เรื่องเล่าบทที่ 11 - Thank you. // Yes, please. // No, thanks.


ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ :D

จำได้ว่าวันแรกที่ไปถึงสก๊อตแลนด์ เพื่อนพาไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านจีน ถ้าจำไม่ผิด พนักงานถามว่าจะรับชามั้ย เราก็ตอบแบบทื่อ ๆ ไปว่า yes และได้ยินเพื่อนที่นั่งข้างกันพูดขึ้นเบา ๆ ว่า please เราก็สงสัยว่าเอ๊ะ พูดอะไร

 

จึงได้รู้คำตอบมาว่า การตอบ yes หรือ no เฉย ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพเอาซะเลย ต้องเติ่มท้ายประโยคว่า Yes, please. หรือไม่ก็ No, thanks. จริง ๆ ประโยคพวกนี้เราก็เรียนมาตั้งนมนานแล้วนะ แต่เพราะตอนอยู่เมืองไทย เราไม่มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน มันจึงไม่รู้สึกคุ้นเคย แต่ตอนนี้ใช้ทุกวันจนกลายเป็นสิ่งที่พูดไปอัตโนมัติซะงั้น

 จะว่าไปแล้วคนที่นี่พูดว่า ขอบคุณ มากกว่าคนไทยเราซะอีก ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ ต้องขอบคุณกันตลอด คำว่า Thank you. // Yes, please. // No, thanks. จึงเรียกได้ว่าเป็นคำฮิตติดปาก เช่นเวลาเราไปร้านกาแฟ (แฟนประจำบันทึกนี้คงอ่านเจอตัวอย่างจากเรื่องร้านกาแฟเกือบทุกบันทึก ฮ่าๆๆ) สมมติสถานการณ์ให้ A เป็นพนักงานในร้าน แล้ว B เป็นลูกค้าล่ะกันนะ 

          A: Hello. Can I help?

          B: Yes, please. I would like to have a cup of mocha, please.

          A: Large or small one?

          B: Just a small one, please.

          A: Take away or sit in?

          B: Sit in, please.

          A: Ok, 2 pounds 50, please.

          B: Yes, 3 pounds, alright?

          A: Thank you. Here’s your change. 50 p.

 

แล้วก็จ่ายเงินเสร็จสรรพ พอถึงเวลารับกาแฟ (อ้อ ที่นี่พอเราสั่งกาแฟแล้ว ต้องจ่ายเงินก่อน เค้าถึงจะไปทำกาแฟให้เรา และเราก็ยืนรอรับกาแฟค่ะ).

          A: Would you like chocolate on top?

          B: No, thanks.

          A: Here you go.

          B: Thank you very much. Bye.

          A: Bye.

 

เห็นมั้ยค่ะว่าแค่ซื้อกาแฟแก้วเดียว ประโยคสนทนาอันนี้ดูน่ารักไม่ใช่หยอก มีทั้ง please // Yes, please. // No, thanks. แค่คำว่า please คำเดียวก็เจอเกือบทุกประโยคแล้วล่ะค่ะ

 

โดยเฉพาะคำว่า thank you ที่ถูกใช้ในทุกสถานการณ์ แต่ที่เมืองไทยเราแปลกอยู่อย่าง ทั้งที่ตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่จะสอนให้เราพูดว่าขอบคุณทุกครั้งเวลาเรารับของจากคนอื่น พอโตขึ้นมา เราพบว่าคนไทยพูดคำว่าขอบคุณกันน้อยลง จำได้ว่ากลับเมืองไทยครั้งล่าสุด หลายครั้งที่เราพูดว่าขอบคุณ กลายเป็นสิ่งที่แปลกสำหรับคนรอบข้าง เช่นเราขอบคุณกระเป๋ารถเมลล์ที่ถอนเงินค่ารถให้เรา ขอบคุณเด็กเสิร์ฟที่เอาอาหารมาวางให้ หรือขอบคุณเวลาพนักงานขายเอาของใส่ถุงให้เรา

 

จะดีแค่ไหนนะถ้าเรากลับมาพูดคำว่า ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ให้ติดปากเหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก...  

หมายเลขบันทึก: 95401เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2007 16:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 15:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

เคยคิดเหมือนกันค่ะ แล้วก็เลยลองดูตัวเองเวลากลับไปเมืองไทย

ปรากฎว่า เวลาทานข้าวนอกบ้าน หรือ ซื้อของ พี่ใช้วิธีก้มหัว พงกหัว หรือโค้ง แทนคำพูดว่าขอบคุณบ่อยมาก (ไม่รู้ตัวหรอกตอนแรก)

วันนี้ไปทานร้านอาหารไทย เพิ่งสังเกตว่าสามีเราพูด ขอบคุณครับกับน้องคนเสิร์ฟทุกจานที่เค้ายกมาให้

เป็นนิสัยที่น่าเอากลับไปด้วยจริงๆ ขอบคุณที่เขียนบันทึกเรื่องนี้นะจ๊ะ  พี่เห็นด้วยและจะช่วยรณรงค์ : )

เห็นด้วยค่ะ คำว่าขอโทษ และขอบคุณของเราใช้น้อยจริงๆค่ะ ... ยกตัวอย่างการใช้ลิฟท์นะค่ะ (แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านกาแฟค่ะ...ฮา)

คนจะเข้าลิฟท์ไม่รอให้คนในลิฟท์ออกมาก่อนก็จะชนไหล่กันตรงประตูลิฟท์ (คนในก็จะออก คนนอกก็จะเข้า) ...

หากเราเข้าไปในลิฟท์แล้ว ยืนอยู่ใกล้ที่กดชั้นๆ เมื่อมีนักศึกษา หรือ คนอื่นเดินเข้ามาเราก็จะถามว่า ชั้นไหนค่ะ ...เมื่อเขาบอกชั้น เราก็กดให้...ไม่มีคำขอบคุณค่ะ

เมื่อลิฟท์หยุดเราเปิดประตูค้างให้ผู้ร่วมลิฟท์เดินออกก่อน เขาก็จะเดินออกไปโดยไม่มีคำขอบคุณ เมื่อเราจะออกก็จะมีคนเดินสวนเข้ามาชนตรงประตูลิฟท์ ที่แคบๆ โดยไม่มีคำขอโทษ

อีกตัวอย่างนะค่ะ

เวลาที่เราเดินข้างหน้าเปิดประตูจะเข้าห้องเรียน หรือเข้าออกออฟฟิสที่เป็นประตูผลัก หากเราเห็นว่ามีคนเดินตามหลังมา เราจะเปิดประตูรอ... คนที่ตามหลังมาก็จะเดินผ่านออกประตูไปโดยไม่รับประตูต่อจากเรา และไม่ขอบคุณ ถ้ามีคนตามหลังมาอีกเราก็เลยจำเป็นต้องจับประตูเปิดให้ต่อไป (กลายเป็นพนักงานเปิดประตู จำเป็น)

แต่หากเราเป็นคนเดินตามหลัง เราก็ต้องระวังว่าประตู จะชนหน้า เพราะคนเดินข้างหน้า เปิดเสร็จออกไป ก็จะปล่อยประตูทันทีไม่มีค้างไว้ให้

ขอโทษนะค่ะ...เขียนข้อคิดเห็นยาวไปหน่อย

  • ขอบคุณเกร็ดความรู้ดีๆ ค่ะ

 

สวัสดีค่ะพี่มัทนา

ขอบคุณมากค่ะพี่มัท ส่วนตัวแล้วไม่ได้เป็นโรคเห่อฝรั่งนะคะ เห็นอะไรดี ๆ ก็เอามาใช้กับตัวเราค่ะ :D

ณิช

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ paew

เรื่องลิฟต์และประตูก็เป็นอีกเรื่องที่น่าคิดเหมือนกันค่ะ ที่นี่ถ้ามีการกดลิฟต์หรือเปิดประตูรอให้ ถือเป็นมารยาทเลยที่เราจะต้องพูดว่าขอบคุณ .. พร้อมกับส่งยิ้มหวาน ๆ ไปให้อีกหน่อย ฮ่าๆๆ

เรื่องพวกนี้หลาย ๆ คนมองข้ามค่ะ ทั้ง ๆ ที่ใกล้ตัว แต่เพราะใกล้ตัวมากนี่แหล่ะมั๊งค่ะ ทำให้เรามองมันไม่เห็น เมื่อก่อนณิชก็ไม่ค่อยได้สังเกตเรื่องนี้เท่าไหร่ค่ะ แต่พอกลับเมืองไทยไปจึงเริ่มสังเกตเรื่องสังคมมากขึ้นค่ะ ..เอ๊ะ หรือเพราะว่าเราเริ่มแก่เนี่ย ... *_*

ณิช

สวัสดีค่ะคุณ Bright Lily

แวะมาเยี่ยมเยียนกันอีกหน ขอบคุณมากค่ะ :D

ณิช

บ่อยครั้งที่พี่

.อยู่ในลิฟต์ คนเดินเข้า

พี่ถาม"ชั้นไหนครับ"

มีเสียงตอบ"ชั้น..."แล้วเงียบ

พี่ทำลายความเงียบด้วย "ขอบคุณครับ"

ในใจใครบางคนคงไม่เงียบ

 

..เมื่อขับรถเข้าห้าง เมื่อรับบัตรจอดรถ พี่จะส่งเสียง"ขอบคุณ ครับ" พร้อมกับยิ้ม

 

...ยามที่ต้องจ่ายเงินค่าอาหาร ขณะส่งเงินจะส่งเสียง "ขอบคุณ ครับ" พร้อมกับยิ้ม และแล้ว พนักงานจะไม่ค่อยรอรับทิบ(ถ้าพนักงานพูดก่อนพี่ พี่จะให้ทิบ)

 

....ถ้าปีใหญ่ วันสำคัญ หรือมีเหตุการณ์สำคัญที่หลายคนรู้ ก็มักมีคำทักทายต่อด้วย เช่น จ่ายค่าทางด่วนแล้ว "สวัสดีปีใหม่นะครับ"

และสำหรับบันทึกนี้ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะพี่หยู

บันทึกนี้เป็นบันทึกแรกของณิชที่พี่หยูโพสต์ยาววววววววที่สุด และไม่มีคำถาม ฮ่าๆๆๆ :P

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่มาแลกเปลี่ยนกันค่ะ แถมเขียนแบบคม ๆ ด้วยนะเนี่ย

พี่ทำลายความเงียบด้วย "ขอบคุณครับ"

ในใจใครบางคนคงไม่เงียบ

อ้อ ถ้าจะไปทานอาหารร้านไหน บอกณิชก่อนนะคะ จะได้ไปเตี๊ยมกับพนักงานให้พูดคำว่าขอบคุณกับพี่หยูเยอะ ๆ จะได้ทิปแยะ ๆ แล้วณิชขอส่วนแบ่งสัก 20% ก็พอ ฮ่าๆๆ ..ล้อเล่นนะจ๊ะ ..ยิ้มสิ ยิ้มสิ :D

ณิช

 

และแล้วพี่ก็โดนน้องณิช เสียบ

.

ปกติพี่ทิปไม่เกินเงินทอนนะ(ร้านที่รวมค่าบริการแล้ว) และส่วนใหญ่นะ ถ้าจะทิป เป็นไปได้พี่จะทิปตอนสั่งอาหารครั้งแรกที่เดียวเลย เคยเจอป่ะแบบนี้

ถามแล้ว

ต้องบอกว่าพวกเราใน GotoKnow นี่ก็ไม่น้อยนะคะ ช่วยๆกันทำ เดี๋ยวก็แพร่ขยายไปเองแหละค่ะ เรื่องดีๆแบบนี้ ขอบคุณคุณ ณิชนันทน์ ที่นำมาจุดประกายค่ะ

สวัสดีค่ะมนุษย์คำถาม

ต่อไปเรียกชื่อนี้ล่ะกันนะค่ะ.. น่ารักดี :D

งงค่ะ ทิปตอนสั่งอาหาร เป็นยังไงช่วยขยายความนิ๊ดนึงนะคะพี่ เผื่อจะได้เอาไปใช้บ้าง หรือว่าจะได้ไว้หักเปอร์เซนต์ถูก ฮ่าๆๆ

ณิช

สวัสดีค่ะพี่โอ๋

คิดไปคิดมามันก็แปลกนะคะ หลาย ๆ อย่างที่เราเคยถูกสอนถูกฝึกมาตอนเด็ก ๆ เช่น การกล่าวสวัสดี การยกมื้อไหว้ผู้ใหญ่ การพูดครับหรือค่ะ รวมทั้งการกล่าวขอบคุณ พอเราโตขึ้นมันก็ค่อย ๆ ห่างหายจากเราไป

ขอบคุณพี่โอ๋และชาวโกทูโนที่จะช่วยในเรื่องนี้ด้วยนะคะ :D

ณิช

สวัสดีค่ะ

เห็นด้วยค่ะ เป็นคำง่าย ๆที่คนส่วนใหญ่รู้แต่หลงลืมไปเพราะไม่ค่อยได้ใช้ ต้องนะค่ะที่นำมาสะกิดเตือนค่ะ เห็นด้วยอีกข้อทึ่คุณณิชนันท์บอกว่า   เราพบว่าคนไทยพูดคำว่าขอบคุณกันน้อยลง  ขอบคุณนะค่ะที่นำมาสะกิดเตือนสังคม

สวัสดีค่ะอาจารย์ราณี

บางครั้งเรามัวไปให้ความสำคัญอะไรที่ดูเหมือนเป็นสิ่งยิ่งใหญ่แต่อาจจะไกลตัวไปสักหน่อย .. จึงเผลอลืมของใกล้ตัวไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

ณิช

ทิปตอนสั่งอาหาร คือ

เวลาสั่งอาหารกับ บริกร

ให้บริกรทวนรายการที่สั่งเสร็จ ก็ให้ทิปเลยนะครับ

สวัสดีค่ะณิช P

............
ของงทิปตอนสั่งอาหารของตาหยู P ด้วยคน

สั่งแล้วให้ทิปเลย เอ...ยังไงน้า

ว่าแต่...ไม่เห็นตาหยูเคยทิปอย่างงั้นให้เห็นเลยนี่น่า ฮิฮิ

............

อ้าว ลืม นี่บ้านนู๋ณิชนี่หน่า

จะมาบอกว่า...

พอมาอยู่เมืองนอก สงสัยตัวเองมากๆ ว่ารู้สึกจะมีความเป็นไทยเพิ่มขึ้นมาซะงั้น

เรื่องยกมือไหว้เนี่ย อยู่เมืองไทยเราจะมือแข็งมั่กมาก คนที่เราจะไหว้คือคนที่เราเคารพจริงๆ แต่พอมาอยู่นี่ เจอพี่คนไทย อายุมากกว่านิดหน่อย ก็ยกมือไหว้แล้ว

น้องคนไทย อ่อนเดือนกว่าเรานิดหน่อย ก็ยกมือไหว้ตอนเจอ และตอนแยกจากกัน ทั้งๆ ที่น้องเค้าแต่งงานกับฝรั่งและอยู่ออสเตรเลียมานาน

แปลกดีที่ยิ่งไกลเมืองไทย ยิ่งเห็นความเป็นไทย ชัดขึ้น

............

อยู่เมืองไทย ขอบคุณ ขอโทษ สวัสดี ใช้อยู่บ้าง เฉพาะตอนจะขอบคุณ ขอโทษ จริงๆ (งงป่ะ)

แต่พอมาอยู่ออสเตรเลีย จากที่เห็นคนขอบคุณคุณคนขับรถทุกคน ทุกคน ทุกครั้ง (ที่เคยเล่าในบันทึกรถเมล์) ทำให้ติดปาก Thank you เนี่ย มากที่สุด

รองมาก็ sorry เดินชนเพื่อน แขนไปเฉี่ยวอะไรเข้าก็ sorry ไปซะแล้ว พอหันไปดู เป็นเสา แหะๆ

ส่วนสวัสดีเนี่ย ก็ hi, hello อะไรทุกครั้งที่เจอ เจอกันวันล่ะสี่ห้าครั้ง ก็ hi กันไปสี่ห้าครั้ง

คนที่นี่ ก็ช่างถามว่าเป็นไงบ้าง ทุกครั้งที่เจอ เจอทุกวัน ก็ต้องตอบ Good, Thanks. ทุกครั้ง

บางทีนึกๆ หาคำสร้างสรรค์คำอื่นๆ มาตอบบ้าง อย่าง Very Great อะไรก็แล้วแต่ สุดท้าย ก็มาลงที่ Good, Thanks. ง่ายสุดแล้ว

 

^______^

อยากให้เด็กๆ ไทย ขยันพูดให้ติดปากไว้นะ คำง่ายๆ พวกนี้

เห็นด้วยกับพี่ Paew P
มั่กมากค่ะ
เรื่อง เป็นพนักงานกดลิฟท์ และพนักงานเปิดประตู นี่เป็นบ่อยๆ ตอนอยู่มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะลฟท์อาจารย์ (ห้ามนักศึกษาขึ้น แต่นักศึกษาก็ขึ้น เราก็ไม่ได้ว่าไง ก็มองๆ เค้าก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้)
ถาม ชั้นไหนค่ะ
ตอบ ชั้น 10... (นักศึกษาหยุดประโยคไป)
ไม่ได้ทำลายความเงียบแบบตาหยู (คราวหลังมีมุกนี้ล่ะ เสร็จแน่น้องนู๋เอ๋ย ฮิฮิ)
^____<
Thank you ja.

สวัสดีค่ะพี่หยู

เป็นวิธีให้ทิปที่แปลกดีค่ะ อันนี้ห้ามลอกเลียนแบบด้วยรึเปล่าค่ะเนี่ย หุหุ

ณิช

สวัสดีจ๊ะน้าแนน

ฮ่าๆๆ โพสต์ของน้าแนนนี่ยาวเกือบเท่ากับบันทึกณิชเลยนะคะเนี่ย .. ใช้วิธีแย่งพื้นที่สื่อแบบนักการเมืองเหรอค่ะ ...แอบแซว :P

ใช่แล้วค่ะ ยิ่งห่างก็ยิ่งคิดถึง... เอ๊ะ อันนี้เอามาใช้กับเรื่องหัวใจได้ด้วยนะเนี่ย ....

ขอบคุณที่แวะเวียนมาทักทายกันเป็นประจำจ้า :D

ณิช

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท