Lean manufacturing เป็นหลักการผลิตที่ดี แต่ ....


วิศวกรที่ขาด "หัวใจ" ..... ใครผลิตวิศวกรแบบนี้ออกมาเนี่ย

Lean manufactoring  เป็นการผลิตแบบที่  save ครับ  ต่อยอดมาจาก ระบบ Just in time  ของญี่ปุ่น

Lean  คือ รีดไขมัน   โดยไขมันในที่นี้  การใช้ Input ให้ประหยัด   การลดพลังงาน  ต้นทุน  การใช้คน   มลภาวะ  ฯลฯ  

พวกวงการรถยนต์  ใช้กันมากๆ

ผมสนทนา ในเว็ป http://www.managerroom.com/forums/forum_posts.asp?TID=1324&PN=1  ลองตามไปอ่านดู

คำสำคัญ (Tags): #leanmanufacturing
หมายเลขบันทึก: 92284เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2007 22:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

กลุ่มชอบ ลีน (Lean)  เนี่ย

ทางวงการ LO & KM  จัดว่าเป็น พวกแนวคิด อุตสาหกรรม  หรือ Newtonian

กลุ่มนี้ เน้น results มากกว่า  ความเป็นคน

ทำลาย ความสวยงามของคน  ทำลายธรรมชาติมากมาย

รถยนต์ ที่วิ่งๆ กัน  เนี่ย  กำไร ต่อ คันสูงมาก   แต่ปล่อย กาซเรือนกระจกเพียบ   ราคาในไทยต่างกับในญี่ปุ่นมาก 

คนที่ทำงานในระบบลีน   อยู่กับเครื่องจักร    จะสูญเสีย ทักษะการเรียนรู้ไปอย่างรุนแรง

นึกถึงความสนุกในการทำนา แบบ ลงแขก ทำงาน   สนุกไป ทำงานไป   จะได้ การสื่อสาร ความเข้าใจในมนุษย์มาก  

กลุ่ม newtonian   ยิ่งผลิตมาก   ผลกระทบ ต่อ ภาวะเรือนร้อนก็มาก  ความเครียดในองค์กรก็มาก 

กลุ่มนี้ มี บันทัดสุดท้ายแบบเชิงเดี่ยว (Single bottom line)   คือ  ความสำเร็จทางธุรกิจ 

ลดคน เอาเครื่องจักรมาแทน  ถล่ม ถลุง ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวดเร็วมากๆ

ตอนนี้  แต่ละชาติ   กำลัง มองไปที่  How to slow down technology ในการผลิต

หยุด บริโภคนิยม    ลง   ก่อนที่  ธรรมชาติจะมาทวงคืน

เมืองไทย ได้แค่  ฐานการประกอบ   ใช้ แรงงานไทย ทรัพยากรไทย ปล่อยของเสียให้ไทย ฯลฯ

ถ้าไทยไม่ยอม  ต้านมากขึ้น  ก็จะย้ายฐานไป จีน   ไปถล่มทรัพยากรที่จีนต่อไป

************

ข้างบน เป็นแนวคิด แบบ Ecology หรือ องค์รวม  จะตรงข้ามกับ Newtonian หรือ อุตสาหกรรม

Lean ถ้าจะดี   ต้อง Lean ในการลดพลังงาน  Lean หักกำไร ไปช่วยสังคม 

ญี่ปุ่น นี้ ดูให้ดีๆ   มีอะไร แสบๆ ซ่อนอยู่เยอะ  .....    คบยาก

พอๆ กับ พวก มะกัน  ร้ายพอๆกัน  

  • จริงๆแล้ว  ผม นิยม การบริหารแบบ New Zealand  คือ  ไล่ บริษัทรถยนต์ ทั้งหมดออกไปเลย   ไม่เน้น  อุตสาหกรรมหนัก  (หยุด Heavy industries) 

......  แต่ เอา ระบบลีน  ไปใช้  ในการทำเกษตร    ระบบลีน น่ะดีอยู่แล้ว   ลดพลังงาน ลดความสูญเปล่า ฯลฯ.... เก็บธรรมชาติ  ไปให้คนทั้งโลก ได้มา พัก "ใจ" มัน ยั่งยืนกว่า (Sustainable)

แต่  พอทางอุตสาหกรรมหนัก   ถ้าดีมาก กับ คือ แย่มาก

ทรัพยากรโดนใช้เร็วครับ   แม้จะบอกว่า ประหยัด   แต่  ในคำว่าประหยัด  ก็ยังมีบริโภค

bottom lines  ไม่ใช่   รวดเร็ว กำไร   เสมอไป   เพราะ ยังมี ภาวะโลกร้อน 

รถยนต์น้อยลง  CO2 ก็ลดลง  ใช้ รถมวลชนให้มากๆ   ....

  • เราน่าจะลีน   ใน ภาพรวม   มององค์รวมทั้งโลก  คือ  ลดการทำลายทรัพยากร
  •  เมื่อวันก่อน   ช่องเก้า  เอา ฮอ  ขึ้น บินรอบ กทม   พบว่า  พื้นที่  การทำเกษตร  กลายเป็นโรงงานเยอะมากๆ   .... หากมีการปลี่ยนแปลทางการลงทุน ย้ายฐาน  เรา "ตาย" แน่ๆ .... วิศวกร ของเรา สร้าง นวตกรรมเองได้น้อย ... 
  • มองในระยะยาว  คุณค่า ของการเป็นแหล่งอาหารโลก  จะมีมูลค่า มากกว่า เป็น detroit ตะวันออก....  ตอนนี้ ใน USA มีคนดำตกงานเพียบ  อาชญกรรมเพียบ  อดีตคนงานทั้งนั้นเลย
  • ผมเคยอยู่  เมืองที่เป็น อุตสาหกรรมหนัก  อย่าง Detroit  pittburg  chicago  มองออกครับว่า  ..... วันใด  ต้นทุน ปัญหาแรงงาน ฯลฯ  เกิดขึ้น   นายทุน อุตสาหกรรมหนัก  เผ่นหนี  ทันที .....  ทิ้งโรงงาน ที่เสาเข็มแน่นไปหมด  ทำนา ต่อไม่ได้เลย 
  • ตำราบริหาร สมัยใหม่  เริ่มมาแนว Slow down technology กันแล้ว ....   วิธีคิดแบบ วิศวอุตสาหรรม  เริ่มเป็นผู้ร้ายไปแล้ว   .... อ้าว
  • นักเศรษฐศาสตร์ ที่จบมา  กำลังโดน  พิจารณาว่า คิดผิดถนัด และเป็นคนรุ่นเก่า   เพราะ  คุณค่า ด้านความสุข   นักเศรษฐศาสตร์รุ่นเก่า   ไม่ได้คิด    คุณค่าด้านทำให้เกิดพฤติกรรมนักเสพ  นำมาซึ่งการไม่ออกแรง  โรคอ้วน  โรคเรื้อรัง ....การไม่มีสังคมเพราะ อยู่คนเดียวได้ ไม่พึ่งพาคนอื่น สั่งมากิน  อ่าน net   ...  การแบ่งชนชั้น  อวดรวย....การมีรถมาก ถนนก็มาก  ถนนทำลายระบบนิเวศน์  คูคลองการระบายน้ำมีปัญหา  สัตว์ป่าผสมพันธุ์ไมได้  บุกรุกป่าเร็วขึ้น  ฯลฯ เจริญทางวัตถุมากไป จน จิตใจตามไม่ทัน  เป็นคุณค่าที่นักเศรษฐศาสตร์  คาดไม่ถึงว่า เป็นตัวเลข ที่มหาศาลมากๆ
  • ชุมชน กลุ่มสังคม  ที่เริ่มเข้าระบบปิดมีมากขึ้นครับ   ในหลายๆประเทศ   ชุมชนช่วยตนเองมากขึ้น   พวกเขาปิดหมู่บ้านไม่พึ่งพาภายนอกได้มากขึ้น  (ที่เชียงใหม่  อุบล ฯลฯ)  เริ่ม  อยากทำอะไร  ที่ ต้องใช้แรงงาน  มีสังคมแบบลงแขก  พูดคุยกันมากขึ้น  ต้องการอากาศที่สะอาด  ข่าวสารที่พัฒนาจิตใจ   มีระบบที่ไม่มช่หุ่ยนต์หน้าเครื่องจักร (ระบบ auto ระบบ Lean)  
  • สักวันหนึ่ง  เมื่อ เกษียณแล้ว  .... หลายท่าน คงอาจจะ เข้าใจที่ผมอธิบายก็ได้นะ    วันที่มองย้อนกลับไปแล้ว  คิดได้ว่า  ---->  โอ พระเจ้า  ข้าฯ ทำอะไรลงไป
  • อยากให้  อ่าน หรือ ดู หนัง  Planet of the Ape  ดูก็ได้   .... ลิงแก่ๆ  จริงก็รู้ว่า Hi tech  / automation คือ อะไร  แต่ ลิงแก่ก็ไม่เอามาใช้  เพราะ เขาเห็น อะไร  ที่ซ่อนอยู่  ใน ความเป็น "เครื่องจักร"  ที่ ทำลาย จิตใจ
  • เมื่อวาน 22 เมษ 50 ..... หลวงปู่พุทธอิสระ  ท่านเทศน์ ที่ รพ พระปิ่นเหล้า   เรื่อง  เครื่องจักร    มันทำให้  กล้ามเนื้อเรา ไหลลื่น    ทำให้  จิตไม่อยู่กับกาย   ... ผมตีความ คือ  ทำให้ สติ  ไม่ได้รับการพัฒนา    
  • เด็ก ที่เลี้ยง  โดย  รอบตัว  เป็น แสงเชิงเดี่ยว (ไม่เปลี่ยนแปลง)   พื้นเป็นซีเมนต์  เสื้อผ้าไม่ใช่ธรรมชาติ   แก้วพลาสติก  ฯลฯ   ออกมา ก้าวร้าว  และ ฝึกสติได้ยาก   เกิดความ "หยาบ"
  • งานวิจัยออกมาเรื่อยๆครับว่า  คนที่ทำงานกับเครื่องจักรและเทคโนโลยีมากๆ   เช่น แพทย์หลายคน  วิศวกร นักกฏหมาย  ช่าง  ฯลฯ หลายคน (ไม่ทุกคน) ... ขาด "มนุษยสัมพันธ์" "ความเป็นคน" ลงไปมากมาย    ขาดต้นทุน  ที่ ชื่อ Network capital  /  Collaboration capital  / Inrelligent capital ครับผม
  • คนงาน ที่ทำงานใน โรงงาน ที่ auto มากๆ   ขาด  ความน่าสนุก   นี่แหละ ที่ปัญญาจะหายไป  ....  ลองจินตนาการ  ชาวนาลงแขกกันทำ  เช้า บ่าย เย็น ล้อมวงกินข้าว   สนทนาแบบ สุนทรียสนทนา (Dialogue)    เกิดความรู้แบบเกลียวความรู้  (Knowledge spiral)  ได้  ภูมิปัญญาท้องถิ่นออกมา  ...  แต่ สังคมคนโรงงาน  ทำให้ สิ่งเหล่านี้หายไป    ความอ่อนโยน  ความสุนทรีย  ฯ  หายไป   และ  ในที่สุด  จะ จบลงด้วย ความรุนแรง เห็นแก่ตัว ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ----> สงคราม  ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
  • สมุทรปราการ ทรุดลง  น้ำบาดาลใต้ กทม  ดูดขึ้นมาทุกวัน  ..... น้ำเสียในนิคมฯ 
  • เขื่อนถูกสร้าง  เพื่อ นำไฟฟ้าไปให้ คน กทม  ทำโรงงาน  .....  เขื่อนได้ทำลาย ทางเดินของสัตว์ป่า  ระบบลม  ระบบนิเวศน์  การพัดพาเมล็ดพันธ์   นำสนามกอล์ฟไปใกล้ป่า ( นำ คนไม่รักธรรมชาติไปเจอป่า   ใช้น้ำในสนามกอล์ฟมากกว่า ทำนาน 3 เท่า  และ เคมี ที่ปลิวไปทั่วป่า)   รีสอร์ท  ฯลฯ 
  • น้ำแข็งในกรีนแลนด์  หายไป  เกือบครึ่ง  (เมื่อ ต้นปี ผมยังบอกว่า 33% อยู่เลย)
  • เมื่อกี่  รายงาน  จาก ขั้วโลก  .....   อุณหภูมิ ร้อน เกิน 0  แล้วครับ   แต่ โรงงานก็ ยัง  ไปเรื่อยๆ  ทำต่อไป 
  • คำ "ลูกค้าพอใจ"  เริ่มผิดแล้วครับ  ... นักมนุษยวิทยาบางกลุ่ม   เริ่ม พิจารณาแล้วว่า Dr Demming / Juran / Feigenbaum  กูรู คุณภาพ ---->  ผิดถนัด   เพราะ  ก่อให้เกิด การแข่งขันที่ทำให้ลูกค้าเคยตัว  ติดสันดานเสพ มักง่ายมากขึ้น   ส่งผลให้  พ่อค้า  เร่งคิด  อะไร  ที่ เร็ว ถูก  แข่ง   สินค้าล้าสมัยเร็ว   ฯลฯ ----> ภาวะโลกร้อน
  • วิธีคิดแบบ นักบริโภคนิยม  ผลิตสินค้าแบบญี่ปุ่น อเมริกัน  ฯลฯ  ในสายตาชาวโลก ที่รักษ์โลก  เริ่มมองเป็น ผู้ร้าย   เป็นคนมีปัญหาด้านอารมณ์  ---->  ลองไปดู  กลุ่ม  สแกนดิเนเวีย   จะพบ เรื่อง การทำงานอย่างมีความสุข   การพอเพียง  ผลิตออกมาพอดีพอดีใช้   ใช้แนวคิดแบบยั่งยืน
  • ผมพา  วิศวกร นักวิทย์ นักบริหาร  หลายคน  แหวกวงล้อม  ไปใช้ วิถีชีวิต  ที่ มหาชีวาลัยอิสาน  (บุรีรัมย์) ....   ไปดู การทำเกษตรพอเพียง   ฯลฯ    พวกเขาร้อง จ๊ากเลย  ....  โห  เราโดนหลอก มาทั้งชีวิตการทำงานเลย    เรามองชาวนาว่าโง่  แต่ ตอนนี้ เรา คนโรงงานน่าจะโง่กว่าเยอะเลย 
  • ไปเที่ยว โลกที่สามบ้างครับ   จะเข้าใจ  ..... เรากำลัง ทำลาย หรือ หลอกตนเองว่า ผลิตได้ยอดเยี่ยม
  •  พวกเรา  เรียน ในระบบการศึกษาไทย   ที่ ไม่เข้มแข็ง เรื่อง จิตวิทยา  มนุษยวิทยา  สภาพอากาศโลก  ชุมชน ฯลฯ   เราเรียนมาแบบ "แยกส่วน"    เรา ดีใจ ที่ เราสำเร็จ เก่งในวิชาที่เราจบมา  โดย ไม่ได้ไปศึกษาว่า  เป็นเลิศแบบเรา ไป ทำลายสิ่งอื่นๆ ที่เราไปเคยไปเรียนรู้เลย
  • PQCDSMEE  แบบ ญี่ปุน  (Product Quality Cost Delivery on ime Safety Morale Energy  Environment)  ที่ USA ไปสอนนั้น    ลองจัดสัดส่วนว่า  บริษัทญี่ปุ่น  อเมริกัน  รายใด  มีสัดส่วน  ไปที่ Morale แค่ไหน Environment แค่ไหน   )  ... ดู ฝีมือการยึด  ISO 14000  ก็พอจะเห็น ภาพ
  • ใน PQCDSMEE    ขาดอะไรไป หรือเปล่า ?  Morale ที่ว่า  คือ คึกที่จะทำงานให้มากๆ   เห็นแก่ตัวหรือเปล่า
  • ระบบครอบครัว พนักงานเป็นอย่างไร  มีการวิจัย ผลของการทำงาน 3 กะ  ไหม  .... ทำมาก  โลกก็ร้อนมาก  .... ทำมาก ชีวิตครอบครัวก็พัง  กลับดึก ผิดเวลา นอน กิน เล่นกับลูก ....  ปัญหาสุขภาพ  .... ค่า Over time ไป สร้าง นิสัยเสพนิยม  ใช้เกินตัว  .....  การฝึกอบรม ที่เน้น  ทำเพื่อบริษัท   มี % สัดส่วนเท่าไร ที่ ทำเพื่อ ความสุข สุขภาพ ครอบครัว  ของ พนักงาน ...
  • Lean น่ะดี เห็นด้วย   แต่ ถ้าตกไปอยู่ใน กลุ่มผลิต ที่ไม่พอเพียง  คิดไม่เป็นระบบ (ไม่คำนึง เรื่อง เด็ดดอกหญ้ากระเทือนทั้งโลก)  ..... อันตรายครับ
  • ผมเอง  ก็ เป็นที่ปรึกษา   ด้านโรงงาน ด้านการผลิต  ด้าน ISO    เป็น Industrail engineer  ..... แต่ พอมาจับ  เรื่อง LO & KM   ตาสว่างเลยครับ ...พระเจ้า George  ที่ผ่านมา ...เราทำอะไรลงไปเนี่ย  .... เราตกหลุมพราง นักบริหารแนวบริโภค   เราหลงทางไปกับ  กูรูแนว บริโภคนิยม ( พวก Newtonian  / Industrail / Consumerize / ) เต็มรัก
  • .โรงงานต่างๆ   ต่างชาติถือหุ้น ..ขนเงินออก . คนไทยกินเงินเดือน  ...  ความรู้ก็ได้แบบ รับรู้  หวงวิชา  ...  แต่  ทรัพยากรพัง   สถาบันครอบครัวพัง   
  •  ญี่ปุ่น   ซื่อ Supplier ที่ไม่มีคุณภาพ  ลักไก่เข้ามาผลิต ..... QA ก็เฉยๆ ไม่กล้าว่าอะไร.... ISO ก็  ?????
  •  ช่วงนี้ ศาสตร์การบริหาร  พลิกโฉม รุนแรงมากครับ   .... ปรับกระบวนทัศน์การบริหาร แบบ   หลายๆ มหา ฯ  เปิดหลักสูตร  ไม่ทันเลย  .... และ เราก็ล้าหลัง ไล่ไม่ทัน สะด้วย ....  ญี่ปุ่นเอง  เจอ บริหารแบบใหม่  แบบนี้  ยังกระเทือนเลยครับ  ....  ธุรกิจญี่ปุ่นถอยลงแล้วครับ    คนต่อต้านแนวการผลิตแบบญี่ปุ่นมากขึ้น   

เขียนมาเป็น อีกมุมหนึ่ง   เป็นมุมที่ ผมเอง  ก็ไปพบ แบบ "คาดไม่ถึง" จริงๆ   ....เข็มขัดสั้นไปเลย

ก็ไม่แปลก ที่พวกเรา  ในห้อง บริหารฯ จะงง ....  เป็นผม ๆ  ก็งง และ คัดค้าน   เพราะ มัน เหลือเชื่อจริงๆ   ที่ จะพลิกแนวกัน แรงขนาดนี้ 

คนในห้อง LO & KM  จะพอจะเข้าใจ  เพราะ ผ่าน  การเรียนรู้  แนวคิด แบบ Bohm / Snowden / Osho / มาแล้ว

 

 

  • Output  ในความหมาย  ที่เป็น มนุษยชาติ    ต้องมองถึง ผลกระทบอื่นๆด้วย

ไม่ใช่  เอาแต่ได้

  • Thomas Alva Edison  จึงพูดก่อนตายว่า  หากย้อนเวลาไปได้  จะไมประดิษฐ์  อะไร ๆ ออกมามากมาย   เพราะ ใจมนุษย์ตามเทคโนโลยีไม่ทัน

 

  •              E = Ethics ใช่เลย

 

  • ใน PQCDSMEE เราจะพบว่า  เขาลดรูป เหลือแค่  PQCD   ที่หายไป คือ SMEE

S = safety  ไม่ค่อยจะมีการส่งเสริมเท่าไร   ส่งคนไปเรียน จป (เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย)   ก็แบบ ไม่เต็มใจ    มี  จป  เอาไว้ ตามกฏหมายงั้นๆเอง

E จัดฉากสะเยอะ  

  • สมัยก่อน ตอนผมเด็กๆ  ผมดู  Planet of the Ape โลกมนุษย์วานร    ที่  พระเอก เดินทางไปในอวกาศ   พอกลับมาโลก   พบว่า   เป็นช่วงหลังเกิดสงครามโลก  ลิงครองเมือง    และ คนเป็นทาส

ลิงชิมเปนซี  แก่ๆ บริหารเมือง แบบพอเพียง และ Low technology

พระเอก แอบไปพบว่า  จริงๆแล้ว  ลิง ฯ พวกนี้  ก็รู้จัก High Tech   แต่ พวกลิง  เอาไปซ่อนไม่ให้ ใครในโลกนี้ได้ใช้อีก   เพราะ เขาเห็น ความน่ากลัว  การฆ่าฟัน  การล้างเผ่าพันธุ์   และ  พบว่า  "คน" คือ สัตว์ที่น่ากลัวที่สุด (Most dangerous spicies)  ลิงจึงจับขัง  เพราะ ถ้าปล่อยออกมา  คนจะทำลายโลกอีกครั้ง  .... ว้าว

  • Peter Senge บรรยายไว้ว่า  ตั้งแต่ มีมนุษย์ เกิดมาเมื่อ 5 ล้านปีก่อน   และ มีหลักฐานประวัติศาสตร์ เมื่อ 5 หมื่นปี  มานี่เอง

แต่ อัตราการทำลายโลก  รุนแรงที่สุด ตั้งแต่  มีมนุษย์

Peter Senge ยังกล่าวอีกว่า  เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ใช้ชีวิตบนโลกนี้ นานนับ พันล้านปี  แต่เผ่าพันธุ์ มนุษย์   ไม่น่าเกิน  5 ล้านปี    ..... 

  • ในเรื่อง Space Odyssi   หนังเก่าแล้วนะ     ว่ากันว่า  โลกโดนทำลาย เมื่อ มนุษย์เรียนรู้   ที่จะ หยิบก้อนหินมาขว้างกัน  เพื่อการต่อสู้ ยามโกรธ   และ พัฒนามาเป็น ฆ่ากัน ฆ่าสัตว์

 

  • ผมก็ไม่ได้ ต่อต้านลีนนะ   มันดีมากๆ  .... น่าเอาไปใช้  กับ การทำการปลูกต้นไม้   การผลิต oxygen คืน     การแพทย์   ฯลฯ
  • มีวิชาหนึ่ง ที่ชื่อ    "การบริหารเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม"   สอนในระดับปริญญาโท  ที่คณะวิศวะ   เราก็ พยายาม  ให้ นักศึกษา นิสิต  เข้าใจถึง   จังหวะ ที่จะปล่อย เทคโน ฯ  .....  การพิจารณา Proirity ของ การปล่อย เทคโนฯ .... 
  • จริงๆ แล้ว  นาซ่า  สามารถ  ใช้ รถยนต์แบบไฟฟ้า  ได้ เต็มที่  ....  แต่ ความเห็นแก่ตัง แก่ตัว ของนักธุรกิจ    ที่ จะ ถล่มน้ำมันในอาหรับ อินโดฯ  ให้หมดก่อน....     จากนั้น เอาน้ำมันที่สำรองไว้ใน อเมริกา  มา  โขก สับ เขก  ราคา  ( ไอ้กัน จึง ใช้ พลังงานกันเต็มที่  รถยนต์คันโต   ไม่สนใจเรื่องประหยัดพลังงาน  ไม่สนใจลงนามแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนที่โตเกียว และ ที่ ปารีส  ต้นปีนี้)  .... 
  • เราตาม  ยุทธศาสตร์ ชั่วร้าย  ของฝรั่งไม่ทันครับ 

บริโภคนิยม   ทำให้เรา  เสพ   .....  การอยู่ในโลกคอมพิวเตอร์   ทำให้  ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนลดลง    ความรุนแรงจะมากขึ้น 

ความสะดวกสบายของเทคโน ฯ   นำมาซึ่ง   โรคร้ายมากมาย  เช่น  โรคอ้วน  ติดยา ศีลธรรมที่เสื่อมลง  ความผูกพันลดลง  ฯลฯ  และ ป่าถูกทำลาย สมุนไพร ก็จะหายไป  หมดไป

คนทำงานโรงงานนานๆ  บางทีมันก็พูดยากนะ    ที่จะเจอศาสตร์ใหม่ๆ   ซึ่งแนวการบริหารสมัยนี้ เปลี่ยนไปแบบพลิกฝ่ามือ  และ หลายๆ องค์กรยังไม่ขยับตัวเลย   หรือ ยังไม่รู้เลยว่า เปลี่ยนไปแล้ว !!!

เมื่อก่อน  ผมนึกว่า LO & KM จะเป็น วิชาหลอกแด..ก   ของฝรั่งอีกตัวหนึ่ง    แต่  พอไป ทำมากๆๆ  เข้า     สะดุ้งเลยครับ  โอ้  พระเจ้าจอร์จ   มันคนละเรื่องเลย   ....  ปรัชญา  การบริหาร  พลิกโฉม  มากมายปานนั้น !!!!

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ครับ

อ่านแล้วมันครับ อาจารย์เขียนอีกนะครับ ตามมาอ่านครับ

อาจารย์ค่ะ แล้วจะทำอย่างไรให้คนตระหนักในเรื่องโลกร้อน มาช่วยกัน ลด ละ เลิก การเพิ่มความร้อน ปีนี้บ้านเราขึ้นไปถึง 43 แล้วค่ะ ร้อนมากๆๆๆๆๆๆ ปีหน้าก็ไม่น่าจะน้อยกว่า 44 แล้วเรายังคงไม่ทำอะไรหรอค่ะ รออย่างเดียวหรอค่ะ

เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอีกค่ะ พูดกันจัง เน้นไปแต่เกษตรกร ซึ่งเขาก็อยู่อย่างพอเพียง อย่างที่อาจารย์พูด ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับโลกมากมายเหมือนคนเมือง... แล้วคนร่ำรวยละค่ะ เจ้าของโรงงานต่างๆ ยังคงกอบโกย เป็นเนื้อเป็นหนังอยู่นี่ค่ะ แล้วจะพอเพียงกันอย่างไรค่ะ

ได้อ่านแล้วเห็นภาพเลยครับ ผมเคยเป็น Industail man คนหนึ่ง ที่ยึดถือ Bottom Line เป็นสำคัญ แต่ระหว่างการไปถึงจุดหมาย ก็ไม่ได้ใส่ใจถึงวิธีการหรือผลกระทบมากนัก ... เพิ่งเข้ามาเขียน blog  พอเห็นชื่ออาจารย์แล้ว คลิ้กอ่านเลยครับ เพราะเคยอ่านหนังสืออาจารย์มาก่อน เป็น การบริหารผสมพุทธศาสนา ...ผมต้องลองอ่านเกี่ยวกับ KM & LO มากขึ้นแล้ว

 

อยากเรียนรู้ แต่ละ นาที วัน สัปดาห์ ... ยังตกผลึกไม่ออกเลยครับ รู้สึกว่าเราดีแต่คอยรอเสพ หรือบริโภค

ด้วยความเคารพ

ตามมาอ่านและเห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ  

อาจารย์ค่ะ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับทราบความคิดเห็นอาจารย์ โดยส่วนตัวแล้วดิฉันก็ค่อนข้างจะสนใจแนวคิดนี้ ก็ตรงที่ มุ่งความสนใจไปที่ "ความต้องการ ความพึงพอใจ ของลูกค้า เป็นหลัก"  โดยปรับองค์กรเราให้มีการใช้ทรัพยากร น้อยลง และให้เกิดประโยชน์สูงสุด.. จากความคิดเห็นอาจารย์ที่ว่า ทำให้พนักงานมีความเป็นคนน้อยลง ดิฉันว่า อาจจะเป็นจุดด้อย จุดหนึ่งของแนวคิดแบบลีน ในบางบริษัท ซึ่งถ้าเราทำความเข้าใจแนวคิดแบบลีนจริงๆ แล้วมาผนวกเข้ากับวัฒนธรรมของท้องถิ่นหรือของประเทศนั้นๆ ทุกอย่างก็จะดูสวยงามกว่านี้

     และดิฉัน ก็ไม่อาจสรุปได้เช่นกัน ว่าแนวคิดแบบลีน ทำลายความเป็นคน ของพนักงานจริงแท้แค่ไหน แต่ดิฉันเชื่อว่า "อยู่ที่คน นำลีน ไปใช้มากกว่าค่ะ" ทุกอย่างหากตึงเกินก็มักจะทำร้ายกัน หากหย่อนเกินก็อาจจะขาดประสิทธิภาพ

    ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง รบกวนรับฟังความคิดเห็นของดิฉัน และช่วยเสอนแนะด้วยนะคะ

 

จาก คนศึกษาลีน

  • ในเทคโนโลยีไม่มีชีวิตจิตใจ
  • แต่มนุษย์มีจิตใจ กลับไปยอมศิโรราบสิ่งที่ไม่มีกระจิตกระใจ
  • สงสัยว่าใครสอนมนุษย์พันธุ์นี้ออกมา
  • นั่นนะสิ 

โลกไม่ได้ร้อนขึ้นเพราะว่าโลกกำลังจะ หายนะ แต่โลกกำลังประตัวเอง ตามวิธีของธรรมชาติ ต่างหายครับ ธรรมชาติ สามารถที่จะสร้าง ความสมดุล ได้ด้วยตัวเองแต่ที่กำลังเดือดร้อนกันอยู่นี่ก็เพราะว่าเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ พวกท่านๆ ที่บอกว่า ร้อนๆ ลดโลกร้อน แต่ที่ทำงานที่บ้าน เปิดแอร์ ลดโลกร้อน แต่ก็ยังขับรถไปทำงาน ลดโลกร้อน แต่ก็ยังใส่เสื้อผ้าและใช้สอย สิ่งที่ผลิตจากโรงงาน แล้วจะมาพูดอะไรกันมากมายครับ ในเมื่อความเป็นจริง มนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่ว่าจะสร้างคำหรือความคิดที่สวยหรูมาเป็นภาพฉาบผิวนอกของตัวเอง แต่คุณๆก็ยังยืนอยู่บนพื้นฐานของมนุษย์ก็เท่านั้น การประชุมเพื่อลดปัญหาโลกร้อน พวกคุณๆท่านๆ ก็ประชุมในห้องแอร์ใหญ่ๆ ใช้กระดาษที่ทำจากโรงงานกันเยอะๆ ทำสำเนาเอกสารมาแจกกัน เยอะๆผ่านเครื่องถ่ายเอกสาร ที่ทำมาจากโรงงานที่ปล่อยก๊าสเรือนกระจกนั้นล่ะ ถ้าอยากลดโลกร้อนกันจริงๆ ล่ะก็ต้องในมนุษย์ทุกคน ทำตัวเอง อยู่บนพื้นฐานของธรรมชาติ ปรับเข้าหาธรรมชาติ คงใช้เวลาซัก 200-300 ปีพวกคุณๆท่านๆ อาจารย์ จะยังอยู่แบบไม่ยอมตายถึงต้อนนั้นกันรึเปล่าล่ะครับ อยากจะอยู่กับ ธรรมชาติ ก็ปรับตัวเอง เข้าหา ธรรมชาตินะครับ ไม่อย่างนั้น ธรรมชาติก็จะเป็นฝ่ายปรับเข้าหาเราอย่างทุกวันนี้นั้นล่ะครับ....ตราบเท่าที่โลกร้อนขึ้น สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เป็นเหมือนฝุ่นของจักรวาล มันก็ต้องปรับตัว อะไรที่ปรับตัวไม่ได้ ก็ต้องตายไป เป็นวัฏจักร สิ่งมีชีวิต ถ้าใจเสียกันมากนั้นกับการที่ธรรมชาติ ปรับตัว ก็รีบชิงตายซะครับ จะได้ไม่ต้องมานั้น ซีเครียด...อย่าลืมนะครับ ว่าไอ้พวกที่มันพูดว่า ปล่อยกีสคาร์บอนฯออกมาทำให้โลกร้อนเนี้ยสำคัญที่สุดคือ "คนหายใจเอา Oxygen และ ปลอด carbon" ออกมาก็มีส่วนช่วยเพิ่ม ความร้อนเหมือนกัน จุดไฟทำกับข้าวก็เพิ่ม ทุกช่วงเวลาที่มนุษย์ดำรงค์อยู่ มนุษย์ก็ยังคง ทำลายสิ่งรอบข้างเสมอ (เบื่อพวกรู้มาก)

มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย การใช้ภาษาหรือถ้อยคำ แต่ละท่านทำให้มีจิตนาการที่ต่างออกไป ความคิดเห็นต่างกันแต่ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันนะคะ ก็เพราะความเห็นต่างกันจึงทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์อย่างเช่นทุกวันนี้ ^_^

ตอนนี้เซ็งมากเลย ที่โรงงานกำลังเริ่มทำลีนเป็นบริษัทที่ผลิตเสื้อผ้า หาข้อมูลสื่อสารเพื่อให้พนักงานเข้าใจไม่ได้ และไม่รู้จะสื่อสารยังไงดี รบกวนผู้รู้ช่วยหน่อยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือข้อมูลของ lean ขอบคุณมากนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท