เรื่องราวของนศพ.วิหค อัคนี (หลายตอนจบ!)


disclaimer: ตัวแสดง ชื่อ สถานที่ ในนิยายเรื่องนี้เป็นของจริงในอีกมิติหนึ่งของการรับรู้ ดังนั้นจึงไม่มีผลทางกฏหมายในมิติแห่งฝูงแพะที่ไม่ทราบตัวตนว่าเป็นเสือแต่อย่างใด

"ก๊อกๆๆ" นศพ.วิหค อัคนี เคาะประตู บนหน้าประตูมีป้ายพลาสติกสีน้ำเงิน ตัวหนังสือสีขาวแขวนไว้ว่า "อาจารย์ที่ปรึกษา" แล้วก็มีเสียงดังออกมาจากในห้อง "เชิญจ้ะ เข้ามาได้"

นศพ.วิหคเปิดประตูเข้าไป ยกมือไหว้ "สวัสดีครับ 'จารย์"

อาจารย์เจียระไน ขยับแว่น "อ้อ เบิร์ดเองหรอกเหรอ นั่งสิ นั่งก่อนจ้ะ มีอะไรรึเปล่ามาหาอาจารย์?"

"ครับผม มีเรื่องอยากจะปรึกษาครับ"

"อืม... จ้ะ ลองเล่าให้อาจารย์ฟังหน่อยสิ"

"คือผมคิดเรื่องนี้มานานแล้วนะครับ ก่อนจะมาหาอาจารย์ ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะพอจัดการได้ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่น่าจะเหลือทางอีกสักเท่าไหร่

คืออย่างนี้ครับ ผมเดิมก็เป็นคนเรียนดีพอสมควรก่อนจะสอบเข้าแพทย์นี่ ที่สอบก็ตั้งใจสอบพอประมาณ เพราะที่บ้านก็บอกว่าน่าจะสอบเป็นหมอมาตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว ติดที่นี่ก็เลือกเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีปัญหาอะไร ตอนปีหนึ่งก็สนุกดีครับ มีอะไรทำเยอะ เพื่อนดี OK ไม่มีปัญหา แต่พอเริ่มปี 2 ก็เริ่มยังไงๆ"

"ยังไงๆ ยังไงเหรอจ๊ะ"

"มันมีวิชาอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ตอนแรกที่ entrance เข้าแพทย์มานี่ก็นึกว่าไม่ต้องเรียนแล้ว พวกสังคมศาสตร์นี่ ปรากฏว่าไม่ใช่เลย มีเต็มไปหมด ผมเรียนสายวิทย์มาก็ไม่ชอบวิชาพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อไหร่จะสอนวิชาที่ให้เป็นหมอได้ซะที ตอนนั้นก็คิดแบบนี้

แล้วก็ คือเราเรียนกันเป็นกลุ่มๆใช่ไหมครับ แล้วก็เรียนเป็นโจทย์ เป็นคนไข้ แล้วเราก็แบ่งงานกันไปหาคำตอบ หาคำอธิบาย เพื่อให้เข้าใจ แล้วอาจารย์ที่คุมก็ให้คะแนน"

"อืม.. ใช่ๆ ถูกแล้ว เราให้คะแนนกระบวนการ 50% ของคะแนนทั้งหมด"

"ครับ นั่นแหละครับ แต่พวกผมรู้สึกว่าคะแนนมันแกว่งๆยังไงก็ไม่รู้ บางทีก็รู้สึกว่าไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่พวกผมทำ หรือสิ่งที่ได้ทำตาม orientation ว่าจะต้องทำยังไง ขั้นตอนยังไง แต่รู้สึกเหมือนกับว่าคะแนนจะขึ้นอยู่กับได้ facilitator คนไหนมากกว่า"

"อืม... จ้ะ ฟังดูก็น่าเห็นใจนะ แล้วพวกเบิร์ด คิดกันว่ายังไงต่อล่ะ?"

"กลุ่มผมก็ OK นะครับ เราตกลงกันว่าจะเรียนเพื่อความรู้ก็แล้วกัน มันไม่ได้เลวร้ายขนาดจะตกหรืออะไร แต่ก็มีบางกลุ่มเขาก็ทุกข์กันมากเลย เพราะเขาเห็นเพื่อนกลุ่มอื่นคะแนนดี แต่กลุ่มเขาคะแนนมันตกฮวบทั้งกลุ่มเลย ต่อให้ทำคะแนนลงกองดี ก็ไม่ได้เกรดดีแน่ๆ กลุ่มนั้นจะมีปัญหามากกว่าผมซะอีก ตอนนั้นที่ผ่านมาเกรดกลุ่มผมก็ปานกลางน่ะครับ"

"อ้อ เหรอ งั้นก็ไม่มีปัญหาละสิ แล้วยังไงต่อล่ะจ๊ะ?"

"ตอนปี 2 ปี 3 ก็เรียนแบบนั้นมาตลอด ก็ผ่านๆกันมาได้ บางกลุ่มผมเห็นเขาใช้โพยของรุ่นพี่ เขาก็เตี๊ยมกันว่าจะพูดยังไง หาอะไรบ้าง ก็เป็นเรื่องของเค้านะครับ กลุ่มผมก็ทำอย่างที่คิดว่าใช่ก็ผ่านกันมา แต่พอขึ้นปี 4 นี่ อะไรๆมันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยครับ"

"อ้อ ยังไงล่ะจ๊ะ ที่เปลียนไป?"

"คือตั้งแต่การไปหาคนไข้แล้วครับ ปกติเราก็ได้ประวัติ ได้ผลการตรวจร่างกายมาใน scenario แต่พอเอาเข้าจริงๆ ต้องไปซักเองจากคนไข้ จากญาติ มันไม่เห็นเหมือนกันเลย คนไข้บางคนก็ไม่ร่วมมือเลย เอาแต่นอนหันหลังให้ ไปซักกี่ทีๆก็ไม่พูดไม่จา"

"อ้อ.. แล้วเบิร์ดทำไงล่ะ?"

"ผมก็ไปตั้งหลายที สุดท้าย ยังไงๆก็ต้องเขียนรายงานส่งแล้ว ผมก็เลยไปลอกมาจากประวัติที่พี่ resident เขาซักเอาไว้ เอามา discuss กันก่อนครับ แต่พอทำอย่างนั้น ตอนเช้า อาจารย์มาราวน์ ถามผมว่าได้มาคุยกับคนไข้รึยัง พอผมตอบว่าได้ประวัติจากแฟ้มเวชระเบียนก็ดุด่าผมใหญ่เลย หาว่าไม่รับผิดชอบ ไม่ยอมมารับคนไข้"

"แล้งเบิร์ดทำยังไงต่อล่ะจ๊ะ?"

"ผมก็บอกอาจารย์ไปว่า มาซักแล้ว แต่คนไข้ไม่ยอมพูด อาจารย์ก็หันไปถาม ไปคุยคนไข้ คนไข้คราวนี้ก็ยอมพูดด้วยดี อาจารย์แกก็หันมามองผม เหมือนกับว่าไม่เห็นเป็นอย่างที่ผมบอกเลย คนไข้พูดจ้อเชียว

ผมว่ามันไม่ยุติธรรม คนไข้เห็นเป็นอาจารย์ก็ยอมพูดสิ แต่เขาไม่ยอมพูดกับผมจริงๆนะครับ เพื่อนคนอื่นก็โชคดีได้คนไข้ดี ผมเจอแบบนี้มาสามสี่ราย ไม่ยอมให้ความร่วมมือทั้งนั้นเลย อาจารย์ก็หาว่าผมขี้เกียจ"

"เหรอ ทำไมเบิร์ดได้คนไข้ไม่ยอมพูดทั้งนั้นเลยหรือ?"

"ครับ ส่วนใหญ่เป็นโรคมะเร็ง โรคไตวาย โรคหัวใจ ก็น่าสนใจทั้งนั้น ผมก็อยากจะเรียนนะครับ บางทีอุตส่าห์ขึ้น ward อีกทีตอน 3 ทุ่ม จะมาซักประวัติเพิ่มเติม ก็ไม่ยอมพูดเหมือนเดิม จะขอแลกคนไข้กับเพื่อน เอาคนไข้ที่ร่วมมือดีๆมาให้ผมบ้าง เพื่อนๆก็ไม่ยอม"

"แล้ว ตกลงเบิร์ดแก้ปัญหายังไงละจ๊ะ?"

"ผมก็เอาประวัติของพี่ ของอาจารย์ใน OPD card นั้นแหละครับ อาจารย์ถาม ผมก็ตอบว่าซักเอง ก็รอดไป ไม่ต้องโดนด่า ผมก็รู้ว่ามันไม่ดี แต่ไม่ไหวครับ โดนด่าตลอดนี่ มันเซ็งมากเลย"

"อืม... ตกลงก็แก้ปัญหานี้ไปได้ ใช่ไหมจ๊ะ?"

"คือผมคิดว่าคณะฯไม่ได้ช่วยเด็กเท่าที่ควรครับ ผมจะเข้าไปซักประวัติก็สอนมาแต่การซัก แต่ไม่เห็นบอกเลยว่า ถ้าคนไข้ไม่ให้ซัก ไม่ร่วมมือจะให้ทำยังไง ตรวจร่างกายไม่ให้ตรวจจะให้ทำยังไง สอบก็บ่อย ตอนราวน์ตอบไม่ได้ก็ดุด่า หรือทำให้อายเพื่อน เดินตามราวน์ไปวันๆ ไม่เห็นจะเหมือนหมอขึ้นมาสักเท่าไหร่เลย"

"เหมือนหมอเหรอ?..... เป็นยังไงจ๊ะที่ว่าเหมือนหมอ?"

"ก็.. ก็ได้ทำอะไรแบบหมอไงครับ ก็ผมมาเรียนจะเป็นหมอ แต่นี่เอาแต่เดินตามๆไปเรื่อยๆ ดูโน้นดูนี่ อ่านหนังสือเป็นตั้งๆ ไม่ได้เขียน order ไม่ได้ทำหัตถการตั้งเยอะแยะ ตอนนี้ผมอยู่ปี 5 อีกไม่กี่เดือนก็จะจบขึ้น extern ออกไปข้างนอกก่อนด้วย ยังทำอะไรไม่เป็นเลย"

"แล้วเบิร์ดอยากจะให้อาจารย์ช่วยอะไรบ้างล่ะ?"

"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ตอนนี้เรียนไม่ค่อยทัน พยายามอ่านให้เยอะที่สุด แต่ก็ไม่เห็นจะเข้าใจ case ที่อยู่ใน รพ. เลย อุตส่าห์นั่งอ่านในห้องสมุดจนปิด อ่านต่อที่หอ แล้ว ก็ยังจำ clinical ของโรคต่างๆไม่ค่อยได้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะไปกินข้าวกับแฟนผม เพราะอยู่กันคนละ block กัน เวลาไม่ตรงกัน นี่ถ้าไม่เกรงใจพ่อแม่ล่ะก็ อยากจะลาออกไปซะเลย"

ทำยังไงดีล่ะ อาจารย์เจียระไน

 

หมายเลขบันทึก: 88692เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2007 11:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
โอ๊ะ โอ....เห็นตัวอย่างมาแล้วจริงๆค่ะ ต้องหาทางกันจริงๆจังๆแล้วล่ะนะคะ เราทำได้แน่ๆ
รอตอนสองอยู่ครับ

บังเอิญมาก กำลังไล่หัวข้อที่อาจารย์เขียน อยากจะหาเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ไล่ดูหัวข้อมาเรื่อย ๆ เจอเรื่อง นศพ.วิหคอัคนี ที่บอกว่าหลายตอนจบ เลยแวะอ่าน เพราะไล่จากปัจจุบันย้อนอดีต ไม่พบหัวข้อนี้ ตอนที่สอง อ่านจบ เห็น comment ข้างบนก็ถึงบางอ้อว่า เคยรอตอนที่สองมาสิบปีแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท