ขนมเปรี้ยวหวานหัวใจ


หลับตาเดินเดินก้าวไปไม่เห็นทาง ใต้เปลือกตามมีบางอย่างให้เสาะหา แม้จะมืดมุ้งมิ้งยามหลับตา ใต้ความมืดมีค่าเท่าสว่าง เดินหลับตาครวญคร่ำรำพึงถึง สิ่งๆหนึ่งน่ารำพึงอยู่มิสร่าง อันชีวิตมวลมนุษย์สุดเส้นทาง มีสิ่งใดเหลือบ้างให้โลกชม

เมื่อวาน อ.สุรางค์ ชวนผมไปเก็บภาพวิจัย OTOP กรณีศึกษา หมูทุบจังหวัดปทุมธานี ระหว่างนั่งรถไป ให้รู้สึกอึดอัดใจพอสมควรกับการต้องนั่งสบายแล้วให้ผู้สูงอายุอันเป็นที่เคารพต้องขับ อย่างไรก็ตาม ระหว่างขับรถไปและกลับ อาจารย์ได้ให้ความรู้อะไรหลายอย่าง ที่ควรบันทึกไว้

   ๑. การวิจัยชุมชน เมื่อเข้าไปจับแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่คิดบางงานวิจัยต้องทำขึ้นมาเพื่อให้เสร็จให้ทันต่อกาลเวลาที่กำหนด งานจึงออกมาไม่สมบูรณ์ บางงานวิจัยต้องทำขึ้นมาเพื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไอ้เป็นน่ะเป็นอยู่ แต่เป็นเฉพาะในช่วงเวลาที่เข้าไปวิจัย หลังจากนั้น ก็หยุดชงักเหมือนเดิมไม่ได้มีการพัฒนาหรือขับเคลื่อนไปด้วยแรงชองชุมชนเลย ยกตัวอย่าง กองทุนหมู่บ้านที่วิจัยครั้งก่อน พอกลับไปดูอีกครั้ง ทุกอย่างก็หยุดชงัก "พี่คิดว่า พี่ไม่ทำอีกแล้วกับชาวบ้าน เสียอะไรหลายๆอย่าง นำเงินของหลวงไปพัฒนาเรื่องอื่นดีกว่า" อ.สุรางค์กล่าว สิ่งที่ได้รับคือ มันไม่ได้ยั่งยืนอย่างที่คิด และตั้งข้อสังเกตว่า การกำจัดปัญหาไม่ใช่ให้เราเป็นผู้เข้าไปบอกว่ามีปัญหา หรือเข้าไปช่วย ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นจากตัวชุมชนเอง หากเขามีปัญหาจนหลังชนฝา เขาก็ต้องนำพลังความเป็นมนุษย์ออกมาแก้ไขมัน ทำให้ผมนึกถึงคำของ อ.มารุต และทบทวนอีกครั้งหนึ่ง "คำว่าปัญหา ใครกันแน่ที่เป็นตัวปัญหา เราซึ่งคิดว่าเขามีปัญหา หรือว่า เขามีปัญหาจริงๆ เราเป็นปัญหาเองหรือว่าเขาเป็นปัญหากันแน่"

  ๒. การบริหารจัดการแบบคนปักษ์ใต้ มิได้มีผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นตัวตั้ง หากแต่มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนรวม (น่าชื่นใจ) ข้อนี้ คงไม่ทำให้คนปักษ์ใต้เหลิง แต่น่าจะเป็นแบบที่ดี สำหรับการทำงานกับชุมชน องค์กรของรัฐและการจัดการเพื่อสังคม

  ๓. ทำไมคนไทยถึงทำงานกลุ่มไม่สำเร็จ ยกตัวอย่างการรวมกลุ่มกันทำสินค้าอะไรบางอย่าง แต่แล้วทุกอย่างก็มีอันล่มสลาย ข้อน่าสังเกตคือ ชาติพันธุ์คนไทยไม่ชอบความเป็นกลุ่ม ชอบมีชีวิตอยู่แบบโดดเดี่ยว เช่น เมื่อแต่งงานก็แยกครัวเรือนออกไป หรือจะทำอะไรก็ชอบทำเดี่ยว มุ่งความสงบสงัดมากกว่า ดังนั้นการตั้งกลุ่มจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก

  ๔. นครวัด นครธม ที่อาจารย์เพิ่งไปเที่ยวมา (อย่างอาจารย์ต้องเรียกว่าไปศึกษามา) เป็นที่ที่น่าไปดู ทำไมถึงน่าไปดู เหตุผลอย่างน้อย ๒ ข้อคือ ๑) ศิลปะที่สวยงาม ซึ่งไม่น่าจะใช่คนธรรมดาที่เป็นผู้สร้าง ๒) ความงามที่ได้ซึมซับจากงานศิลปะนั้น

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 9155เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2005 12:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท