แนะนำหนังสือ
ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด
Present Moment : Wonderful Moment – Mindfulness for Daily Living
ติช นัท ฮันห์
ผู้เขียน
ส. ศิวรักษ์
ผู้แปล
กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ ศยาม
กุมภาพันธ์ 2542
พิมพ์จำหน่ายครั้งที่ 4
ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด : บทสวดภาวนาสำหรับพุทธศาสนิกร่วมสมัย
ธรรมานุโมทนา
ตามคติทางพระพุทธศาสนาถือว่าจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ อาจก่อให้เกิดผลแก่ชีวิตจนถึงที่สุดได้ทั้งในด้านดีและด้านร้าย ฉะนั้น พระพุทธศาสนาจึงสอนเน้นในเรื่องการฝึกอบรมจิตไว้เป็นอันมาก อุบายวิธีในการฝึกอบรมจิตก็มีเป็นอันมาก เพื่อให้เหมาะสมแก่จริตนิสัยของแต่ละคน แต่ทุกวิธีก็มุ่งผลคือความสงบของจิตใจเหมือนกัน
ความสงบของจิตใจนั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในทางโลกหรือชีวิตในทางธรรม เพราะการกระทำทุกอย่างแม้ที่เล็กน้อยที่สุดจะดำเนินไปได้อย่างถูกต้องเรียบร้อย ต้องอาศัยจิตใจที่เป็นสมาธิหรือมีสมาธิในการกระทำ หรือกล่าวอย่างสั้นที่สุดก็คือการแก้ปัญหาทุกอย่างของชีวิตจะสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ ต้องอาศัยจิตใจที่มีความสงบอย่างน้อยก็ในขณะที่กำลังพิจารณาแก้ไขปัญหานั้นๆ เพราะจิตใจที่สงบนั้นเป็นจิตใจที่มีพลังทั้งเป็นโอกาสให้สติปัญญาแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า แม้สามัญชนก็จำต้องมีสมาธิอย่างสามัญชน จึงสามารถจัดการกับชีวิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิผล
การสวดมนต์หรือการนึกภาวนาถึงพระธรรมคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบทใดบทหนึ่งก็เป็นอุบายวิธีอันหนึ่งที่อาจช่วยทำให้จิตใจสงบเป็นสมาธิได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเป็นอุบายให้จิตใจได้พักจากความวุ่นวายต่างๆ ได้ชั่วระยะเวลาด้วย การสวดมนต์ภาวนาประจำวันจึงเป็นสิ่งมีประโยชน์สำหรับทุกคน เพราะเป็นทั้งที่เพิ่มพลังใจและเป็นที่พักใจ
การที่พระนัท ฮันห์ ได้ดำริเรียบเรียงบทภาวนาประจำวันขึ้นให้ชื่อว่า ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาอันประเสริฐสุด โดยประยุกต์ให้เข้ากับสภาพของชีวิตและสังคมของคนยุคปัจจุบัน ก็นับว่าเป็นความดำริที่ควรแก่การอนุโมทนา จึงหวังว่าหนังสือนี้คงอำนวยประโยชน์แก่ผู้อ่านทั่วไปสมตามมโนปณิธานของท่านผู้เรียบเรียง และผู้มีกุศลเจตนาจัดพิมพ์เผยแพร่เป็นวิทยาทาน คือ น.ส.เสาวนีย์ ธโนฆาภรณ์
ขออนุโมทนาอำนวยพร
สมเด็จพระญานสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร ตุลาคม 2534
ปรารมภ์
หนังสือเล่มนี้ ข้าพเจ้าแปลมาจาก Present Moment: Wonderful Moment – Mindfulness for Daily Living โดยได้รับอนุญาตจากท่านผู้เขียน และสำนักพิมพ์ในสหรัฐ
แรกทีเดียวได้ให้ดีดพิมพ์เย็บเล่มเป็นจำนวนน้อยถวายจ่ายแจกผู้ที่เคารพนับถือ และรักใคร่ชอบพอในวงจำกัด เริ่มที่ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2534 ดูท่านพอใจมาก ดังได้ตอบมาว่า “ผมให้คุณค่าแก่หนังสือที่คุณให้ผมนี้เป็นอย่างสูง เพราะเห็นหนังสือที่ เปิดหน้าต่างเพื่อมองไปสู่พระธรรมกาย อันเป็นจุดที่ผมกำลังอยากรู้อยากเห็นเป็นนักหนา ผมจะพยายามอ่านหนังสือเล่มนี้ทีละวรรคทีละตอน เพื่อจะได้เข้าถึงขั้นภาวนา ยิ้มปล่อยวาง” ท่านอาจารย์พุทธทาสก็ชมเชย และอยากให้คนไทยเรียบเรียงกันขึ้นให้เหมาะสมสำหรับคนไทยเรา และให้เป็นปรมัตถ์ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกด้วย
สำหรับการตีพิมพ์แจกนั้น ได้ลงบัญชีไว้ในหน้า (2) ของหนังสือนี้แล้ว หากผู้ใดต้องการนำไปแจกในงานมงคล อวมงคลต่างๆ ข้าพเจ้าก็จะยินดี
โดยที่ฉบับนี้ต้องการจัดพิมพ์เป็นจำนวนน้อยไม่ให้ด้อยคุณภาพสำหรับนักเลงหนังสือ และสำหรับใช้เป็นคู่มือในการภาวนา จึงได้เย็บเป็นปกแข็งในจำนวนจำกัด หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ในวงแคบตามสมควร
ส.ศิวรักษ์
คำของผู้เขียน
เมื่อตอนเป็นนวกะ ข้าพเจ้าไปอยู่วัดตู้เหีย ในปี พ.ศ. 2485 ข้าพเจ้าได้รับหนังสือชื่อ คาถาสำหรับใช้ประจำวัน อันท่านภาวนาจารย์ทู่ตี่แห่งประเทศจีนได้รจนาไว้ คาถาเหล่านี้เป็นบทกวีสั้นๆ สำหรับสวดเวลาประกอบกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้เราเกิดความรู้ตัวทั่วพร้อม คาถา 50 บทของท่านทู่ตี่ มีไว้เพื่อให้ภิกษุและภิกษุณีใช้ในสมัยก่อน
ครั้นเมื่อข้าพเจ้ามาพำนัก ณ สำนักต้นบ๊วย ในประเทศฝรั่งเศส ชาวสำนักเราใช้คาถาสวดหรือช่วยพิจารณาให้เกิดสติตอนตื่นนอน ตอนเข้าห้องภาวนา ตอนบริโภคอาหาร และตอนล้างจานชาม ว่าไปแล้ว เราใช้คาถาสวดกันเงียบๆ ทั้งวัน เพื่อช่วยให้เรารับรู้อยู่ในขณะนั้น
ในฤดูร้อน พ.ศ. 2525 ฆราวาสทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาปฏิบัติธรรมกันที่สำนักของเรา เพื่อช่วยเขาเหล่านี้ จึงเรียบเรียงและรวบรวมคาถานี้ลงในสมุดคู่มือเล่มเล็กๆ ใช้ถ้อยคำให้เหมาะแก่กาลสมัย
เรามักวุ่นๆ กันจนลืมไปว่ากำลังทำอะไรอยู่ บางคนบอกว่าเขาลืมหายใจ เราลืมมองคนที่เรารักและเห็นคุณค่าของเขาจนสายเกินไปเสียแล้วก็มี แม้ขณะเรามีความว่าง เราก็ไม่รู้จักว่าจะทำความรู้จักกับสิ่งที่เป็นไปภายในและภายนอกตัวเราเองอย่างไร เราก็เลยเปิดโทรทัศน์ หาไม่ก็หมุนโทรศัพท์ ดังกับให้มันช่วยเราหนีไปจากตัวตนของเรา
การภาวนา คือ การรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ในร่างกายของเรา ในความรู้สึกของเรา ในจิตใจของเรา และในโลกด้วย ขณะเมื่อเราสงบอยู่กับขณะปัจจุบัน เราย่อมแลเห็นได้ซึ่งความงามและความอัศจรรย์ ซึ่งประจักษ์อยู่ต่อหน้าเรา ไม่ว่าสิ่งนั้นๆ จะเป็นทารกเกิดใหม่ หรือพระอาทิตย์แรกขึ้น เราอาจมีความสุขได้ ถ้ารู้จักรับรู้กับสิ่งที่ปรากฏเฉพาะหน้าเรา
วิธีหนึ่งซึ่งจะช่วยให้เราเข้าถึงชั่วขณะในปัจจุบัน คือการหมั่นใช้บทสวดหรือคาถาเหล่านี้ ให้เกิดสติหรือความรู้ตัวทั่วพร้อม เวลาบริกรรมคาถา เราจะกลับเข้ามาสู่ตัวเราเอง และรับรู้เกี่ยวกับกิจกรรมแต่ละอย่าง อย่างมีสติ เวลาจบบทสวดหนึ่งๆ ไปนั้น เราจะทำกิจกรรมต่อไปอย่างมีความความรู้ตัวทั่วพร้อมมากขึ้น
เวลาเราขับรถ ป้ายบอกทางช่วยให้เราขับไปได้ถูกต้อง กล่าวได้ว่า ป้ายบอกทางกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันกับถนน และเราต้องมองดูป้ายและขับไปตามทิศทางที่ป้ายบอก ไปตลอดเวลาที่เราขับรถเจอะป้ายใหม่ เราก็ต้องทำเช่นนั้นอีก นี้ฉันใด คาถาหรือบทสวดเหล่านี้ก็ฉันนั้น ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตามคาถานั้นๆ จนตลอดชีวิต เราก็รู้ทิศทางแห่งการดำเนินชีวิตอย่างมีสติตลอดไป ทั้งนี้ย่อมเป็นการช่วยเราเองได้มาก ทั้งยังจะช่วยผู้อื่นได้อีกด้วย เพราะเราเองจะมีความสงบและมีความสุข โดยที่เราจะนำเอาความสุขสงบภายในตนออกเจือจานให้ผู้อื่นได้ด้วย
การภาวนาและบทกวีนิพนธ์หรือคาถา เป็นส่วนสำคัญของประเพณีฝ่ายนิการเซ็น เวลาเราท่องจำคาถาเหล่านี้ได้ ถ้อยคำนั้นๆ กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราเอง ดังเวลาเราดื่มน้ำหรือดื่มน้ำชา เราก็จะมีสติอยู่ด้วยตลอดเวลา ทั้งนี้ไม่จำต้องท่องคาถาเหล่านี้ทีเดียวหมด จำทีละบทสองบทไปเรื่อยๆ ภายในเวลาไม่นานนัก ก็จะจำได้หมด โดยที่เราจะคิดบทกวีนิพนธ์ของเราขึ้นใหม่เพื่อช่วยตัวเราเองก็ได้
การรจนาบทกวีนิพนธ์ขึ้นใหม่ช่วยให้ประเพณีเดิมเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังข้าพเจ้าได้เขียนขึ้นใหม่ ว่าด้วยการใช้โทรศัพท์และการขับรถ ทั้งนี้ถือได้ว่า ข้าพเจ้าสืบต่อพุทธประเพณี หานำมาปรับขึ้นให้ทันสมัยเท่านั้นเอง คาถาหลายบทแปลมาจากภาษาญวน ถ้าผู้อ่านเห็นว่าบทไหน คำไหน ยังไม่เหมาะสม จะแต่งเติมได้ดีขึ้น ก็ขอให้โปรดแนะนำมายังผู้เขียนด้วย เขียนไปที่สำนักพิมพ์ก็ได้ หากมีการพิมพ์คราวใหม่ หนังสือเล่มนี้อาจน่าอ่านมากขึ้นและเหมาะสมมากขึ้นก็ได้ หรือถ้าท่านเขียนโคลงกลอนอะไรใหม่ๆ ที่จะมาใช้สวดเป็นคาถาได้ดังในเล่มนี้ ก็ขอให้ส่งมาให้ทางเราพิจารณา เพื่อจะรวมเข้าในเล่ม ที่จะตีพิมพ์คราวหน้า
หวังว่าผู้อ่านจะถือเอาว่าคาถาที่รวมพิมพ์ไว้ในเล่มนี้จะช่วยเหลือเกื้อกูล และให้ความรื่นรมย์แก่ท่านตามสมควร
นัท ฮันห์
บทสวดสำหรับการเริ่มวันใหม่
ตอนตื่น – ก้าวแรกสำหรับวันใหม่ – เปิดหน้าต่าง – ส่องกระจก – ไปส้วม – ใช้น้ำ – ล้างมือ – สีฟัน – อาบน้ำ – มองดูมือ – ล้างเท้า - แต่งตัว
บทสวดสำหรับการช่วยการภาวนา
เชิญชวนเสียงระฆัง – ได้ยินเสียงระฆัง – เข้าสู่ห้องพระ – ยามนั่งลง – จุดเทียน – ถวายธูป – สรรเสริญคุณพระพุทธ – หาท่านั่งอย่างเหมาะสม – ปรับท่านั่งภาวนา – เปิดพระสูตร – ปิดพระสูตร – ตามลมหายใจ – ภาวนากับอ้อมกอด – เคารพยามทักทาย – ทำความสะอาดห้องพระ – กวาด - ล้างห้องน้ำ
บทสวดสำหรับการบริโภคอย่างมีสติ
มองจานเปล่า – ตักอาหาร – พิจารณาอาหาร – เริ่มรับประทาน – กินอิ่มแล้ว – ล้างจาน – ดื่มน้ำชา
บทสวดสำหรับกิจกรรมประจำวัน
เดินจงกรม – ทำสวน – ปลูกต้นไม้หรือพืชอย่างอื่น – รดน้ำในสวน – ตัดดอกไม้ – จัดดอกไม้ – ล้างผัก – โยนขยะทิ้ง – ยิ้มให้กับความโกรธ – ใช้โทรศัพท์ – เปิดโทรทัศน์ – ขับรถ – เปิดไฟ
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับหนังสือ
ปีที่พิมพ์ : กุมภาพันธ์ 2542 – พิมพ์จำหน่ายครั้งที่ 4
ชื่อหนังสือ : ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด
ประเภท : ธรรมะกับชีวิตประจำวัน
ชื่อผู้เขียน : ติช นัท ฮันห์
ชื่อผู้แปล : ส.ศิวรักษ์
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ
นัต ฮันห์,ติช
ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด
.- - พิมพ์ครั้งที่ 4.--กรุงเทพฯ : ศยาม, 2542
112 หน้า 1.ธรรมะกับชีวิตประจำวัน.
I.ส.ศิวรักษ์,ผู้แปล II.ชื่อเรื่อง.
294.3144
ISBN 974-7033-98-4
ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร.............................................
(ไม่เข้าใจไม่เป็นไรนะครับ)
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ.......................
ไม่เข้าใจครับ แต่ขอบคุณมากครับ สำหรับการเยี่ยมชม
คำกล่าวเหมือนปริศนา ในนิทานเซน มากครับ
ขอบคุณมากครับ
เป็นส่วนบุญและกุศลที่ทำให้มีวาสนาได้เจอและรู้จัก หัวใจพองโตดังกับว่าความสุขในใจนั้นพรั่งพรูไม่ขาดสายใย ขออนุโมทนา จะสานใยแบ่งปันต่อไปคะ
ประภาวัลย์ |
ชอบชื่อหนังสือเล่มนี้ครับ ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบัน
"ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด"
Present Moment : Wonderful Moment – Mindfulness for Daily Living
พี่Kati |
ได้อ่านบันทึกทำให้พอทราบโครงสร้าง และความน่าสนใจของหนังสือ
ปกติผมก็เข้าร้านหนังสือ และเดินดูเรื่อยเปื่อย พบหลายครั้งว่า หนังสือที่ผลิตออกมามากมาย บางทีก็ไม่ได้มากสาระตามที่เราคาดหวัง จริงอยู่แต่ละวรรณกรรมมีคุณค่าในตัวเอง
แต่ผมคนเบี้ยน้อยก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดเมื่อผมตัดสินใจ
คารวะงามๆอีกรอบครับ
แอบเข้ามาหาความรู้เพิ่มค่ะ