ต่อจากบันทึก ทางลัดสู่ประสบการณ์ (๑/๒)
นักธุรกิจบางคน.. ใช้เวลานับสิบปีนอนเอามือก่ายหน้าผาก.. เพื่อซื้อประสบการณ์มาเขียนหนังสือเล่มเดียวให้คนรู้ว่า "ทำธุรกิจนั้น ต้องทำอย่างไร?"
คนพิการบางคน.. ใช้เวลาค่อนชีวิตนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์.. เพื่อซื้อประสบการณ์มาบอกกับสังคมว่า "เมาไม่ขับ"
คุณตาผู้หนึ่ง.. ใช้เวลาร่วม ๕๐ ปี อาบเหงื่อต่างน้ำในอาชีพจับกัง เพื่อซื้อประสบการณ์มาบอกหลานชายที่กำลังจะเข้าเรียน ป.๑ ว่า "ตั้งใจเรียนนะหลาน โตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคน"
ผู้หญิงใจดีคนหนึ่ง.. สละเวลาทั้งชีวิตมานั่งเลี้ยงเด็กซนๆ คนเดียว.. เพื่อซื้อประสบการณ์บางอย่างมาบอกกับเด็กคนนั้นว่า "แม่รักลูก"
ฉันเชื่อว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อเป็นนักปราชญ์.. เพราะเรามีหู ๒ ข้างและสมองโตๆ อีกหนึ่งก้อน.. ที่จะรับฟังและวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ที่โถมเข้ามา
ย้อนไปหลายปีก่อน.. ฉันเคยมีอาชีพรับจ้างเป็น "เด็กหัวแข็ง" อยู่พักใหญ่.. คติประจำใจในตอนนั้นก็คือ "เกิดมาทั้งทีชีวิตนี้ ขอเจอกับตาและรู้สึกกับตัว"
แต่ตอมาหลังจากที่หกล้มบ่อยๆ ร้องไห้บ่อยๆ เจ็บตัวบ่อยๆ ประสบการณ์จึงให้บทเรียนกับฉันว่า..
"อันที่จริงแล้ว.. คนฉลาดควรใช้เวลาอย่างประหยัด.. โดยการเรียนรู้ข้อมผิดพลาดจากผู้อื่น"
สรุปแล้วฉันใช้เวลาเกือบครึ่งคน.. เพื่อซื้อบทเรียนที่สุดแสนจะธรรมดาข้อนี้... แทนที่จะใช้เวลาแค่หนึ่งนาที.. อ่านเอาจากหนังสือดีๆ สักเล่ม หรือฟังเอาจากคำพูดของผู้หวังดีสักคน
บางครั้งถ้าเราไม่ได้พบด้วยตัวเองก็อาจจะไม่รู้นะครับ..เพราะความเชื่อในตัวเราเองที่เราคิดว่าเราน่าจะทำบางอย่างที่คนอื่นเค้าทำไม่ได้ก็ได้นะครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ... การเรียนรู้คือการได้ปฏิบัติจริง... เราต้องเรียนรู้ด้วยตนเองจึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้.. แต่แทนที่เราจะเริ่มนับ 1 ใหม่ ทั้งหมด.. เราอาจจะนำประสบการณ์บางส่วนของผู้มีประสบการณ์มาร่วมคิดวิเคราะห์.. เพื่อจะได้ก้าวเดินอย่างมั่นคงและผิดพลาดน้อยที่สุด....... ขอบคุณนะค่ะที่ร่วมแสดงความคิดเห็น..