เส้นทางที่ 3 : เบซากี-กลุงกุง-กัวลาวาห์-กัวกาจาห์-เลกองแดนซ์ (ต่อ)


Besaki – Klungkung - Goa Lawah - Goa Gajah-Legong Dance

            ถัดจากเบซากี เราก็ขับรถย้อนกลับมาทางเดิม แวะที่ กลุงกุง (Klungkung) ก่อน เพราะเป็นทางผ่านไป Goa Lawah  ที่หมายของเรา  Goa แปลว่าถ้ำ ส่วน Lawah แปลว่าค้างคาว นั่นถือเราจะไปถ้ำค้างคาวค่ะ ที่กลุงกุงเราแวะถ่ายรูปปั้นตรงทางแยกหน้า Kota Semarapura คล้ายๆ กับเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งมีอนุสาวรีย์ปูปูตัน ลักษณะเหมือนคนโฑทรงสูงอยู่ด้านหน้า ฝั่งตรงข้ามคือพระราชวังโบราณ Kerta Gosa  แต่ไม่ได้แวะนะคะ รีบไปกัวลาวาห์ก่อน เพราะคืนนี้ต้องรีบกลับไปดูการแสดงอะไรสักอย่างที่อูบูดซึ่งยังไม่ได้ซื้อตั๋วไว้

            กัวลาวาห์เป็นวัดที่สักการะพระศิวะ ด้านหลังที่วางเครื่องสักการะเป็นถ้ำค้างคาวที่ตัวใหญ่มาก ออกมาเพ่นพ่านเกาะอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ ในฐานะคนที่เคยอาศัยอยู่ใกล้ๆ ถ้ำค้างคาวร้อยล้าน เขาช่องพราน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มาแล้ว ข้อแตกต่างคือค้างคาวเมืองไทยจะไม่โผล่หน้าออกมาให้คนเห็นมากขนาดนี้ คงเพราะกลัวจะถูกคนแถวนั้นจับมาทำนกเขาถ้ำทอดกรอบกันหมด 

 
   

     

        วันนี้เป็นวันที่คนมาทำบุญกันมาก มีพิธีรีตองดูแปลกตาจากทุกที่ที่เคยผ่านมา แถมยังมีน้ำใจให้เข้าไปนั่งดูได้อีกต่างหาก แต่นั่งได้สักครู่ก็ต้องขอตัวออกมา ถ่ายรูปกับเจ้าต้นไม้คู่หน้าวัด เห็นไม่ได้ค่ะ ต้องขอเข้าไปถ่ายรูปด้วยทุกที (ที่ขอให้คนถ่ายให้ได้) เพราะที่บาหลีนี่เค้าอนุรักษ์ต้นไม้เลี้ยงไว้ให้ใหญ่มากจริงๆ

 

            ฝั่งตรงข้ามวัดเป็นชายทะเลที่มีหาดทรายสีดำ ไม่ได้สวยมากนะคะแต่มองไปก็เห็นวิวภูเขาไฟที่งามไม่น้อย เป็นครั้งแรกค่ะที่เจอหาดทรายสีดำ เลยตื่นเต้นไปนั่งเล่นอยู่กลางแดดทำผิวสีอีกรอบ 

 
   

  

            ภาพเข้าใจว่าเป็นอ่างเก็บน้ำนะคะ เรียกไม่ถูกเหมือนกัน เจอตรงทางผ่านระหว่างกัวลาวาห์กลับไปกลุงกุง        

 
  

            ขากลับมีเวลาเหลือเลยแวะถ้ำช้างหรือกัวกาจาห์ (Gajah = ช้าง) เสียหน่อย กัวกาจาห์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้อูบูดมากที่สุด ประมาณ 6 กม.เท่านั้น เป็นแหล่งรวมของที่ระลึกและมีหมู่บ้านหัตถกรรมอยู่มาก แต่ดูๆ แล้วไม่ต่างจากไนซ์บาซ่าร์ เชียงใหม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ด้านในมีอนุสาวรีย์หิน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำเล็กๆ ที่เราต้องเดินเข้าปากช้างไปด้านในค่ะ


 

            เดินลึกเข้าไปอีกนิดผ่านทุ่งนาไป มีหมู่บ้านหัตถกรรมและสถานที่ร่มรื่นอีกที่ที่ขอแนะนำค่ะ ด้านหน้าเหมือนไม่มีอะไร แต่พอเข้าไปจะพบกับบรรยากาศร่มรื่น สวยงาม ตลอดทางเดินหินที่สร้างขึ้นมาอย่างประนีต พออยู่ในนี้จะไม่อยากเดินออกมาด้านนอกเลยค่ะ ประทับใจกับทุกๆ อย่างที่เห็น คล้ายกับสวรรค์ในป่า ไม่ได้เว่อร์นะคะ ลองนึกภาพขณะเดินผ่านร้านรวงที่ขายของที่ระลึกเต็มไปหมด ผ่านคันนา ผ่านทางเดินแคบๆ เข้าไปในป่า เจอหินผาขนาดใหญ่ที่มีตะไคร่จับอยู่เต็ม จู่ๆ ก็เจอบันไดที่ทอดยาวลงไปถึงศาลาพักผ่อนหลังสระน้ำเล็กๆ มีน้ำตกที่ดูเย็นสบายตาให้ชมขณะนั่งเล่นบนสะพานหิน เราพบรูปปั้นขนาดใหญ่มากที่หักโค่นลงมาด้วย กลายเป็นอนุสรณ์สถาน เห็นแล้วน่าเสียดายค่ะ 

 

          

            อยากจะอยู่ต่ออย่างที่บอก แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็นแล้ว ต้องรีบกลับไปอาบน้ำอาบท่า ชำระล้างเหงื่อที่ไหลซึมมาตลอดวัน ขนาดขับรถยนต์นะคะเนี่ย แล้วก็ไปซื้อตั๋วเพื่อดูการแสดงคืนนี้ค่ะ  

            Legong Dance และการแสดงทุกชุดที่อูบูดพาเลซ ถูกปรับราคาขึ้นจนน่าตกใจ จาก 50,000 เป็น 80,000  IDR โดยใช้ปากกาขีดฆ่าที่โบรชัวร์ทุกใบ ดูเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคที่ไม่มีทางเลือกมากค่ะ แต่ก็ต้องจำใจเพราะอยากดูนี่คะ เป็นสิ่งเดียวในบาหลีที่เราไม่มีอำนาจต่อรอง

 

 

            คนดูเยอะมาก จึงรีบไปแต่หัววัน ได้นั่งที่ว่างตัวเดียวด้านหน้าสุดข้างชาวญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นนี่ดูออกง่ายมากนะคะ เค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน คืนก่อนที่ไปดูเคจัก ก็นั่งติดสาวญี่ปุ่นที่ทำงานในกรุงเทพฯ เหมือนกัน Konbanwa ทักทายตามประสาชาวเอเชียด้วยกันเล็กน้อย รายงานตัวว่ามาจากไทยแลนด์ ก็ได้ยินคนที่นั่งติดกันถามมาว่า “Where are u from?” ด้วยสำเนียงคุ้นๆ หันไปยิ้มให้กันก็เลยรู้ว่าเป็นคนไทยแน่แท้  พี่ดี เป็นคนไทยที่ไปทำงานอยู่กัวลาลัมเปอร์ ช่วงวันหยุดเลยพาครอบครัวมาเที่ยว เพิ่งมาถึงเลยต้องทิ้งลูกๆ ไว้ให้ภรรยาดูแลแล้วหนีมาดูการแสดงคนเดียว เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เจอค่ะ คุยกันอยู่แป๊บนึงแนะนำข้อมูลจากประสบการณ์ที่เรามาก่อนให้ หลังจบการแสดงก็แยกย้ายกันไป...ที่ภูมิใจคือ พี่เค้ารู้จักสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ แถมยัง search หาข้อมูลจากกัวลาลัมเปอร์เข้ามาด้วย อย่างนี้ต้องรีบกลับไปเสนอให้ปรับปรุงข้อมูลใน website ให้ทันสมัยขึ้นซะแล้ว

คำสำคัญ (Tags): #bali#indonesia#ubud
หมายเลขบันทึก: 93070เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2007 15:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 01:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวยมากค่ะ

เคยคิดอยากไปเหมือนกัน

แต่ก็กลัว เพราะเคยเกิดเหตุร้าย

P

หลายปีผ่านมาแล้วค่ะ ตอนนี้คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแล้ว

ย่านที่เกิดเหตุคือ คูตาและหาดจิมบาราน ซึ่งเป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ที่สวยงามที่สุดอยู่ทางตอนเหนือค่ะ ตั้งแต่อูบูดขึ้นไป ซึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงค่ะ

ไปเถอะค่ะ แล้วจะประทับใจไม่รู้ลืม

 สวย วิวดีอีกแล้วค่ะ ชอบสถานที่ร่มรื่นเหมือนกันค่ะ เขียวมาก ๆ รู้สึกที่บาหลีนี่อากาศชื้นนะคะ ตะไคร่เขียวครึ้มดีจัง ไม่ทราบว่า เดินไปที่สระน้ำเล็ก ๆ นี่ไกลมากมั้ยคะ จะได้ประมาณเวลาถูก เพื่อนไม่ค่อยชอบเดินนัก แต่เราชอบค่ะ จะได้บอกระยะทางเพื่อนถูก

จะตามอ่านไปเรื่อย ๆ นะคะ ว่าจะดูโปรแกรมคุณ porjai แล้วพยายามปรับให้เข้ากับเวลาของเรา ซึ่งคงไปได้น้อยกว่าเยอะแน่เลยค่ะ ไว้ถ้าวางแผนเที่ยวเสร็จอาจให้คุณ porjai ช่วยดูให้หน่อยนะคะเรื่องความเป็นไปได้และเวลา และควรปรับเปลี่ยนยังไง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนเลยค่ะ ขอเกาะคุณ porjai เที่ยวบาหลีทางสายตาไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ

สวัสดีค่ะคุณ kook-tip

ตามมาติดๆ เลยนะคะ สระน้ำที่ว่าหมายถึงที่กัวกาจาห์หรือเปล่าคะ เดินไป-กลับไม่น่าจะเกิน 30 นาทีค่ะ เผื่อเวลาชมวิวด้วย ไม่ไกลมาก แค่พอเหงื่อซึมๆ ค่ะ

เวลาในแต่ละวันที่ไปไม่เยอะหรอกนะคะ เพราะไปแบบพักผ่อน ออกสายๆ ขับรถเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบอะไร น่าจะทำเวลาได้ไม่แพ้กันค่ะ

ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะที่ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นบ้าง ก่อนไปถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม โทร.มาคุยกันก็ได้นะคะ ที่เบอร์ 08-1612-1665

แหม.. ใช้คำว่าทิ้งภรรยาก็เกินไป

 

จริงๆแล้วภรรยาอนุญาตให้ออกมาต่างหากล่ะ

 

คืนนั้นเมื่อกลับไปถึงที่พักแล้วเล่าให้แฟนฟัง

แฟนยังแอบชมเลยว่า เก่งจัง เป็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียว.. 

แหะๆ ...ขออภัยคร้าบ ก็เห็นหนีมาดูคนเดียวนี่นา

เจอกัน 2 web เลยนะคะ โชคดีจังที่มีคนเข้ามาช่วยแบ่งปันประสบการณ์

อ้อ! รอดูรูปอยู่นะคะ

 

พูดถึงการแสดงนะ อยากบอกสาว ๆ ที่ไปเทียวคนเดียวให้ระวังนิดนึงด้วยนะ เพราะจาก

ประสบการณ์ที่ไปมา พัก 3 คืนที่อูบูด เจอพวกผู้ชายเลว ๆ ทั้ง 3คืนเลย เริ่มจาก

วันแรก) มีผู้ชายซึ่งเป็นพนักงานในโรงแรมนั่นแหละ (Ubud Inn & Spa) ทำทีมา

ชวนเรานวด อ้างสรรพคุณนวดเก่งอย่างนู้น อย่างนี้ พอบอกปัดว่าไม่เอา เราเพลียเหนื่อย

และไม่ค่อยสบาย ก้อยังตื้ออีก บอกว่าเค้านวดให้หายได้นะจากไม่สบาย เริ่มร่ายไป

ถึงว่านวดไล่พวกมนต์ดำในตัวให้เราได้ด้วย รวมทั้งมีการนวดแบบส่งถ่ายพลังงานจาก

ตัวเค้ามาตัวเรา (คราวนี้ชัดเจนเลยความหมาย) ตอนหลังเรานั่งกินข้าวไปไม่สนใจ

มัน (ขออนุญาติใช้สรรพนามนี้ละกันนะคะ) มันก้อลุกไปเอง

วันที่สอง) คราวนี้หนักกว่าเมื่อคืน ไอ้คนขับแท๊กซี่ เสนอชวนเราแต่งงานกับมันเลย

แล้วมันพูดจริงจังมากเลยนะ ขนาดเราโกหกว่าแต่งงานแล้ว มีการบอกให้เราหย่ากับ

สามีที่เมืองไทยแล้วไปแต่งกับมันที่บาหลี มันเพ้อเจ้อมากเลยนะ อายุอานามก้อไม่

น้อยนะ (ท่าทางเกิน 40 แล้วแหละ) ไอ้เราก้ออุตส่าห์รักษามารยาทเปลี่ยนเรื่องคุย

มันก้อวกเข้ามาเรื่องนี้อีกทุกครั้งเลย ที่ทุเรศที่สุดคือ อวดสรรพคุณว่าอาหารบาหลีเป็น

อาหารรสจัด เพราะฉะนั้นหนุ่มบาหลีจะเก่งเรื่องอย่างว่า แถมวิจารณ์อีกว่าคนญี่ปุ่นน่ะ

ไม่เก่งเรื่องนี้เพราะอาหารรสชืด ๆ (ดูมันพูดเลว ๆ ดิ)เรางี้เดือดปุด ๆ ในใจ แต่ไม่แสดง

ออกมาก เพราะต้องอยู่ในรถกับมันทั้งวัน เดี๋ยวเสียอารมณ์ สุดท้ายก้อต้องไปวีนมันเพราะมันไม่ยอมจอดรถให้เรากินร้านเล็ก ๆ ข้างทาง พี่แกจะแวะร้านภัตตาคารของนัก

ท่องเที่ยว (เอาคอมมิชชั่นท่าเดียวเลย) อ้างว่าร้านเล็ก ๆ สกปรก เดี๋ยวท้องเสีย

เราบอกไปว่าเราไม่ค่อยหิว ตอนเช้ากินมาเยอะมากแล้ว มันก้อดันทุรังพาเราจอดเสีย

3-4 ภัตตาคาร พยายามยัดเยียดให้เราเดินไปนั่งที่โต๊ะน่าดูเลย (ลืมบอก เหตุเกิดที่

คินตามณีนะ) ค่าบุฟเฟ่ต์ตอนนี้ก้อ 100000-150000rp แหละ (เพิ่มขึ้นเยอะเลย)

แถมฝนตกหนัก คนเลยแน่นร้าน อีนี่ก้อจะให้เรานั่งจนได้ สุดท้ายเราโกรธจัด ตวาดมัน

ไปว่า ไม่กินแล้ว ไปต่อเลย (หมั่นไส้พฤติกรรมหิวคอมมิชชั่นมันนั่นแหละ) เพราะมีการ

ส่งซิกเรื่องราคากับบ๋อยในร้าน ตอนที่เราถามราคาว่าหัวละเท่าไหร่ (ซึ่งเรารู้อยู่แล้วแหละ

ว่ามันต้องบวกราคา) ก้อเลยแกล้งทำเป็นโวยวายว่าแพง แล้วเดินออกมา จนบ๋อยวิ่งมา

ตามว่าลดให้แล้ว เราก้อไม่เอา เพราะเสียอารมณ์อย่างแรง

วันที่สาม) ก้อยังอุตส่าห์เจอได้คนขายตั๋วเคจักตื๊อมารอรับหลังการแสดงจบ ชวนเราไป

ดริ้งค์/ปาร์ตี้ปีใหม่ ลักษณะคำพูดถ้าไปด้วยอันตรายแน่นอน เลยบอกปัดไปว่าไม่ไป

เราจะเดินดูไปเรื่อยๆ หลังจบการแสดง

คนพื้นเมืองบาหลีจริง ๆ เป็นคนอัธยาศัยดีมาก ๆ นะ น่ารักด้วย แต่ไอ้บรรดาผีที่เจอข้างบนเนี่ย ได้ยินมาว่าไม่ใช่คนท้องถิ่น (สงสัยมาจากเกาะใกล้เคียง แล้วมาทำมาหากินที่นี่)แย่นะ...แบบนี้ (ภาพพจน์การท่องเที่ยวบาหลียิ่งไม่สู้ดีเท่าไหร่ด้วย)

สวัสดีครับพี่ธิดารัตน์

ต้องถือว่าเป็นประสบการณ์ในการท่องเที่ยวครับ

แค่เราได้ไปเห็นอะไรที่แตกต่าง แค่ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยเห็น แค่นั้นก็คุ้มแล้ว และถือว่าการท่องเที่ยวครั้งนั้นได้ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์ให้แก่เราแล้วครับ

เจอคำคมพี่ดีเข้าไป...อืม! ช่างเป็นคนมองโลกในแง่ดีจริงๆ

แต่ก็เห็นด้วยนะคะ การเดินทางคนเดียว บางทีก็สอนอะไรหลายๆ อย่างให้กับเรา

อย่างน้อย...เราก็แข็งแกร่งขึ้น

ถือว่าโชคดีมากที่ปลอดภัยกลับมา

และได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ

โลกนี้ไม่ได้สวยงามไปซะทุกอย่าง

เราต้องอยู่ด้วยความไม่ประมาทจริงๆ

ใช่ค่ะ การเดินทางคนเดียวสอนอะไรเราได้เยอะ ที่สำคัญทำให้เราแกร่งขึ้น จากทริปนี้ไม่ทำให้พี่กลัวกับเรื่องที่เจอมาเพราะอะไรรู้ไม๊ เพราะพี่เจอเรื่องลักษณะเดียวกันเป๊ะเลยกับตอนไปปีนัง (มาเลย์)มาแล้วด้วย ครั้งนั้นแย่หน่อย หวิดไม่ปลอดภัยกลับมาด้วยดิ

เพราะความเชื่อใจคนง่ายไปหน่อยนี่แหละ คุยกับคนที่เข้ามาผูกมิตรง่ายไป สาว ๆ ที่ไปเที่ยวคนเดียวอย่าวางใจคนเข้ามาพูดคุยด้วยเด็ดขาด (เราน่ะไม่คิดอะไร แต่เค้าเราไม่รู้เลยจริง ๆ) ถ้าพลาดไม่คุ้มแน่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท