เทคนิคการเรียนรู้โดยใช้การวิจัย
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน
(Research- Based Instruction )
๑.ความหมาย
เป็นกระบวนการพัฒนาผู้เรียนให้สามารถใช้กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้
คิดค้นหาคำตอบ และตัดสินใจในการเรียนรู้ของตนเอง
๒.หลักการ
จัดการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
และเรียนตามศักยภาพของตนเอง
กระบวนการวิจัย ประกอบด้วย ๑)การกำหนดปัญหา
๒)การตั้งสมมติฐาน
๓)การเก็บรวบรวมข้อมูล ๔)การวิเคราะห์ข้อมูล ๕)การสรุปผล
๓.แนวทาง มี ๔
แนวทาง
๓.๑ ผู้สอนใช้ผลการวิจัยในการเรียนการสอน
๓.๒ ผู้เรียนใช้ผลการวิจัยในการเรียนรู้
๓.๓ ผู้สอนใช้กระบวนการวิจัยในการเรียนการสอน
๔.๔ ผู้เรียนใช้กระบวนการวิจัยในการเรียนรู้
ความเห็น
เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่ดีมาก
เมื่อไหร่ท่านจะใส่รายละเอียดให้มากกว่านี้
เพื่อความเจริญก้าวหน้าของวงการศึกษาไทยต่อไป.
กำลังคอยอ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ เมื่อไหร่จะเพิ่มเติมเนื้อหา
กำลังคอยอ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ เมื่อไหร่จะเพิ่มเติมเนื้อหา
ศุภมาส เคี้ยนหิ้น
เขียนเมื่อ
ได้เข้ามาอ่านข้อมูลแล้วเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ
ถ้าโรงเรียนได้นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
ขออนุญาตมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในเรื่อง
การวิจัยในชั้นเรียนซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการจัดการเรียนการสอน
ซึ่งถ้าครูนำกระบวนการวิจัยมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาผู้เรียน
หรือนำผลมาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอนจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
การวิจัยในชั้นเรียนเกิดจากครูผู้สอนในห้องเรียน
ทำการแสวงหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน
ในขณะที่การเรียนการสอนกำลังเกิดขึ้น
ด้วยวิธีการวิจัยที่มีวงจรการทำงานแบบ PAOR คือ P
(Plan) ,A (Action) , O
(Observe) , R(Reflect) ขั้นตอน Reflect
(สะท้อนกลับ )
เป็นขั้นตอนที่เด่นทำให้การวิจัยในชั้นเรียนต่างจากการวิจัยอื่น
การวิจัยในชั้นเรียนเป็นกระบวนการวิจัยที่ทำได้รวดเร็ว
โดยครูผู้สอนนำวิธีการแก้ปัญหาที่ตนเองคิดขึ้นไปทดลองใช้กับผู้เรียนและสังเกตผลการแก้ปัญหานั้น
มีการสะท้อนผลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนครู
เป็นการวิจัยแบบร่วมมือ ( Collaborative research )
ทั้งนี้จุดหมายสำคัญของการวิจัยในชั้นเรียนก็คือพัฒนาการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน
หากผิดพลาดหรือไม่เหมาะสมประการใด
อาจารย์โปรดชี้แนะจักขอบพระคุณยิ่ง
อ่านแล้วหลายครั้ง มีประโยชน์มาก
เสียดายรายละเอียดมีน้อยไปหน่อย
ท่านเป็นครูที่สมควรได้รับการยกย่อง
ดั่งคำขวัญวันครูประจำปี 2549 ที่ว่า "
ครูดีเป็นศรีแผ่นดิน
ศิษย์ทั่วถิ่นศรัทธาบูชาครู " (พรรณา
คงสง จังหวัดตรัง ) เนื่องในโอกาสวันครู 16 มกราคม
2549
ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข
ความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป เพื่อเป็น"ครูดี"
และ
"เป็นศรีแผ่นดิน"
ไปตราบเท่านาน
ติดตามผลงานของท่านมาตลอดตั้งแต่ ปี 2548 ได้พบว่า
มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่สิ่งที่อยากเห็นมากกว่านี้คือการเคลื่อนไหว การโต้ตอบของเจ้าของผลงานและผู้ที่เข้าชม อยากให้นักวิชาการทั้งหลายได้แสดงความคิดเห็นเยอะ ๆ ทั้งนี้ก็หวังว่าจะได้เพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเองทุกครั้งที่เข้ามาเยี่ยมชมใน
เว็บไซด์นี้
วันนี้ผมสอบวิชาทักษะการจัดการในสถานศึกษา
เสร็จแล้วครับ
เรื่อง SBM ผมชอบมากครับ
อยากอ่านงานวิจัยของอาจารย์ชิ้นนี้
ผมหาไม่เจอซักที
เข้ามาอัพบล็อกเยอ ๆ นะครับ
---> http://learners.in.th/blog/yusuf
ดีมากเลยครับอาจารย์ ได้ km มากมายครับ เยี่ยมครับ
รอมือลี มัสกอตอ
อยากรู้เทคนิคดีๆสำหรับ “ผู้สอนใช้กระบวนการวิจัยในการเรียนการสอน”จังเลยค๊าบ
น่าจะยกตัวอย่างประกอบ และเพิ่มเติมเนื้อหาอีก
ขอขอบพระคุรอาจารย์ที่ให้การอบรมสั่งสอนศิษย์มาหลายรุ่นแล้ว ขอให้อาจารยืมีความสุขมากๆ งานวิจัยนั้นมีความสำคัญมากสำหรับนักบริหารการศึกษาทุกคน
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะค่ะ จากที่หนูได้อ่านเนื้อหาที่อาจารย์ส่งม่รู้สึกว่าเป็นความรู้ใหม่ที่น่าสนใจมากเพราะว่าในฐานะที่หนูก็เป็นครูผู้สอนที่อยากทำการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อให้เกิดผลกับผู้เรียน และเนื้อหาที่อาจารย์นำเสนอเป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่น่านำไปใช้ในโรงเรียนได้ดีทีเดียว และหนูหวังว่าอาจารย์คงจะมีอะไรดีๆมาแนะนำอีกนะค่ะ
ลาวน้อย......
เป็นความรู้ใหม่และน่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของครูและนักเรียนต่อไป
ขอให้อาจารย์นำความรู้ใหม่ ๆ มาถ่ายทอดบ่อย ๆนะค่ะ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับผู้ที่ไม่รู้สามารถนำไปใช้ประโยชน์
ดิฉันจะติดตามผลงานของอาจารย์ทางเว็บนี้น่ะค่ะ
หากบุคลากรในสถานศึกษารู้ถึงความสำคัญของการวิจัย ผลผลิตของสถานศึกษานั้นย่อมเป็นที่ต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหน่วยงาน หรือองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้อให้ความรู้ และการสนับสนุนอย่างเต็มที่
ความรู้ที่ได้เป็นประโยชน์มากเลยคะ จะนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป
ผมมีความคิดเห็น ในขั้นสุดยอด จะเล่าให้อาจารย์ฟังครับ
ถูกต้องนะคร๊าบ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นความรู้ที่น่าสนใจมากค่ะ บอกรายละเอียดทั้งความหมาย หลักการและแนวทาง และหวังว่าอาจารย์จะนำความรู้ใหม่ๆมาบอกต่อนะคะ
ก๊อบแก๊บ..
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ฐานการวิจัยเป็นฐานกับ KM ต่างกันอย่างครับ
ขอบคุณมากสำหรับควารู้ที่ได้รับวันนี้ค่ะ เป็นประโยน์ต่อการเรียนมากค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ kotoknow นี้คือแหล่งความรู้ที่สำคัญสำหรับนักการศึกษา ซึ่งเป็นความรู้ที่ได้รับจากความรู้ที่มีอยู่ในตัวคนที่แสดงออกมาจากความรู้ที่ไม่เคยเผยแพร่ออกมาเป็นหนังสือ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนที่เราได้พูดคุยด้วย จากที่เราไม่รู้ ได้รู้ จากที่เรารู้และรู้มากขึ้น
เห็นด้วยกับแนวคิของท่านอย่างยิ่ง
มาแล้วค่ะ นึกว่าไม่ทันซะแล้ว
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน เป็นนวัตกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ และมีประโยชน์มากค่ะ
การจัดการเรียนการสอนที่ใช้วิจัยเป็นฐาน เป็นนวัตกรรมใหม่ พวกเรานักบริหารการศึกษา ม.อ. ตานี 49ยังรอคอย รายละเอียดในเรื่องนี้จากท่านอาจารย์อยู่ นะครับ.....ชื่นชมท่านที่มีสิ่งใหม่มานำเสนอ
อ่านแล้วทำให้เข้าใจการทำวิจัยมากขึ้น
I would like to say that I am very glad to have an opportunity to study with you. Today I have got so many useful ideas that I can take home. Thanks for your best knowledges that you given us.
ต่อไปจะตั้งใจทำวิจัยให้ดีที่สุดค่ะ
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน เป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจ อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะ คิดว่ามีประโยชน์มากสำหรับนักศึกษาและผู้ที่สนใจ ขอบคุณมากค่ะ
การวิจัยนี้มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับสภาพการจัดการศึกษาพิเศษในปัจจุบันแล้ว ยังทำให้เกิดแนวคิด จากการเปรียบเทียบการจัดการศึกษาพิเศษระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ ซึ่งอาจนำประสบการณ์จากต่างประเทศมาใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาการศึกษาพิเศษของไทยให้ดีขึ้น โดยไม่ทำผิดซ้ำอีกเหมือนดังที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ งานวิจัยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักการศึกษาชั้นนำ นักบริหารชั้นสูง นักกฎหมาย นักการเมือง ตลอดจนผู้ปกครองและผู้สนใจ ที่จะนำผลการศึกษาครั้งนี้ไปสู่แนวคิดและกรอบของการนำไปสู่การออกกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาพิเศษขึ้นมาบังคับใช้ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษอีกหลายแสนคนทั่วประเทศมีโอกาสได้รับการศึกษา
การบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา คือ การแก้ปัญหาหรือพัฒนากระบวนการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ ซึ่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 ได้กล่าวถึง การจัดการศึกษาต้องยึดหลักผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ การส่งเสริมสนับสนุนให้ครูทำการวิจัย ตามมาตรา 30 นับว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องส่งเสริมให้ครูศึกษาวิเคราะห์ วิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้แล้วนำผลการวิจัยไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพตามที่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรสถานศึกษากำหนด จากการบริหารงานการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ผ่านมา ครูที่ทำการวิจัยส่วนใหญ่ ทำเพื่อมุ่งการปรับปรุงตำแหน่งของตนมากกว่าการพัฒนาประสิทธิภาพของงาน ขาดการเสริมแรงหรือแรงจูงใจ ทั้งนี้อาจเนื่องจากทิศทางสนับสนุนการทำวิจัยของสถานศึกษาไม่ชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้ว่าสถานศึกษามีการรองรับสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อเป็นทุนอุดหนุนในการทำวิจัยภายในสถานศึกษาน้อยมาก และไม่มีการจัดหาทุนจากภายนอกหน่วยงานเพื่อการวิจัยในสถานศึกษาโดยเฉพาะ ครูที่จะดำเนินงานวิจัยต้องอาศัยงบประมาณของตนเอง ไม่มีการจัดตั้งศูนย์บริการให้ความช่วยเหลือทางด้านการวิจัยและด้านประเมินผลการวิจัยที่ชัดเจน รวมถึงไม่มีศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงาน
ปัญหาจากการบริหารงานการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ยังส่งผลกระทบให้สถานศึกษามีปัญหาในการบริหารงานพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา และปัญหาการบริหารงานพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาตามไปด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากการประเมินคุณภาพทางการศึกษาระดับชาติ (O-NET)
น่าสนใจมาก อยากเห็นแนวทางหรือตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน