1. ทฤษฎีกระจกเงา : หมั่นมองตัวเอง ประเมินตนเอง บางครั้งมัวมองแต่คนอื่น มัวเปรียบเทียบคนนั้นกับคนนี้ คนโน้น ลืมมองตัวเองไปเสียได้ ขยับหันกลับมาสำรวจตรวจตราตนเองบ่อยขึ้น แล้วจะพบว่าเราจะอยู่กับความจริงและปัจจุบันขณะมากขึ้นไม่เตลิดไปไกล(อย่างไร้จุดหมาย!) และปรับปรุงตนเองได้ตลอดเวลาครับ
2. ทฤษฎีเลนส์ตา : ง่ายๆ สำหรับทฤษฎีนี้คือ มองโลกอย่างไรได้อย่างนั้น โลกจะบวกหรือลบ แคบหรือกว้างเริ่มที่เรา ที่ความคิดและจิตใจของเราเองนั่นละนะ!3. ทฤษฎีให้คะแนนเต็ม : ให้คะแนนเต็มคนอื่นไว้ก่อน นั่นหมายถึงส่วนที่ดี ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนอื่น ของเขา ส่วนนั้นล่ะ ให้คะแนนเต็มและเชื่อมั่นในตัวเขา โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานเป็นทีม เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมทีมทำงานกับเขา(ก็เราตัดสินใจเองแล้วนี่นา) ต้องเชื่อมั่นและไว้ใจเขา จนกว่าจะปรากฎผลงานของเขาออกมา จึงค่อยว่ากันอีกที นะครับ
4. ทฤษฎีช่องว่าง : เปิดช่องว่างไว้บ้าง ไม่ใช่เต็มตลอดเวลา เปิดใจรับฟังผู้อื่น แล้วโลกจะอัศจรรย์ขึ้นจริงๆครับ
พักสายตา:
Fathoms deep thought the seas may be.
Measurable are the seas in depth.
Scaled can mountains be in height.
Immeasurable is the depth this heart of man.
ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมทย์
พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้ หยั่งถึง
กรมพระยาเดชาดิศร
5. ทฤษฎีใจเขาใจเรา : ลองเอาตัวเราเองไปอยู่ในตำแหน่งของคนอื่น (จินตนาการดูนะ หากไม่สามารถลองทำจริงได้) ก็จะได้เข้าใจผู้อื่น รู้ข้อจำกัดและความยากของแต่ละงาน ให้เกียรติและให้กำลังใจผู้อื่นมากขึ้นยังไงล่ะครับ
6. ทฤษฎีสรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน : ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ละนะ7. ทฤษฎีอื่นๆอีกมากมาย... : อันนี้ให้ท่านตั้งเองแล้วลองเขียนไว้ใช้เองนะครับ ถ้าทฤษฎีไหนดีต่อผู้อื่นก็บอกกันบ้างนะครับ
พักสายตา(อีกแล้ว): จากการถอดความจากบทเพลง
I believe I can fly...ไม้เนื้อหอม
...เพราะเชื่อมั่นฉันทำได้ไปให้ถึง
เพราะรู้ซึ้งฉันทำได้ใจไม่สิ้น
สยายปีกดั่งปักษาถลาบิน
ไม่สูญสิ้นกำลังใจไขว่คว้าดาว
ต่อกันคราวหน้านะครับ สวัสดีครับ ,Sirikasem Sirilak
April 22, 2007สวัสดีคะทุกวันนี้พยายามปรับปรุงตนเองตลอดเวลาเหมือนกันแต่บางครั้งอาจยังไม่ดีพอแต่ไม่ได่ท้อแท้นะค่ะที่จะพัฒนาตนเอง สู้ตายค่ะ ยิ้มสู้
จะนำไปปฏิบัติค่ะ