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ฯลฯ   หลังคลอดต้องเลี้ยงเองอีก 3 เดือน คงหัวฟู ขอบตาดำ  ใครจะช่วยเลี้ยง  สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแน่นอน นี่ยังน้อยนิดกับสิ่งที่จะเกิดในภายภาคหน้า แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมานานแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะทำได้ และทำได้ดีด้วย

                ใครที่กำลังจะเป็นแม่ของลูกคนที่หนึ่ง หรือพร้อมที่จะตั้งครรภ์ : อาจมีสิ่งที่ต้องเตรียมรับมากกว่าข้างต้น

8
0
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท