ธรรมชาติเรียกร้องให้ดูแลกัน
นพพร นิลณรงค์
คนมีปัญญานั้นใคร ๆ ก็นับถือ คนล้านนาเรียกคนมีปัญญาว่า “มีผญา”
ยิ่งคนมีปัญญาท่องเที่ยวไปเรียนรู้ไป เป็นที่ยอมรับว่า
ฉลาดหลักแหลม ก็เรียกกันว่าเป็นคน “ตาแหลวเมือง” รู้ทุกอย่าง
ความเป็นจริงศาสนาพุทธก็ยกย่องคนมีปัญญาไว้ว่า “นตถิ
ปัญญา สมาอาภา – แสงสว่างใดเสมอด้วยแสงสว่างแห่งปัญญาไม่มี”
……………สาธุ
ปัจจุบัน “ปัญญา” สามารถไปแสวงหาได้ที่
“โรงเรียน” เพราะว่ามีครูสอนอยู่จึงเรียกว่า
“ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา”
แต่ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านี้อธิบายไม่ได้เสียแล้ว
เพราะว่าขณะนี้ความรู้ต้องไปแสวงหาเอาที่
“สำนักกวดวิชา”
สิ่งที่สอนในโรงเรียนไม่เพียงพอต่อการ “เข้ามหาวิทยาลัย”
เสียแล้ว แม้จะต้องแบกรับภาระหนี้สินเพียงใด พ่อ
แม่ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะอยากให้ลูกได้มี
“ผญาปัญญา” จะได้เอาตัวให้รอด
แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีอีกหลายคนที่
“ความรู้ท่วมหัว
เอาตัวไม่รอด”
ท่านผู้รู้ก็พึงสดับว่า
“จะจัดการศึกษากันอย่างไร?”
ลำปางมีแม่น้ำอยู่ 1 สาย ชื่อแม่น้ำวัง
เป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงคนลำปางตั้งแต่เหนือจรดใต้
จากอำเภอวังเหนือสู่อำเภอแม่พริก ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าแม่น้ำวังเสียแค่ไหน
คนต้นน้ำยังอาศัยแม่น้ำวังทำอะไร? คนกลางน้ำ
ปลายน้ำได้รับความเอื้ออาทรหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างไร?
แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งมีว่า แม่น้ำวังตอนกลาง ๆ
มิได้ใสสะอาดดังที่คิดไว้ แม้แต่คนตกปลา ทอดแห
เอาปลามากินก็บอกกันว่า
ปลาเหล่านั้นมีแต่กลิ่นเหม็นของน้ำมัน
แสดงให้เห็นว่าสังขารของแม่น้ำวังถูกรังแก
เอาเปรียบจนน่าสงสาร หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจไม่เป็นคุณ
ทุกชีวิตอยากเห็นแม่น้ำวังใสสะอาด ไหลเย็น
เห็นตัวปลา หน้าน้ำจะได้ใช้รดต้นไม้ในเลือกสวนไร่นา
เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ……..หรือจะปล่อยให้เหม็นอยู่อย่างนี้?
คงมีความจำเป็นที่จะต้องระดมคนที่มี
“ผญาปัญญา” มาช่วยกันคิด
เพราะธรรมชาติเรียกร้องให้ดูแลกัน
“ถ้าไม้ก็หมด
แม่น้ำก็เน่า” น่าคิดว่า
“เราจะโทษใคร”
กระแสของคนดูแลแม่น้ำวังจะเกิดขึ้นวันที่ 6 กันยายน 2546
โดยมีกลุ่ม “รักษ์แม่น้ำวัง” ชุมชนบ้านปงสนุก
และกลุ่มผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
จะศึกษาวิจัยแม่น้ำวังอย่างเป็นระบบเสียที
พร้อมกับจะรณรงค์ให้คนหยุดรังแกแม่น้ำวัง
โดยกระบวนการวิจัยแบบชาวบ้าน
มีเทศบาลช่วยสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อเขียนป้ายรณรงค์
อาจารย์ทิพยา ……. จากโรงเรียนลำปางกัลยาณีก็จะนำลูกศิษย์มาช่วย
รวมทั้งสถานศึกษาอื่น ๆ ที่จะมาร่วมด้วย
นอกจากนั้นชุมชนปงสนุกและชุมชนเจริญประเทศ เช่น ดาบตำรวจบุญธรรม
บุตรธุระ ดาบตำรวจประทุม ไหวมา
อาจารย์ประมวลศรี…………… ก็จะลุกขึ้นมาดูแลแม่น้ำวัง
ศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น (สกว.) จ.ลำปาง
ก็จะเข้าร่วมขบวนการนี้ด้วย
ครับถ้าจะหันหน้า มาช่วยกัน สร้างผญาปัญญาให้กันและกัน
โดยจิตสำนึกท้องถิ่น ธรรมชาติก็จะได้ไม่เกี้ยวกลาด
ท่วมหัวท่วมหูจนเป็นปัญหามาก็หลายแห่ง
….เรามาสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับแม่น้ำวังกันเถิดด้วยการทำวิจัยแบบชาวบ้าน
…..ก่อนที่จะไม่มีแม่น้ำวังให้ลูกหลานได้ว่ายเล่น…….