การศึกษาชุมชนราวบัวในวันนี้ มุ่งประเด็นไปที่ด้านการศึกษา ซึ่งกระผมได้ขอร่วมเรียนรู้จากคุณครูมารศรี แม่พิม์แห่งโรงเรียนวัดชุมชนรางบัว ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
วิธีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งคุณครูมารศรีได้เล่าถึงประวัติของโรงเรียนให้ทราบโดยสังเขป คือ ก่อนหน้านี้โรงเรียนชุมชนวัดรางบัวถือเป็นเพียงโรงเรียนระดับประถมศึกษาเท่านั้น แต่ในช่วงต่อมาได้มีนโยบายจากทางกระทรวงศึกษาธิการให้สามารถจัดการศึกษาได้ถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งถือเป็นโรงเรียนขยายโอกาศแห่งแรกในตำบลรางบัวแห่งนี้
ในสมัยนั้นคนในตำบลรางบัวและชุมชนโดยรอบนิยมส่งลุกหลานมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นอันมาก ทำให้ในช่วงนั้นทางโรงเรียนประสบกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการศึกษาอย่างหนัก รวมทั้งสถานที่ขับแคบและผุพังไปตมกาลเวลา หลังจากนั้นได้เกิดโรงเรียนขยายโอกาสหลายแห่งในละแวกใกล้เคียง กอปรกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคมดีขึ้น คนในชุมชนจึงเลือกที่จะส่งบุตรหลานของตนเข้าไปเรียนต่อยังโรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษาแทน ด้วยหลายสาเหตุทำให้เด็กที่มาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้มีจำนวนลดน้อยลงไป
ทั้งนี้คุณครูมารศรีได้แสดงความกังวลต่ออนาคตของลูกศิษย์ตัวน้อยๆ ของเธอว่า "สังคมทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กๆในชนบทถูกสื่อลามกหมกย้อมให้มีพฤติกรรมที่น่าสลดใจ คนในชุมชนเองก็ยังขาดภูมิคุ้มกันที่ดีต่อเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้ รวมทั้งปัญหาการพนันที่เริ่มระบาดเข้ามายังโรงเรียน เช่น น้ำเต้าปูปลา พนันฟุตบอล เป็นต้น"
นอกจากนี้คุณครูมารศรียังเชื่อมโยงปัญหาการศึกษาไปยังประเด็นเศรษฐกิจแก่กระผมอีกด้วย โดยคุณครูมารศรีกล่าวว่า "คนแถบนี้ยังคงทำไร่ทำนา เลี้ยงวัว บางครั้งก็ให้ลูกขาดโรงเรียนไปช่วยครอบครัวทำงานในไร่ หรือพาวัวไปกินหญ้า ตรงนี้เราก็เข้าไปคุย แต่ก็ถูกถามกลับว่า ครอบครัวเรายากจน ลูกก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ไม่งั้นใครจะมาช่วย" ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว เธอเชื่อว่า "ครูไทย" ในชนบทอีกหลายแห่งก็คงประสบกับภาวะกระอักกระอ่วนใจเช่นเดียวกันกับเธอ ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีความซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะแบกรับไหว
ขอบคุณครับ
รักเด็กรางบัวม.6/5ตลอดไป