เงินน่ะหาได้ ง่ายนิดเดียว
เคยคิดว่าเงินน่ะหายาก ได้แต่นอนอิจฉาอีตาบิลเกต ทำไมถึงมีเงินมากๆ จนผู้เก็บสตางค์ (ภาษี)ของอเมริกา ต้องสร้างเครื่องคิดเลขที่คิดได้หลายๆ หลัก ไว้ใช้โดยเฉพาะ
ก็จะไม่ให้แกรวยได้อย่างไร โปรแกรมระบบฏิบัติการที่แกทำอยู่พอขายไปซัก4-5ปี ตลาดอิ่มตัว แกก็ทำของใหม่(ภายใต้)ของเก่าขาย ที่ขนาดหลายๆคนในโลกนี้ ก็อปปี๋ (สำเนา)ไปแบ่งกันใช้ แกยังรวยถึงปานนี้ ถ้าซื้อทั้งหมดโดยไม่มีการก็อปฯ แกคงรวยสะดือยานพันได้รอบโลกเป็นแน่แท้ แต่แล้ววันหนึ่ง อันเป็นวันฟ้าใส ใจสว่าง ความคิดที่จะหาเงินแข่งกับอีตาบิลเลตก็บังเกิดขึ้นในสมองทั้งสองข้างอย่างเจิดจ้าวันนั้น ระหว่างที่เดินทางจากที่ทำงาน เพื่อกลับบ้าน เห็นมีสตางค์ (สตางค์จริงๆ) หล่นเกลื่อนกลาดไปหมด ตามสองข้างถนน ก็เลยถือโอกาสเก็บไปบ่นไป ถึงแม้จะเป็นสตางค์ แต่เมื่อรวมกันได้ร้อยสตางค์ก็หนึ่งบาทนะคุณ ร้อยสตางค์หรือว่าหนึ่งบาท ก็คือ เงิน เงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้
หนึ่งเดือนผ่านไป สตางค์ที่เก็บได้มีจำนวนมากพอสมควรที่หล่อหลอมเป็นเงินบาทได้ มีผู้ถือถุงเดินมา ผมไม่รอช้า รีบเรียกให้มาหลอมสตางค์ที่ผมเก็บไว้ คุณเชื่อหรือไม่ สตางค์ที่ผมเก็บไว้ หลอมเป็นเงินบาทได้ตั้ง 100 บาท (หนึ่งร้อยบาท) แยกเป็นราคาของแต่ละรายการได้ดังนี้
- กระป๋องเครื่องดื่ม 1 กระป๋อง มีราคา 50 สต.
- กล่องกระดาษ 1 กิโลกรัม มีราคม 300 สต.
- ขวดพลาสติกน้ำดื่ม 1 กิโลกรัม มีราคม 1,000 สต.
- เศษเหล็ก 1 กิโลกรัม มีราคา 7,000 สต.
- ขวดทั่วไป 1 กิโลกรัม มีราคม 100 สต.
ฯลฯ....................................
ราคาเหล่านี้ คุณสามารถสอบถามได้เป็นความรู้ประกอบการซื้อขายจากผู้รับซื้อได้
ผมสามารถหา สตางค์ได้ตั้ง 100 บาท ประโยชน์ที่ได้จากการดำเนินกิจกรรมแบบนี้ มีมากพอ สมควร เช่น
- ผมมีเงินเพิ่มมากขึ้น
- สถานที่ทำงานตลอดจนภูมิทัศน์โดยรอบดูสะอาด ไม่เป็นภาระให้กับผู้ดูแล
- บ้านเมืองดูสะอาด เจริญหู เจริญตา
- ห้างร้านได้งานเพิ่มขึ้น
- เป็นการหมุนเวียน นำทรัพยากรมาใช้ใหม่
ที่สำคัญ และผมเป็นปลื้มมากๆ กับแนวคิดนี้ก็คือ มีเพื่อนร่วมงานที่สำนักงานทำแบบผมมากขึ้น
“คุณก็ทำได้” และจะเห็นว่า..............