OM (Outcome Mapping) เกิดขึ้นเป็นเครื่องมือสำหรับวัดและประเมินผลโครงการพัฒนา ผมมมองว่าใช้กับงานประจำได้ด้วย หากทีมงานไม่มองผลแค่เนื้องาน แต่มองที่การเรียนรู้และพัฒนาควบคู่ไปด้วย
บันทึกนี้จึงเป็นแนวคิดเรื่องการปรับใช้ OM กับงานประจำ
จะใช้ OM ได้ต้องมีแนวคิดเรื่อง "ภาคี" (partners) มีความเชื่อว่าการบรรลุผลงานระดับที่น่าภาคภูมิใจหรือระดับนวัตกรรมนั้น ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยฝีมือหรือการกระทำของหน่วยงานของตนเท่านั้น ต้องอาศัยความร่วมมือหรือการเกื้อกูลซึ่งกันและกันกับหน่วยงานอื่นภายในองค์กร และความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นภายนอกองค์กรด้วย
OM ใช้แนวคิดเรื่อง partner 2 แบบ คือ BP (Boundary Partner) กับ SP (Strategic Partner) เราก็เอาแนวคิดนี้มาปรับใช้ ย้ำคำว่า "ปรับใช้" เพราะเราไม่ได้ใช้ OM แท้ แต่กำลังหาทางใช้ MOM (Modified OM) จึงอาจต้องคิด partner ขึ้นอีกแบบ ผมลองตั้งชื่อว่า CP (Collaborative Partner) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เมื่อร่วมมือกับเราแล้วเขาก็ได้ประโยชน์ โดยที่พฤติกรรมบางอย่างของเขามีผลต่อความสำเร็จของงานของเรา และพฤติกรรมบางอย่างของเราก็มีผลต่อความสำเร็จของเขา CP เกื้อกูลพึ่งพาอาศัยกันและกันด้วยพฤติกรรมที่เอื้อต่อความสำเร็จ
ในการทำ MOM เราก็มาร่วมกันคิดหาพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของกันและกัน คิด OC (Outcome Challenge) ของกันและกัน คิด PM (Progress Marker) ของกันและกัน และคิด SM (Strategy Map) ของกันและกัน ว่าแต่ละฝ่ายจะทำอะไรบ้างเพื่อส่งเสริมให้ partner ทำพฤติกรรมที่ตนประสงค์ เพื่อผลสำเร็จของงานของตน
เป็นการจัดการความรู้ระหว่าง Collaborative Partner 2 ฝ่ายหรือหลายฝ่าย
มองอีกที เป็นการจัดการความรู้ระหว่าง Collaborative Network
โดยใช้หลักการและวิธีการ OM
วิจารณ์ พานิช
5 พ.ค.50
บ้านแก้วรีสอร์ท นครนายก
ไม่มีความเห็น