คุณแม่มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน รักษากันมาตลอด กว่า 20 ปี คุณแม่ชอบคุณหมอผู้รักษาประจำท่านนั้น คุณหมอย้ายโรงพยาบาลเราก็ย้ายตามไป เพราะคุณหมอมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนไข้และเหมือนกับคุณหมอถูกอาการไข้กับคุณแม่ เมื่อเข้าห้อง ICU หลายครั้ง คุณหมอท่านนี้ทำให้ฟื้นกลับบ้านโดยเร็ว เมื่อคุณแม่อาการผิดปกติอย่างใด ก็จะนัดคุณหมอ
ช่วงปี 2548 คุณแม่เริ่มมีอาการเป็นแผลที่เท้าจึงทำการรักษากับคุณหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องแผลและในที่สุดก็ต้องตัดนิ้วเท้าบางส่วนออกไป และพยายามรักษาแผลให้ดีที่สุด เราก็รักษาตามอาการโดยนัดคุณหมอดูแผลเป็นระยะตามนัด
มาครั้งหลังสุดเมื่อต้นปี 50 นี้คุณแม่ไม่ทานอาหาร คุณหมอตัดสินใจแนะนำให้อาหารทางสายยาง ด้วยอาหารพิเศษที่มีขายสำหรับผู้สูงอายุทั่วไป และอาหารจากการปรุงพิเศษของลูกๆและน้องผู้ดูแลคุณแม่ซึ่งถูกฝึกอบรมวิธีให้อาหารทางสายยางจนชำนาญ ทุกอย่างก็ราบรื่น เมื่อเดือน เมษายนเป็นต้นมาคุณแม่เริ่มนอนมากขึ้น พูดจาไม่ค่อยโต้ตอบและแผลที่เท้าและที่แผ่นหลังอันเกิดจากอาการกดทับก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น ถึงกระนั้นคุณหมอดูแล้วก็ออกปากชมสองพี่น้องคนว่าดูแลคุณแม่ดีมาก แต่แผลก็เป็นไปตามสภาพความไม่สมบูรณ์ของร่างกายที่ลดน้อยลงมากตามอายุขัย คุณหมอแนะนำให้ใช้แผ่นปิดแผลชนิดพิเศษที่ผลิตออกมาใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อโรคเข้าและรักษาแผลด้วย แต่ราคาสูงสักหน่อย ที่สำคัญไม่มีวางขายต้องวางเงินสั่งร้านขายยาก่อนจึงจะสั่งมาจากกรุงเทพฯ
วันเสาร์ที่ 26 เรามีกำหนดนัดคุณหมอดูแผลและนัดพบคุณหมอโรคชราด้วย ซึ่งอาการโดยทั่วไปนั้นคุณแม่ไม่โต้ตอบมากนัก นอกจากส่ายหัวบ้างและ ส่งเสียงอือ อา ไม่เป็นคำพูดอะไรที่ชัดเจน คุณหมอที่รักษาแผลคุณแม่ขอนัดเร็วขึ้นเป็นเวลา 4 โมงเย็นเพราะคุณหมอมีงานผ่าตัด เมื่อถึงโรงพยาบาล คุณพยาบาลหลายต่อหลายคนรุมล้อมทำการเช็คสภาพคนไข้ตามมาตรฐานทั่วไปแล้วบันทึกลงแบบฟอร์มเพื่อรายงานให้คุณหมอต่อไป หัวหน้าพยาบาลมาบอกว่า คุณแม่มีความดันต่ำมากควรจะเอาเข้าห้อง ICU แต่เราบอกว่าขอปรึกษากับญาติพี่น้องก่อน เสียงโทรศัพท์การติดต่อกับพี่ๆดังตลอดเวลา ขณะที่คุณหมอรักษาแผลมาดูแผลที่เท้าแล้วก็ส่ายหัว เพราะอาการเนื้อตายและเน่าขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งแผลที่แผ่นหลัง คุณหมอตัดสินใจบอกกับพวกเราว่าหมอขอให้ตัดขาแค่ข้อเท้าเพราะมิเช่นนั้นแผลจะกำเริบมากขึ้นจะเกิดอาการติดเชื้อเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ พวกเราตัดสินใจว่าไม่ให้ตัดเพราะคุณหมอเองก็กล่าวว่าจะต้องดมยาและคุณแม่ยุกไม่สามารถดมยาได้แล้ว คุณหมอจึงทำการตัดเนื้อเยื่อเน่าทิ้งจำนวนมากที่หลังฝ่าเท้าขวามือ และแนะนำให้ทำการล้างแผลวันละ 4 ครั้ง
เสร็จจากคุณหมอรักษาแผลคุณหมอผู้ดูแลอาการทั่วไปก็มาดู ขณะนั้นคุณแม่อาการไม่ตอบสนองแล้ว หายใจติดขัดลึกๆ คุณหมอตรวจสอบข้อมูลต่างๆที่พยาบาลเตรียมไว้เบื้องต้นแล้ว คุณหมอสั่งตรวจสอบอีกครั้ง ในที่สุดคุณหมอกล่าวตรงไปตรงมากับพวกเราที่อยู่ที่นั่นว่า คุณแม่คงไม่ดีขึ้นแล้วปล่อยให้ท่านไปอย่างสงบเถอะ และคาดว่าน่าจะเดินทางไกล “ภายในคืนนี้” ??
ไม่มีคำอธิบายใดๆอีก เพราะเรารู้ว่าสักวันหนึ่งจะได้ยินคำเหล่านี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกที่ใครๆก็ต้องรู้สึก เสียงสะอึกสะอื้นลึกๆเล็ดรอดออกมา..
เวลามันนานมากจริงๆคืนนั้น แล้วพวกเราก็เอ่ยคำออกมาว่า “เอาแม่กลับบ้านเราเถอะ” แม่บอกกับเราหลายครั้งว่าอยากอยู่บ้านไม่อยากอยู่โรงพยาบาล
เราเอาคุณแม่กลับมาประมาณ 2 ทุ่มเศษ เข้าบ้านเรียบร้อย พวกเราส่งข่าวต่อๆกับไปถึงสถานการณ์ล่าสุดของคุณแม่ พี่ๆหลายคนเตรียมตัวขึ้นขอนแก่นทันที ตามสภาพที่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ต่างก็มีภารกิจรัดตัวกันทั้งนั้น ดึกคืนนั้นพี่ๆบางคนสามารถเดินทางมาถึงและเข้าเยี่ยมดูแลแม่ที่กำลังจะ “เดินทางไกลในชีวิตของท่าน” อาการโดยทั่วไปหายใจไม่สะดวก ส่งเสียงหายใจเป็นระยะ หลับตาและไม่โต้ตอบสิ่งใดๆ
คืนวันเสาร์ที่ 26 หรือเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 27 นั้น ปรากฏว่าคุณแม่ยังอยู่กับเรา เพื่อนบ้านบางคนที่เป็นพยาบาลยังกล่าวว่าท่านน่าที่จะอยู่กับเราอีกหลายวัน เมื่อพิจารณาอาการของท่านผู้จะเดินทางไกลแล้วลูกๆบางคนที่มาคอยดูแลคุณแม่ยามจะต้องเดินทางไกลที่มีภารกิจสำคัญจำเป็นต้องสะสางให้เสร็จ ต่างกลับกรุงเทพฯเพื่อรีบเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วเพื่อกลับมาร่วมส่งการเดินทางไกลกันใหม่
เช้ามืดของวันที่ 28 อันเป็นวันจันทร์ เด็กๆที่เฝ้าแม่ก็มาเคาะประตูเสียงดังปังๆ แล้วบอกว่า เร็วๆเข้าคุณยายกำลังจะไปแล้ว ผู้บันทึกหยิบเวลามาดูก็ตีห้า รีบลงไปดูคุณแม่ในห้องที่เด็กนอกเฝ้าตลอดนั้น พบว่าท่านออกเดินทางไกลไปแล้วจริงๆ
ท่านเหนื่อยมา 97 ปีแล้ว ท่านอยู่ในสภาพที่นอนบนเตียงมาตลอดเวลานานร่วมๆ 8 ปีโดยประมาณ เข้าออกโรงพยาบาลมานับไม่ถ้วน เข้าไปนอนห้อง ICU ก็หลายครั้ง แฟ้มประวัติคนไข้ของท่านน่าจะเป็นแฟ้มที่ใหญ่ที่สุดแฟ้มหนึ่งในโรงพยาบาลแห่งนี้ พยาบาลทุกคนในห้องฉุกเฉิน คนขับรถฉุกเฉินและบุรุษพยาบาลทุกคน พนักงานรับโทรศัพท์ทางโรงพยาบาลคุ้นเคยกับท่านดี
ถึงเวลาที่ท่านเริ่มเดินทางไกลไปสู่ดินแดนอันไกลโพ้นแล้ว ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ สุขคติ สงบเย็น และมีความสุขกับการเดินทาง...
ขอแสดงความเสียครับ
สวัสดีครับคุณบางทราย
ขอร่วมอวยพรให้คุณแม่เดินทางโดยสวัสดิภาพ สุขคติ สงบเย็น และมีความสุขกับการเดินทาง...
ขอแสดงความเสียใจค่ะ
และขอให้คุณยายเดินทางไกลโดยสวัสดิภาพ และสงบสุข ร่มเย็นค่ะ
ขอน้อมใจอันเป็นกุศลร่วมส่งคุณยายในการเดินทางไกลไปสู่ภพใหม่ ด้วยความสงบเย็น
ขอร่วมอนุโมทนาบุญที่ลูกๆได้ปรนนิบัติดูแลคุณยาย แสดงความกตัญญุกตเวที เป็นลูกที่ประเสริฐ เป็นตัวอย่างอันดีงามให้แก่ครอบครัวอื่นๆด้วยค่ะ
สวัสดีครับทุกท่านครับ
กราบขอบพระคุณทุกท่านครับ
ท่านครูบาครับ
น้องขจิตครับ
ตอนนี้พี่อยู่ขอนแก่น เสร็จงานคุณแม่ก็กลับไปลุยงานดงหลวงต่อครับ ยังมีงานอีกมากมายครับ
พี่บางทราย
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
สวัสดีครับน้องขจิต
ตอนนี้กลับมามุกดาหาร เร่งทำงานที่คั่งค้างอยู่ครับ
ขอร่วมแสดงความเสียใจกับพี่บางทรายด้วยค่ะ... เคยพบเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ...คุณยายของแฟนเสีย...ท่านอายุราว 92-93 ปี ก่อนพลัดตกเก้าอี้ ยังแข็งแรง ไม่หลงลืม โต้ตอบลูกหลานได้กินใจ จนใคร ๆ ก็หลงรักกันหมด... อย่างที่โบราณเค้าว่าเด็กล้มแล้วโต และคนแก่ล้มแล้ว... คิดเสียว่าท่านจะได้ไม่ต้องทรมานนานกว่านี้นะคะ ท่านไปสบายแล้วล่ะค่ะ...
สวัสดีครับน้อง
อายุของท่านยืนยาวเหมือนกันนะครับ คนโบราณอายุยืนมากกว่าปัจจุบันนะ ทางการแพทย์คงมีคำอธิบายเกี่ยวกับหลักการต่างๆ
แต่คนเราๆ แบบชาวบ้าน ก็ว่า ท่านทำบุญไว้มากจึงมีอายุยืนยาวนะครับ
ขอบคุณครับน้องสาว
เมื่อ ศ. 01 มิ.ย. 2550 @ 15:12 จาก 61.19.65.206 ลบ [279376]