หนึ่งในเรื่องเล่าจากการทำงานของโรงพยาบาลในเตภาคใต้แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจในการทำงานในแก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และก่อให้เกิดพลังในการทำงานในอนาคต
ป้าสมศรีอายุ 50 ปี เป็นผู้ป่วยที่มาใช้บริการโรงพยาบาลทุกเดือน โดยมารับยาโรคความดันโลหิตสูงตามนัด และจะมารับยาความดันแทนคุณยายด้วยเสมอ นานๆจึงจะพายายแช่มแม่ของป้าสมสรีมาให้หมอตรวจสักครั้ง ป้าสมศรีพักอาศัยที่บ้านแม่เฒ่าที่ชรามากแล้ว อายุเกือบ 80 ปี ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง ลูกหลานคนอื่นหายไปทำงานในเมืองกันหมด
ป้าสมศรีเป็นโรคความดันโลหิตสูง มารับยาสม่ำเสมอ แต่ทุกครั้งที่ป้าสมศรีมารับยาความดันนั้น จะบ่นว่าปวดหลัง และต้องขอยาแก้ปวดทุกครั้ง ป้าสมศรีบอกว่าที่ปวดหลังไม่หายเพราะต้องยกคุณยายที่แก่มากแล้ว ยกพยุงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำบ้าง ยามานั้งเล่นนอกชานบ้าง ยกเข้ายกออกตามใจคนแก่บ้าสง เลยปวดหลังไม่หาย ซ้ำป้าสมศรียังบอกอีกว่า “ยาแก้ปวดที่คุณหมอให้ไปนั้น ป้ารู้ว่ามีโทษกัดกระเพาะและอันตราย แต่ป้าก็กินเท่าที่จำเป็น กินเว้นๆตามที่ลูกหมอสั่งอยู่แล้ว แต่ไม่กินไม่ได้ คนมันจนต้องทำงาน ต้องตัดยาง ต้องยกคุณยาย ชีวิตต้องสู้ ก็ต้องกินยาช่วยให้พอทุเลา”
ส่วนยายแช่มก็เป็นโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนั้นก็เจ็บกระเสาะกระแสะตามประสามผู้สูงอายุ หากป้าสมศรีจะพามารพ.ทุกครั้งที่แพทย์นัดก็ต้องเหมารถมา เสียเงินหลายร้อยบาท ดังนั้นเป็นที่รู้กันว่าป้าสมศรีจะมารับยาแทนทุกครั้ง เพราะมารพ.คนเดียวสามารถขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีวิตมารพ.เองได้
แพทย์ทุกคนเคยรักษาป้าสมศรีมาแล้วทั้งนั้น เวลาที่ที่เห็นป้าสมศรีเดินเข้ามาก็แทบจะขยับปากกาเขียนรายการยาได้โดยแทบไม่ต้องซักประวัติ ทั้งยาความดัน ยาคลายเครียด และที่สำคัญต้องไม่ลืมยาแก้ปวดหลังเสมอ รักษาป้าสมศรีเช่นนี้จนเคยชินนานเกือบ 5 ปี คำแนะนำเรื่องการรักษาสุขภาพสำหรับความดันโลหิตสูงนั้น ป้าสมศรีฟังจนจำได้ขึ้นใจ เพียวแต่ว่าจะทำตามหรือไม่เท่านั้น
ส่วนคำแนะนำไม่ให้ป้าสมศรียกของหนักหรือยกของให้ถูกท่าจะได้ไม่ปวดหลังนั้น ป้าสมศรีบอกว่าแกทำไม่ได้หรอก อย่างไรก็ต้องยกคุณยาย ต้องตัดยาง แพทย์เองก็ยอมแพ้ด้วยการยอมจ่ายยาแก้ปวดหลังให้ โดยที่ไม่ต้องร้องขอ แถมบางครั้งก็สั่งยาแก้ปวด ฉีดแก้ปวดหลังเข้ากล้ามเนื้อให้ด้วย
หลังจากที่ได้มีการพัฒนาคุณภาพ ทางทีมได้วิเคราะห์ปัญหาของป้าสมศรีแล้ว มีการเยี่ยมบ้านเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงและปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งถือว่ามีการนำ Core Value มาใช้นั่นคือ Management by Fact และการทำงานเป็นทีม ระหว่างทีมรักษาและทีมเยี่ยมบ้าน สาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ป้าสมศรีปวดหลังคือการยกคุณยาย จึงได้มีการนำ Walker 4 ขา มาให้คุณยายใช้พยุงตัว พอยกคุณยายให้ลุกขึ้นได้ คุณยายก็พอที่จะประคองตัวเองให้เดินไปในบ้านได้เองช้าๆ ป้าสมศรีเลยปวดหลังลดลง นั่นคือมีการนำหลักคิดการดูแลคนไข้แบบองค์รวม (Holistic) ไม่ได้ดูแลเฉพาะป้าสมศรี หรือดูแลเฉพะโรคความดันสูงที่เป็นอยู่ แต่ได้มีการคำนึงถึงปัญหาด้านอื่นๆ ของคนไข้ร่วมด้วย พร้อมทั้งได้นำหลัก Patient Focus มาใช้ซึ่งก็คือการให้ป้าสมศรีปวดหลังและใช้ยาแก้ปวดน้อยที่สุด และคุณยายสามารถดูแลตนเองได้ระดับหนึ่ง
หากเพียงเราดูแลคนไข้ทั้งคน ด้วยหัวใจ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ส่งผลให้เราชุ่มฉ่ำจิตใจได้เหมือนกัน