“ผมรู้สึกว่า จิตส่งออกนอกเป็นจิตที่ไม่อยู่ในปัจจุบันขณะ จิตที่มองเข้าไปข้างในคือจิตที่ถูกบังคับให้อยู่ในปัจจุบันขณะ (พยายามรู้ในปัจจุบันขณะ) จิตที่ปล่อยวางไม่พยายามที่จะรู้ในปัจจุบันขณะ น่าจะเป็นจิตที่รู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ พูดแล้วงงครับไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่า”
สวัสดีครับอาจารย์
สวัสดีค่ะคุณหมอ สุพัฒน์ kmsabai
ขอบคุณคุณหมอที่เข้ามาแลกเปลี่ยนค่ะ
เห็นด้วยเลยค่ะว่ากายานุปัสสนาเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และเข้าใจได้ง่ายกว่าจิตตา หรือ เวทนานุปัสสนา ค่ะ
ดิฉันก็เริ่มจากกายานุปัสสนาเช่นกันค่ะ แต่ไม่เคยฝึกสมาธิเหมือนคุณหมอค่ะ อาจทำให้ไม่ค่อยนิ่งเวลาปฏิบัติวิปัสสนาในชีวิตประจำวัน ความคิดแวบไปแวบมาตลอด เลยตามดูจิตแล้วก็ลืมดูกายค่ะ
ตอนนี้ก็พยายาม back to basics กลับสู่ปัจจุบันโดยดูกายเป็นหลักอยู่เหมือนกันค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนและช่วย confirm ว่าสิ่งที่ดิฉันประสบจากการปฏิบัตินั้นไม่ได้หลอกตัวเองค่ะ ; ) แต่เป็นธรรมที่เป็นปรมัตถ์และทุกคนประสบได้เช่นกัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
สวัสดีค่ะทุกท่านและอาจารย์ ดร. กมลวัลย์ ลือประเสริฐ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครูอ้อย สิริพร กุ่ยกระโทก
เป็นบุญวาสนาของดิฉันเช่นกันค่ะ ที่ครูอ้อยจะมาช่วยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพราะฉะนั้นที่จะเป็นลูกศิษย์นั้น สงสัยจะไม่ได้ค่ะ เพราะอาจขอเป็นลูกศิษย์ครูอ้อยเหมือนกัน ; )
ดิฉันตามไปอ่านที่ครูอ้อยเขียนแล้วค่ะ ไม่รู้จะสรุปทั้งหมดได้อย่างไรเหมือนกันค่ะ ; ) เพราะดิฉันเป็นพวกปฏิบัติธรรมแบบความรู้ทางปริยัติธรรมน้อยมากค่ะ พยายามอ่านอยู่เหมือนกันค่ะ แต่พบว่าถ้ามัวจำ technical term ทำให้ท้อได้ค่ะ เพราะเยอะมากจริงๆ ส่วนใหญ่จะศึกษาโดยการอ่านและทำความเข้าใจในหลักการในขณะนั้น แล้วก็ไม่ท่อง เพราะจำได้ไม่หมด แต่ถ้าเรื่องไหนเข้าใจจริงๆ จะจำได้ เพราะเมื่อทดลองมาปฏิบัติแล้วเห็นว่าได้ตรงกันกับหนังสือหรือคำสอน ก็จะเข้าใจยิ่งขึ้น (แต่ก็ยังจำ technical term ไม่ได้อยู่ดีค่ะ)
ดิฉันปฏิบัติโดยใช้แนววิปัสสนากรรมฐาน แต่ทำในชีวิตประจำวันค่ะ ใช้มหาสติปัฏฐาน๔ เป็นหลัก เน้นการเป็น "ผู้ดู" ไม่เป็น "ผู้เป็น" ดังตัวอย่างในบันทึกเรื่องมาดูความโกรธกันเถอะ ค่ะ ตอนนี้ก็ยังปฏิบัติตามแนวนี้ไปเรื่อยๆ อยู่ ทำได้บ้าง หลุดบ้างค่ะ
ดิฉันยึดหลักว่าพยายามทำให้ง่ายๆ เข้าไว้และปฏิบัติได้ตลอดค่ะ เพราะธรรมควรจะเป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติ บังคับไม่ได้ค่ะ
แล้วเรามา ลปรร กันต่อนะคะ มีคุณหมอสุพัฒน์ กับคุณธรรมาวุธ แล้วก็คุณฉัตรชัยที่มาช่วยกันต่อยอดเป็นประจำค่ะ
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์
ก่อนอื่นขอขอบคุณคุณหมอที่ช่วยดิฉันตอบคุณฉัตรชัยค่ะ ส่วนคุณฉัตรชัยก็ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ดิฉันเห็นว่าเป็นประโยชน์ที่ได้ตอบค่ะ เพราะทำให้ได้คิดทบทวนใคร่ครวญการปฏิบัติของตนเอง ได้เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ดิฉันเห็นหัวเรื่องปฏิจสมุปบาทหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้อ่านจริงๆ จังๆ ซักที แล้วจะลองค้นคว้ามาคุยกันตามโอกาสค่ะ
ส่วนพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น พระพรหมคุณาภรณ์ อันนี้คัดมาจาก wikipedia ค่ะ ; )
ขอบคุณคุณหมอที่เข้ามาแลกเปลี่ยนและเสริมเรื่องที่ดิฉันเขียนเสมอนะคะ ประสบการณ์ของคุณหมอจะได้เป็นอีกมุมหนึ่งที่ผู้อ่านได้รับไปด้วย เพราะคุณหมอน่าจะมีความรู้ทางปริยัติธรรมมากกว่าดิฉัน
เช่นเดิม ดิฉันขอตอบคุณฉัตรชัยตามบันทึกนี้ค่ะ ; )สวัสดีค่ะดิฉันไม่รู้เป็นอะไรนะคะ
เพราะว่าดิฉันเดินไปที่ไหนก็จะ
เดินไปอย่างไม่รู้สึกตัว
ใครสกิดฉันก็ไม่รู้สึกตัวเลย
อยากทราบว่าอาการอย่างนี้
เป็นอะไรคะ
สวัสดีค่ะคุณ 8. น้ำขุ่นไว้ใน
ดิฉันไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ ว่าเป็นอะไร.. เพราะเห็นบอกว่าสะกิดแล้วยังไม่รู้ตัว.. ปรกติน่าจะเหม่อลอยเวลาทำอะไรเพลินๆ คิดโน่นคิดนี่เรื่อยๆ แต่ถ้าสะกิดหรือมีคนมาทักทายก็จะหยุดเหม่อลอยได้
พยายามควบคุมสตินะคะ อย่างน้อยอย่าให้เหม่อลอยมากขนาดนี้น่ะค่ะ คนเราพลั้งเผลอขาดสติได้บ้าง แต่ถ้ามากไปจะเป็นอันตรายน่ะค่ะ
ขอให้โชคดีนะคะ