เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่าสมาชิกของ สคส.พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ดร.ปรอง , ดร.เลขา และคุณทรงพล ไปรวมตัวกันด้วย 2 วัตถุประสงค์คือเพื่อเรียนรู้เครื่องมือที่เรียกว่า Outcome mapping และประยุกต์ใช้เครื่องมือตัวนี้ในการวางแผนทิศทางการทำงานของ สคส.อีกด้วย
Outcome mapping เป็นเครื่องมือที่ทาง สสส.แนะนำให้ผู้รับทุนของ สสส.ได้ใช้ จุดเด่นของเครื่องมือนี้คือการวัดผลสำเร็จ ของการทำงานและโครงการต่างๆ โดยพิจารณาที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของภาคีหุ้นส่วนหลักที่ทางคณะทำงาน หรือ โครงการเข้าไปมีส่วนรวมหรือทำงานด้วย โดยหวังว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของภาคีหลักจะไปส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าโครงการจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
ประเด็นหลักและของเครื่องมือตัวนี้อยู่ที่ต้องหา ภาคีหุ้นส่วนหลัก ให้ได้เสียก่อน โดยภาคีหลักนี้ต้องมีคุณสมบัติที่ทางคณะทำงาน หรือ โครงการสามารถเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง ส่งเสริม หรือสนับสนุนต่างๆได้ มีภาระรับผิดชอบผูกผันกันอย่างแนบแน่น ทางทีมงานของ สคส.เองในตอนแรกคิดว่า เรามีภาคีหลักชนิดนี้มากมายตลอด 5 ปีในการทำงานที่ผ่านมา
แต่พอมาถึงขั้นตอนการทำ Workshop ที่ต้องกำหนดภาคีหุ้นส่วนหลักนี้ ตอนแรกเรากำหนดรายชื่อออกมาได้เยอะมาก แต่พอเอาเข้าจริง ปรากฏว่ามีภาคีที่เราสามารถเรียกได้ว่าเป็น ภาคีหุ้นส่วนหลักจริงๆ เรียกว่าน้อยมาก ต้องขอบอกว่าน้อยมาก ชนิดเรียกได้ว่า หนึ่งเดียว จึงมีการตกลงกันสมมติ ภาคีหลักขึ้นมาเป็นแบบเอาภายในกันเอง เพื่อลองทำให้ครบตามขั้นตอนของ Outcome mapping ก่อน แล้วค่อยมาพิจารณาตกลงกันอีกครั้งถึงการกำหนด ภาคีหุ้นส่วนหลักของ สคส.
เราจึงได้บทเรียนที่สำคัญหลายข้อจากการทำ Workshop ครั้งนี้
-ทาง สคส.ยังต้องการผู้ร่วมพัฒนา KM ของประเทศไทย ที่จะมาร่วมมือกันอย่างจริงจัง แต่คงต้องมีการคุยรายละเอียดค่อนข้างมากกับทางองค์กรที่จะมาร่วม เพราะทาง สคส.เองผมคิดว่ามีลักษณะและวิธีคิดที่เป็นแบบเฉพาะอย่างยิ่ง (ข้อนี้ผมคิดเอง และยังไม่ได้คุยกับใครใน สคส.เลย อาจจะผิดก็ได้นะครับ)
-การทำงานหากเราไม่ลงมือทำ ก็ไม่รู้ ข้อนี้ได้มาจากทาง สคส.เองมีสมาชิกส่วนหนึ่งได้ไปสัมมนาและอบรมเรื่อง Outcome mapping มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็นการอบรมในลักษณะที่ไม่ได้ลงมือทำ จึงยังไม่เห็นภาพและสิ่งที่ต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อนที่จะชวนสมาชิกท่านอื่นมาร่วมทำ Workshop ในครั้งนี้
แต่ก็เป็นผลดี เนื่องจากการทำงานแบบ สคส.นั้นทุกคนมีอิสระที่จะแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ และก็ออกมาเป็นเช่นนั้นจริงๆ เต็มที่แบบพูดคุย สนับสนุนข้ามกลุ่มอย่างอิสระมาก และที่สำคัญคือ ถึงแม้ความเห็นจะไม่ตรงกัน แต่ไม่มีการเถียง หรือ ทะเลาะกันเลยตลอดWorkshop 2 วัน บรรยายดีมาก ยกเว้นบางช่วงที่ทุกคนรู้สึก งง งง แบบไม่รู้จะไปทางไหนดีบ้างเท่านั้น
-การงง งง ของเราก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน เพราะต่อไปหากมีการจัดลักษณะนี้อีก อาจต้องทำโครง หรือ ระบุภาคีหุ้นส่วนหลัก ให้ได้ก่อนซึ่งจะทำให้งานในขั้นตอนต่อไปค่อนข้างง่ายขึ้นมาก
ผมเสียดายที่ไม่ได้อยู่รวมการประชุมประจำสัปดาห์ของทาง สคส.ในสัปดาห์นี้ เพราะจะมีการพูดคุยกันต่อถึงทิศทางการทำงานและการเตรียมการทำแผนของ สคส.ในระยะต่อไป เนื่องจากติดภารกิจ ต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน กลับมาคงมีความคืบหน้าถึงการประยุกต์ใช้ Outcome mapping ในแบบ สคส.เองที่ท่าน อ.วิจารณ์เรียกว่า MOM - Modified Outcome mapping ผมว่าต้นตำรับมาดูต้องชื่นชอบกับวิธีคิดและการปรับใช้ของทาง สคส.แน่ๆ
ไม่มีความเห็น