ฮอม
สิริวัฒน์ แสงศาสนติธรรม
ความเรียบง่ายการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
เป็นศิลปะแห่งการดำเนินชีวิตแบบวิถีดั่งเดิม
ผนวกกับแนวคิดเชิงศีลธรรมที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือเกื้อกูลให้เกิดเป็เนื้อหน้าบุญ
มุ่งหวังที่จะช่วยบรรเทาเหตุแห่งทุกข์ให้ได้รับทุกขเวทนาน้อยลง
เป็นประดุจเพื่อนในยามยาก จึงมีการรวมตัวช่วยกันในลักษณะ
“แบ่งปัน” มากกว่า เพื่อ “ผลประโยชน์”
แนวคิดที่งดงามและมองเชิงบริสุทธิ์ถูกทำลายอย่างเป็นระบบมานับศตวรรษ
โดยที่คนในหมู่บ้านชุมชนไม่รู้ตัวและมักเอาวัฒนธรรมใหม่
การศึกษาแบบใหม่ รวมถึงการคิดแบบใหม่ที่ได้ผลประโยชน์
และมองกันว่าผลประโยชน์เหล่านี้ มักจะได้ง่ายๆ
ออกแรงน้อย คนฉลาดต้องได้มาก คนไม่ฉลาดก็ได้น้อย
นี่คือความสมดุลแบบใหม่
นี่คือความสมดุลแบบใหม่ที่ใครก็ไม่รู้หยิบยื่นในชุมชน
วันหนึ่งในอดีตมีหนังกลางแปลงมาฉายกลางทุ่งนาหลังโรงสีโกหวัด
โฆษณาว่า พรุ่งนี้แล้วนะ เราจะเริ่มต้นวันร่ำรวย
ทุกคนจงเอาเงินมาฝากกับธนาคารจะได้ดอกเบี้ยงามๆ
และมีของขวัญให้ด้วย นี้คือการชักชวนให้คนมา “ออม”
หลังจากนั้นไม่นานมีธนาคารมาเปิดใหม่อีกหลายธนาคาร
ลูกหลานร้านค้าในตลาดที่มีฐานะต่างทยอยเข้าไปทำงานด้วยชุดทำงานดูแล้วน่าอิจฉาของในตลาด
เริ่มมีการชักชวนให้คนไปฝากเงินจะได้ดอกเบี้ยสูง
ร้านค้าในตลาดจนหัวไร่ปลายนาก็ลือกันเป็นไฟไหม้ฟาก
ชาวนาขายที่หวังได้ลูกได้ทำงานธนาคารจะได้มีตำแหน่งที่คนมักเรียกกันว่า
“นาย” ดูแล้วเท่ห์ดีนะ
“ออม”
เป็นการเก็บสะสมทรัพย์ให้มีจำนวนมาก
แล้วก็ได้ผลประโยชน์ตอบแทนในรูปของ ”ดอกเบี้ย”
ความคิดที่จะเอาเงินมาออมถูกขยายวงกว้าง
สอดคล้องกับวิชาที่สอนให้คนได้รู้จัก “ดอกเบี้ย”
โดยลืมดอกแค ดอกเอื้อง ดอกตะล่อม บานไม่รู้โรย
ความสำเร็จของดอกเบี้ยได้ยกฐานะให้สูงค่า
ดอกแห่งภูมิปัญญาแห่งการแบ่งปันเริ่มอ่อนกำลังลง
สุดท้ายเรามีนายใหม่เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะนายที่ให้กู้รายวัน
หลายคนปรารถนาจะเป็นนายทุนเงินกู้ จะได้ใส่สร้อยเส้นโตๆ
เดินเก็บดอกเบี้ยทุกวันในตลาด
“ฮอม”
เป็นการเก็บรวมทุน , ทุนทรัพย์, สิ่งของ
เอามารวมกันในลักษณะที่ค่อนข้างเอียงไปในการ “ให้” เป็นทรัพย์
“หน้าหมู่” (ส่วนรวม) หรือเพื่อ “เพื่อน” ที่ได้รับทุกขเวทนา เกิด แก่
เจ็บ ตาย ด้วยแนวคิดเชิงศีลธรรมที่ฝังรางมาจากบรรพชน
โดยเอา “บุญ” เป็นตัวนำ เอา “ธรรม” เป็นตัวตั้ง
เน้นสัจธรรมความจริงใจ เป็นการให้เพื่อเกิดบุญ คือ
ความสุขใจที่ได้ให้ แม้แนวคิดที่ “ฮอม”
จะถูกฉกฉวยแปรเปลี่ยนเอาไปกระทำในลักษณะผลประโยชน์แอบแฝง
จนกลายเป็นอาชีพ “เสียสละ” เมื่อเจตนาเปลี่ยนใจก็เปลี่ยน
แนวคิดที่เคยให้เพื่อสุขใจก็กลายเป็น ให้เพื่อได้ประโยชน์ตอบแทน
ทั้งในลักษณะชื่อเสียง เพื่อคะแนนเสียง
และคนที่รู้ฉลาดก็ออกใบประกาศยืนยันว่าทำอย่างนี้คือความดีอย่างแท้จริง
จนความดีถูกใส่กรอบติดไว้ข้างฝา ข้างชุดโซฟา
และหลังตู้เย็น สังคมเริ่มซึมซับกันถ้วนหน้า
จนขยายเป็นวิชานายหน้าแห่งความดี จนเกิดแนวคิดว่า
พรุ่งนี้เราจะรวย รวย
“ออม” และ
“ฮอม”
คงมีความหมายในแง่ของภาษาแต่เจตนาและแนวคิดค่อนข้างแตกต่างกัน
แม้จะมองไปในมิติไหนก็ไม่พบเจตนารมย์อันแท้จริงของความหมายที่เหมือนกัน
วันนี้มีการรณรงค์ให้เกิดการออมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
พร้อมหว่านเม็ดเงินไปทั่วประเทศหวังแก้ปัญหาความยากจน
ขณะที่คนในชุมชนไม่ได้ยากจน แต่อับจน คือภาวะที่ขาดความสามารถ
เราควรเพิ่มความสามารถให้กับคนในชุมชน
ได้เรียนรู้กระบวนทัศน์วิธีคิดว่า เพิ่มอย่างไร
เพิ่มเพียงใด เพราะการเพิ่มรายได้ที่เป็น “เม็ดเงิน”
อาจไม่ได้หมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดี
มีสิทธิในการเลือกวิถีชีวิตแห่งตนมากกว่าวางกรอบให้เป็นแบบสำเร็จรูป
“ออม” หรือ
“ฮอม”
แบบใหม่ในแนวคิดแก้ไขปัญหาความยากจนถูกรณรงค์ขยายวงกว้างออกไปเกินกว่าส่งเสริมสินเชื่อ
หรือเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ชุมชนหมู่บ้าน
สุดท้ายไม่ได้แก้ปัญหาเลย
กลับไปสร้างวัฒนธรรมการใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย
เป็นปัญหาหนี้สินครัวเรือนทุกย่อมหญ้า “ฮอม” เพื่อการ
“ให้”
ควรจะเป็นวิธีคิดที่จะหยิบยกภูมิปัญญาดั้งเดิมมารณรงค์ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงดีกว่าจะเก็บ
“ฮอม” ไว้บนหิ้งหรือในพจนานุกรม
แล้ววันหนึ่งเราก็จะต้องทำวิจัยกันอีกว่า เป็นมาอย่างไร
คิดกันอย่างไร ไม่รู้จบสิ้น
และบางทีคนอีกยุคหนึ่งข้างหน้าอาจจะตอบคำถามไม่ได้
จนต้องหันหน้าไปถึ่งเจ้าเข้าทรงให้ย้อนอดีตให้เราก็อาจเป็นได้
“” “”
“” ””
“” “”
, , “” “” () “” “” “” “” “”
“” “”
“” “”
“” “” “” “”