เรื่องนี้ผมได้อ่านผ่านตามานานแล้วครับ พอ ๆ กับที่ได้จดเอาไว้ในสมุดบันทึกมาอย่างยาวนานเช่นกัน จนเวลาผ่านไปนานหลายปี ผมหยิบสมุดบันทึก ๆ เก่า ๆ เล่มหนึ่งขึ้นมาจากซอกลืบของโต๊ะเขียนหนังสืออย่างไม่ได้ตั่งใจ จึงได้รู้ว่า บันทึกของผมนั้นได้ถูกซ่อนในซอกลืบแห่งความทรงจำมานานแสนนานมากจนเลือนไปว่าเคยมี เมื่อเปิดอ่านก็ตกใจ เพราะไม่น่าเชื่อว่า สมัยที่ผมเป็นเด็กนั้นได้เขียนอะไรไว้มากมาย ซึ่งในสมัยนั้นก็ไม่รู้ว่าผมจะบันทึกทำไม บางเรื่องที่เขียนบันทึกยังไม่รู้ความหมายของมันเลยด้วยซ้ำ และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้นี้ผมได้คัดย่อมาจากหนังสือนิทานโบราณคดีเป็นนิทานเรื่องที่เก้าในเล่ม พระนิพนธ์ในกรมฯพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งเป็นฮีโรคนหนึ่งของผม เชื่อว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนไทยที่ควรจะรู้ ผมจึงขออนุญาตนำมาเล่า ณ ที่นี้ครับ
ปก พงศาวดารกรุงเก่าฯ ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ
(ที่มา i-yabooks.tarad.com/product.deta..._2649084)
ในสมัยรัชกาลที่ห้า พระองค์ทรงให้มีการรวบรวมหนังสือต่าง ๆ ที่มีอยู่กระจัดกระจายทั้งเมืองเพื่อมารวบรวมเอาไว้ในหอพระสมุดหรือหอหลวงที่ทรงตั่งขึ้นใหม่ในพระบรมมหาราชวัง จะได้เป็นแหล่งความรู้และเพื่อเป็นการเก็บรักษาหนังสือที่เก่าแก่ มีคุณค่าไม่ให้ต้องสูญหายไปเสียก่อน พระองค์ทรงเห็นว่าอาวุธที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดที่คนไทยจะใช้ในการต่อการกับอาวุธที่ทันสมัยของชาวต่างชาติได้มีอย่างเดียวคืออาวุธทางปัญญา พระองค์จึงทรงมีพระราชบัญชาให้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพมีหน้าที่รวบรวมหนังสือเหล่านั้นเพื่อเข้ามาเก็บไว้ในหอหลวง เหมือนครั้งในสมัยอยุธยาที่มีหอหลวงอยู่คู่พระนครเช่นกัน
หลวงประเสริฐอักษรนิติ (แพ ตาละลักษณ์)
(ที่มา http://gold.rajabhat.edu/phetchaburi/par.htm.)
ครั้งหนึ่งพระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษณ์ –
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา)
ในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นหลวงประเสริฐอักษรนิติ
ไปเห็นยายแก่คนหนึ่งกำลังเอาสมุดดำรวมใส่กระชุที่บ้านแห่งหนึ่ง
ท่านจึงถามยายคนนั้นว่าจะเอาไปไหน ยายแก่บอกว่าจะเอาไปเผาไฟทำสมุก
(ภาชนะสานก้นสี่มุมมีฝา ใช้ใส่สิ่งของ,ถ่านหรือขี้เถ้าผสมขี้รัก
ใช่ทาสิ่งของให้ดำ) สำหรับลงรัก หลวงประเสริฐจึงขออ่านดูก่อน
ยายแก่ก็ส่งให้ทั้งกระชุ
หลวงประเสริฐพบว่ามีหนังสือเก่าที่เขียนด้วยลายมือเรื่องราวเกี่ยวกับพงศาวดารเมืองไทยแต่ครั้งสมเด็จพระนารายณ์ฯรวมอยู่ในนั้นด้วย
ท่านจึงเอ่ยปากขอหนังสือเล่มนั้น ยายก็ให้โดยที่ไม่หวงเหน
หลวงประเสริฐจำนำถวายสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพพระองค์ทรงเห็นว่ามีการบอกศักราชและเรื่องราวที่อยู่ในประวัติศาสตร์ตรงและชัดเจน
พระองค์จึงทรงให้เรียกชื่อหนังสือเล่มนั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ค้นพบว่า
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ลองคิดดูสิครับว่า
ถ้ายายแก่คนนั้นเผาบันทึก ๆ เก่า ๆ
ที่แกไม่รู้เลยว่าบันทึกเล่มนั้นได้เขียนอะไรไว้ลงไป
ป่านนี้พวกเราคนไทยก็คงไม่มีทางรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในอดีตเป็นแน่
ต้นไม้ใดไม่มีรากแก้วแล้วไซร้ ต้นไม้นั้นก็ไม่อาจยืนต้นตั่งตระหง่านได้เลย
วาทิน ศานติ์ สันติ : เ้รียบเรียง
ที่มา
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๓. กรุงเพทฯ : ๒๕๕๑.
i-yabooks.tarad.com/product.deta..._2649084. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาตม ๒๕๕๓.
http://gold.rajabhat.edu/phetchaburi/par.htm. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาตม ๒๕๕๓.
ขอบคุณมากเลยค่ะที่นำเนื้อหาดีๆมาให้อ่าน
ข้อมูลดี ดนตรีเพราะ ส่งต้นฉบับให้ได้มั้ยครับ จะเอาไปใส่เว็บมั่ง ของหน่วยงานราชการนะครับ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เนื้อหาเป็นประโยชน์มากๆค่ะ เพลงเขมรไทรโยคเพราะมากๆ หมายถึงน้ำตกไทรโยคที่ีจ.กาญจนบุรีบ้านเกิด และเป็นลูกหลานของตระกูลตาละลักษณ์ ด้วย ช่างได้อารมณ์แห่งความสุนทรียอักษรและบทเพลงอันซาบซึ้ง
ขอบคุณมากครับ