อัลกุรอานได้ชี้แนะแก่บรรดาพ่อแม่และครูอาจารย์ ในเรื่องการอบรมสั่งสอนลูกหลาน โดยให้เห็นถึงความสำคัญของการให้การศึกษาหรือการอบรมสั่งสอนลูกหลาน ด้วยการยกตัวอย่างประวัติการอบรมลูกหลานของบุคคลในยุคต่าง เพื่อเป็นบทเรียน และเป็นแบบอย่างที่ดีที่ต้องคำนึงถึง
لَقَدْ كَانَ فِي قَصَصِهِمْ عِبْرَةٌ لأُوْلِي (يوسف : 111)
ความว่า : โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขา เป็นบทเรียนสำหรับบรรดาผู้มีสติปัญญา (สูเราะห์ ยูซุฟ อายัตที่ 111)
ในสูเราะห์ ลุกมาน อายัตที่ 13-19 อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
وَإِذْ قَالَ لُقْمَانُ لابْنِهِ وَهُوَ يَعِظُهُ يَا بُنَيَّ لاَ تُشْرِكْ بِاللهِ إِنَّ الشِّرْكَ لَظُلْمٌ عَظِيمٌ (13) وَوَصَّيْنَا الإِنسَانَ بِوَالِدَيْهِ حَمَلَتْهُ أُمُّهُ وَهْنًا عَلَى وَهْنٍ وَفِصَالُهُ فِي عَامَيْنِ أَنِ اشْكُرْ لِي وَلِوَالِدَيْكَ إِلَيَّ الْمَصِيرُ (14) وَإِن جَاهَدَاكَ عَلى أَن تُشْرِكَ بِي مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ فَلا تُطِعْهُمَا وَصَاحِبْهُمَا فِي الدُّنْيَا مَعْرُوفًا وَاتَّبِعْ سَبِيلَ مَنْ أَنَابَ إِلَيَّ ثُمَّ إِلَيَّ مَرْجِعُكُمْ فَأُنَبِّئُكُم بِمَا كُنتُمْ تَعْمَلُونَ (15) يَا بُنَيَّ إِنَّهَا إِن تَكُ مِثْقَالَ حَبَّةٍ مِّنْ خَرْدَلٍ فَتَكُن فِي صَخْرَةٍ أَوْ فِي السَّمَاوَاتِ أَوْ فِي الأَرْضِ يَأْتِ بِهَا اللهُ إِنَّ اللهَ لَطِيفٌ خَبِيرٌ (16) يَا بُنَيَّ أَقِمِ الصَّلاةَ وَأْمُرْ بِالْمَعْرُوفِ وَانْهَ عَنِ الْمُنكَرِ وَاصْبِرْ عَلَى مَا أَصَابَكَ إِنَّ ذَلِكَ مِنْ عَزْمِ الأُمُورِ (17) وَلا تُصَعِّرْ خَدَّكَ لِلنَّاسِ وَلا تَمْشِ فِي الأَرْضِ مَرَحًا إِنَّ اللهَ لا يُحِبُّ كُلَّ مُخْتَالٍ فَخُورٍ (18) وَاقْصِدْ فِي مَشْيِكَ وَاغْضُضْ مِن صَوْتِكَ إِنَّ أَنكَرَ الأَصْوَاتِ لَصَوْتُ الْحَمِيرِ (19)
ความว่า : 13. และจงรำลึกเมื่อลุกมานได้กล่าวแก่บุตรของเขา โดยสั่งสอนเขาว่า “โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าได้ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอย่างมหันต์ โดยแน่นอน 14. และเราได้สั่งการแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดา มารดาของเขา โดยที่มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขาอ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี เจ้าจงขอบคุณข้าและบิดามารดาของเจ้า ยังเรานั้นคือการกลับไป 15. และถ้าเขาทั้งสองบังคับเจ้าให้ตั้งภาคีต่อข้า โดยที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น เจ้าอย่าได้เชื่อฟังเขาทั้งสอง และจงอยู่กับเขาทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี และจงปฏิบัติตามทางของผู้ที่กลับไปสู่ข้า แล้วข้าคือหนทางกลับของพวกเจ้า และ(ในวันนั้น)ข้าจะบอกแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้ 16. “โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริง (หากว่าความผิดนั้น) มันจะหนักเท่าเมล็ดผักสักเมล็ดหนึ่ง มันจะซ่อนอยู่ในหิน หรืออยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย หรืออยู่ในแผ่นดิน อัลลอฮฺก็จะทรงนำมันออกมา แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง” 17. “โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และจงใช้ให้กระทำความดี และจงห้ามปรามการทำความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่ประสบกับเจ้า เพราะมันคือส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่น มั่นคง” 18. “และเจ้าอย่าหันหน้าของเจ้าให้แก่ผู้คนอย่างยะโส และอย่าเดินไปตามแผ่นดินอย่างไร้มรรยาท แท้จริง อัลลอฮฺ มิทรงชอบทุกผู้หยิ่งจองหอง และผู้คุยโวโอ้อวด” 19. “และเจ้าจงก้าวเท้าของเจ้าพอประมาณ และจงลดเสียงของเจ้าลง แท้จริง เสียงที่น่าเกลียดยิ่งคือเสียง(ร้อง) ของลา”
อัลลอฮฺได้สอนวิธีปฏิบัติและมารยาทการอยู่ในสังคมอย่างสันติสุข โดยใช้ตัวอย่างการสอนลูกของลุกมาน อัลฮากีม และในอายัตที่กล่าวมาข้างบนนั้นพอที่จะสรุปเนื้อหาสำคัญๆในการอบรมสั่งสอนลูก หรืออาจกล่าวได้ว่าสาระสำคัญของเนื้อการศึกษาที่พ่อแม่หรือครูบาอาจารย์ควรสั่งสอนลูกหลานหรือลูกศิษย์ คือ
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนเด็กหรือที่เราเรียกว่า อัตตัรบียะฮฺ(การศึกษา) ที่มีอยู่ในอัลกุรอาน และยังมีอีกหลายตัวอย่าง จะได้มาพูดกล่าวในภายหลัง
ไม่มีความเห็น