บ้านจำรุงได้นำภูมิปัญญาท้องถิ่น มาปรับใช้โดยมีความเชื่อมั่นในวิธีชุมชน โดยยึดมั่นในแนวเศรษฐกิจพอเพียง แม้ว่ากระแสโลกาภิวัฒน์จะเชี่ยวกราด รุนแรง ชุมชนชาวบ้านจำรุงก็สามารถปรับตัวได้มาโดยตลอด มีการนำความรู้ที่มีมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสภาพความเป็นอยู่ในขณะนั้น ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการจัดการความรู้ที่ ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่ง การจัดการความรู้ของชุมชนบ้านจำรุงจะเชื่อมโยงการวางแผน และตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2543 มีการเก็บข้อมูล ครัวเรือน และ นำมาสังเคราะห์จนตกผลึก เกิดเป็นกิจกรรมต่างๆ ตามมา
บ้านจำรุงมีการรับรองความรู้ ประสบการณ์ วิชาการ จากหน่วยงานพัฒนาต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2529 จนเกิดเป็นทักษะชุมชน ทั้งจากพัฒนาชุมชน กองทุนเพื่อสังคม สาธารณะสุข สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และอีกหลายๆหน่วยงาน ที่เข้ามาศึกษาวิจัย ค้นคว้า สรุปบทเรียน วิถีชีวิต แนวทางการยริหารจัดการชุมชน สิ่งแวดล้อม จิตวิญญาณชุมชน ความเป็นพลเมืองของคนบ้านจำรุง ทำให้องค์ความรู้ต่างๆเหล่านั้น ซึมซับอยู่กับคนจำรุง เป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่าต่อชุมชน ก่อเกิดความสำนึกสนใจที่จะเรียนรู้
เมื่อองค์ความรู้สั่งสมอยู่ที่ชุมชน จนเกิดเป็นทักษะ ทำให้การตัดสินใจและลงมือปฏิบัติ เป็นไปโดยธรรมชาติของชุมชน
จนถึงวันนี้คนที่บ้านจำรุง มีคุณธรรมเรื่องหนึ่งที่เป็นที่รับรู้ของผู้คนมาโดยตลอด คือการเสียสละ ซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ดูได้จากกิจกรรมของร้านค้าชุมชน ที่ได้ดำเนินกิจกรรมมาจนเข้าสู่ปีที่ 20 แล้ว มีผลประกอบการที่มีกำไรทุกปี การบริหารจัดการโดยใช้หลักทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน นั่นเอง...ชุมชนบ้านจำรุงคงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าศึกษา และนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชน พัฒนาองค์กร ครับ.......มาแอบอ่านบันทึกครับ
ขอบคุณครับ