ได้หนังสือเรื่องการเพาะปลูกสบู่ดำมา ของ
ม.เกษตรฯกำแพงแสน
เรื่องเกษตรกรรมธรรมชาติ จากการซื้อที่ร้านหนังสือ
จึงติดต่อทางมหาลัยผ่านท่า อ.ไชยยงค์
หาราชเพื่อศึกษาเรื่องนี้ ทั้งการเพาะปลูก
ใช้ประโยชน์และเครื่องสกัดน้ำมันที่เป็นผลดีที่จะส่งประโยชน์ให้ชุมชนสามารถพึ่งเชื้อเพลิงที่ผลิตใช้เองได้ทดแทนพลังงานน้ำมันจากต่างประเทศ
แนวทางนี้เป็นประโยชน์มาก ซึ่ง อ.ไชยยงค์
หาราช
อาจารย์สอนที่คณะศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตรแห่งชาติ
ท่านก็สนับสนุนให้ทำในรูปชุมชนและจะให้ที่ดูงานพร้อมกล้าพันธุ์ราคากันเองพร้อมทั้งให้ดูงานเครื่องจักรด้วย
ศึกษาเพื่อนำไปเล่าสู่สมาชิกและเตรียมความพร้อมความสนใจจะนำมาลงแปลงสาธิต
โดยประโยชน์ที่จะเอื้อต่อคนในชุมชนมีครบด้าน
ทั้งใช้ทำสบู่ฟอกตัวก็ได้ ใช้ผลิตตะเกียงน้ำมันก็ได้
หรือจะใช้กากทำปุ๋ยหมักก็ดีมากเพราะมีคุณค่าสารอาหารสูง
เนื่องจากสบู่ดำสามารถสกัดน้ำมัน ไบโอดีเซล
ทดแทนการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลและเบนซินจากต่างประเทศ
และเหมาะกับการใช้งานในเครื่องยนต์ เช่น รถไถ่ รถเกี่ยวข้าว
เครื่องสูบน้ำ รถยนต์ อื่นๆ และปริมาณการผลิตต่อวันถ้าลงไว้ประมาณ 1
ไร่ ลงได้ 800 ต้น จะผลิตน้ำมันได้ถึงวันละ 800 กิโลกรัม ก็คือต้นละ 1
กิโลกรัมเฉลี่ยต่อวัน 200 – 250 ซีซี
ถ้ามีไม่กี่ไร่ก็ปลูกไว้ผลิตน้ำมันใช้เองสบาย
แต่นี้สิ่งที่มุ่งหวังคือ
ผลิตเพื่อปลูกในระดับชุมชนเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม
จากการแนะนำของอาจารย์ไชยยงค์
นจท.จึงคิดว่านำมาเชื่อมโยงเข้ากับการเรียนรู้เรื่องการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้สบู่ดำเป็นพืชทดลองด้วย
ยังผลกลับสู่ชุมชนแบบครบวงจร
ซึ่งก็เหมือนนำไปบอกเล่ากับสมาชิกทุกคนให้ความสนใจกันมากและเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยรู้
ตอนบอกยังงงว่ามีพืชที่ผลิตน้ำมันได้จริงหรือ
แต่สมาชิกแต่ละคนบอกว่าคงปลูกในแปลงนาไม่ได้เพราะทำนาอยู่
จึงแนะนำว่าพอเรารวมทุนกลุ่มออมทรัพย์เราก็ตั้งศูนย์เพาะปลูกที่
หนองทางหลวงเลยเพราะเป็นที่ๆเหมาะมากทั้งเรื่องน้ำ ดิน
ปุ๋ยที่กลุ่มผลิต
ทุกคนเห็นด้วยและหากมีกล้าพันธุ์แล้วจะขยายไปถมที่ดินเพาะปลูกเพิ่มในไร่นา
เพราะเครื่องผลิตน้ำมันเป็นแบบเครื่องก็เป็นเครื่องไฮโดรริก
และแบบเครื่องสกูลเพรส หลายแบบราคาไม่สูงเลยแค่ 20,000
– 70,000 บาท อีกทั้งคนไทยเป็นผู้ประดิษฐ์เองทั้งสิ้น
ซึ่งถ้าพอถึงช่วงที่ผลิตเมล็ดออกมาแล้วเราก็สามารถนำผลผลิตมาผลิตใช้เองโดยการระดมทุน
และดึงกองทุนหมู่บ้านเข้าร่วม
ต่อไปกองทุนหมู่บ้านก็จะมีทุนหมุนเวียนมากกว่าที่คิด
ที่สำคัญหากเราสร้างรูปธรรมกลุ่มปุ๋ยต่อไปนี้
หน่วยงานราชการก็จะลงมาสนับสนุนทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องทุนสนับสนุน
โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีที่แผนอำเภอ เทศบาล
จังหวัดต้องพัฒนาเรื่องแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์อยู่ด้วยแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่เหมายที่จะนำสบู่ดำมาลงควบคู่กับ
กลุ่มปุ๋ยที่ผลิต
การสร้างเครือข่ายเพื่อดึงทุนกลับมาให้ชุมชน
ทั้งเครือข่ายการเรียนรู้เครือข่ายความรู้ที่ต่างๆ
เป็นโอกาสดีที่สมาชิกกลุ่มหัวเชื้อทุกคนจะได้เรียนรู้ก่อนใคร
เป็นกลุ่มเกษตรกรก้าวหน้าต่อไป
โอกาสกำลังมาถึงต้องรีบสร้างรูปธรรมให้เกิดเพื่อตอบการเป็นสถาบันการจัดการเรียนรู้ของชุมชน
ในการไปศึกษาดูงานที่มหาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน
และนำมาลงในแปลงสาธิตเกษตรอินทรีย์ด้วย
โดย พิมพ์พร
ช้างทองคำ
นักจัดการความรู้ท้องถิ่นตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
(21พ.ย.48)
เปิดตัวเว็บไซด์สบู่ดำครบวงจรครับ ที่ http://www.dynamicseeds.com ขอบคุณครับ