เมื่อมิสเตอร์ช่วยต้องหามตัวเองส่งโรงบาล ครั้งแรกในเยอรมัน


ผมเอายามาทานอยู่ก็ไม่ลดอาการลงแต่อย่างใด รุ่งเช้า ก็เข้าไปพบคุณหมอ แล้วก็ตรวจเลือด ให้เลือดไปสามหลอดครับ แล้วก็กลับบ้าน มาพักต่อ แล้วรอไปฟังผลเลือดอีกสองวัน

สวัสดีครับ

          เหตุการณ์นี้เมื่อเกิดเมื่อ ปลายเดือน สิงหาคม 2549 วันนั้นพอดีเป็นช่วงของการแสดงสินค้าของแต่ละประเทศ นำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาจัดแสดงเพื่อหาผู้ค้าขายร่วมธุรกิจของนักธุรกิจทั่วโลก โดยจัดงานขึ้นที่ นครแฟรงค์เฟิร์ท ประเทศเยอรมนี

         ทางกลุ่มผู้ผลิตสินค้าไทย ก็มากันเยอะมากเลยครับ จากการบอกเล่าของพี่ๆ ว่าเมื่อจัดแสดงงานแสดงสินค้าแล้วตัวอย่างสินค้าเหล่านั้นก็จะทิ้งหรือขายทิ้งในราคาถูก แล้วพี่สาวของผมก็เลยชวนไปประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อหาผู้แสดงสินค้าไทย เข้าร่วมโครงการโดยพวกเราจะขอรับบริจาคสินค้าเพื่อเอาสินค้ามาขาย แล้วเอาเงินที่ได้สมทบทุนเข้าสู่โครงการบริจาค ที่ทางกลุ่มพวกเราทำกันอยู่ (http://www.schuai.net/borijak) โดยเงินรายได้จะส่งน้องๆ เรียน ม.ต้น แถบทางอีสานตอนใต้

        วันนั้นก็มีหลายร้านครับ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าทางภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ครับ และอีกหลายๆ ร้านครับ และวันสุดท้ายพวกเราก็เตรียมตัวกันไปเพื่อเตรียมตัวขนสินค้า ได้แก่ผลิตภัณฑ์ไม้ เปลือกไม้ ไม้ไผ่ ตะกร้า หมอน เครื่องประดับเข็มกลัดเสื้อ และหลายๆ อย่างครับ (ขอบพระคุณทุกห้างร้านมาอีกครั้งครับ)

         วันนั้นผมรู้สึกแปล๊บๆ แสบท้องๆ แต่ก็ทานอาหารปกติครับ วันนั้นยกของ แบกของกันสนุกสนาน แต่ท้องก็แสบๆ เป็นช่วงๆ แต่ก็ทนครับ เพราะว่ากะว่ากลับมาหอพักก็คงไม่มีปัญหา ทานข้าวก็คงเรียบร้อย ขนของกันตั้งแต่สองทุ่ม กว่าจะได้กลับถึงบ้านก็สนุกจริงๆครับ ประมาณ ตีหนึ่งกว่าๆ กับน้องชายอีกท่านหนึ่งครับ

          กลับมาบ้านก็ทานข้าว กะว่าพรุ่งนี้คงหายแสบท้อง คิดว่ากระเพาะคงเล่นงานแน่ๆ เพราะปกติหากรู้สึกแบบนี้ก็จะหายในมื้อถัดไป ก็เลยรอดูอาการหนึ่งวันเต็มๆ แล้ววันถัดมาก็ไม่หายปวด ระดับการปวดมันจะปวดคงที่ พอมีคลื่นในท้องครั้งใดระดับการปวดก็จะสูงขึ้นแล้วลดไปปวดระดับปานกลางคงที่ต่อ

          ก็เลยโทรไปหาหมอท่านหนึ่ง คลีนิคหมอปิดเวลาทำการแล้ว แต่ผมโทรเข้าหาเบอร์มือถือหมอ แล้วคุณหมอบอกว่าให้ไปซื้อยาสองชนิด ท่านบอกว่าให้บอกเจ้าหน้าที่ที่ร้านขายยา ว่าได้โทรมาปรึกษาหมอแล้ว แล้วทางร้านจะให้ยา (ทางเยอรมัน จะต้องมีใบสั่งยาครับ ถึงจะซื้อยาได้จากร้านขายยา แล้วคลีนิคไม่มีการขายยา ครับ เมื่อเข้าโรงพยาบาลหรือว่าคลีนิค ต้องเอาใบสั่งยา ไปซื้อยาเองอีกทีหนึ่งครับ ถึงจะได้กินยา ต่างจากเมืองไทยที่ทุกอย่างเสร็จสรรพในโรงพยาบาลหรือคลีนิค) และแล้วผมก็ไปร้านขายยา แล้วทางร้านก็ให้ยามา พร้อมบอกว่าได้โทรหาหมอที่แนะนำแล้ว เค้าจ่ายยาให้เพราะเค้ารู้จักทางคุณหมอครับ

         ผมเอายามาทานอยู่ก็ไม่ลดอาการลงแต่อย่างใด รุ่งเช้า ก็เข้าไปพบคุณหมอ แล้วก็ตรวจเลือด ให้เลือดไปสามหลอดครับ แล้วก็กลับบ้าน มาพักต่อ แล้วรอไปฟังผลเลือดอีกสองวัน

         แล้วก็อาการไม่ดีขึ้นเลย วันนั้นหมอเลยทำใบส่งตัว เข้าไปยังโรงพยาบาลผ่าตัด ก็เดินเข้าโรงพยาบาลแบบทั้งปวดๆ ตึงๆ นั่นหล่ะครับ ไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าลงทะเบียนแล้วรอเรียกชื่อตรวจครับ (ทางเยอรมันปกติ ผู้ป่วยต้องไปพบหมอคลีนิคก่อน หากมีปัญหาก็ค่อยส่งโรงพยาบาล เว้นแต่กรณีฉุกเฉินที่กรณีหนัก และต้องนัดก่อนสำหรับกรณีทั่วไป ดังนั้นทางที่ดีอย่าได้คิดจะป่วยจะเป็นการดีมากครับ)

         วันนั้นไปถึงตอนบ่ายโมง รอตรวจแล้วก็เจาะเลือดไปอีกรอบ สามหลอด รอผลเลือดตอนนั้น อีกไม่นานผลเลือดก็ออก แล้วก็รออีกไม่นานก็ไปเข้าตรวจเช็คถ่ายภาพเอ็กเรย์ แล้วรอผลตรวจ

         ผลตรวจของเอ็กเรย์ ก็ไม่ได้บอกอะไรได้มาก ก็เลยส่งไปฝ่ายตรวจอุลตร้าซาวนด์ ก็เดินขึ้นไปหาหมอ แล้วก็ตรวจ และรอผล ผลปรากฏว่าบอกข้อมูลไรได้มีดีเท่าที่ควรว่าเกิดอะไรขึ้น

         คราวนี้ครับท่าน คุณคิดว่าผมจะถูกส่งไปไหนต่อครับ วันนี้แบบว่ายังไงก็เอาครับ พรุนแน่ คงต้องตรวจกับแหลกลาญไปฝ่ายหนึ่งครับ เอาไงก็เอา

         ผมถูกส่งต่อไปยังห้องตรวจซีทีสแกน ครับ สแกนตรวจมันทั้งระบบท้องไปเลยครับ แต่ก่อนจะได้เข้าการรับการตรวจนะครับ มีหมอท่านหนึ่ง มาทำความเข้าใจก่อนหลายอย่าง สอบถามอาการแพ้และหลายๆ อย่าง เงื่อนไขต่างๆ เรื่องปัญหาหรือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะการทำซีที ต้องมีการฉีดสารเข้าสู่ร่างกายด้วย เพื่อให้ดูระบบโครงสร้างในร่างกายที่ชัดเจนขึ้น ได้แก่พวกไอโอดีน

         และในที่สุด ผมต้องตัดสินใจว่าจะตรวจหรือไม่ตรวจ หากตรวจก็คือลงลายมือชื่อ ครับเพื่อยินยอมว่าหากเกิดอะไรขึ้น ข้าพเจ้าจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าครับ

         และแล้วก็เปลี่ยนชุดสีเขียวๆ ตามรูปแบบครับ เนื่องจากระบบที่ผิดปกติอยู่ในระบบท้อง สิ่งที่ต้องทำคือการฉีดน้ำเข้าทางก้นเพื่อทำให้ระบบลำไส้เต่งและตรวจสอบระบบที่เกิดปัญหาได้ง่ายขึ้น

         หมอบอกว่าหากทนความดันไม่ไหว ก็ราดได้เลย หมอบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก และแล้วหมอก็ปล่อยน้ำเข้าไป จนความดันขึ้นจุดสูงสุดที่ทนไม่ได้ก็จะหยุด แล้วต้องอั้นเอาไว้ครับ แล้วนอนหงายปกติครับ จากนั้น ก็มีการทำการทดสอบหนึ่งรอบเพื่อจะจำลองการสแกน ก่อนจะสแกนจริง

         แล้วจากนั้นก่อนการสแกนจริง (ตอนนี้นอนราบอยู่ในรางเพื่อจะให้รางวิ่งเข้าไปในช่องโดนัท (ท่านคงจินตนาการเครื่องซีทีสแกนกันออกนะครับ) คุณหมออีกท่านก็บอกว่า ตอนนี้สารเคมีจะโดนปล่อยเข้าร่างกาย เข้าทางสายเลือดที่เปิดรอยแผลไว้ตั้งแต่การตรวจเลือดในตอนต้น จากนั้นละคุณเอ๋ย เกิดอะไรขึ้นกับตัวผมเนี่ย

         ร่างกายผมร้อนมากครับ หมอก็บอกว่าไม่ต้องตกใจ ไม่มีปัญหา อุณหภูมิจะสูงขึ้น เป็นปกติ คุณเชื่อไหมว่า สารเคมีมันไหลเข้าเส้นเลือดวิ่งเข้าหัวใจ แพร่ไปทั่วหมดเลยตามร่างกาย แล้ววิ่งขึ้นไปบนลำคอ แล้วรู้ได้เลยว่าตอนนี้กำลังวิ่งขึ้นสมอง ตื้อไปทั้งหัวเลยครับ แม้แต่ปลายลิ้นในปาก คือรู้สึกถึงกลิ่นของสารเคมีได้เลยครับ ว่ากลิ่นภายในปาก คือสารเคมีเต็มๆครับ

         เมื่อสแกนด้วยรังสีเอ็กซ์ จากบริเวณอก วิ่งไปยังสะโพก เพื่อจะดูทั้งท้องครับ ในที่สุดก็ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี หมอบอกว่าเก่งมาก สงสัยคงเก่งมากที่ผมไม่ราดออกมา เพราะน้ำเต็มลำไส้เลยครับ แล้วก็ต้องไปปล่อยน้ำทิ้งในห้องน้ำครับ คือกว่าจะเรียบร้อย เข้าห้องน้ำอยู่ประมาณ สี่ห้ารอบครับ

         แล้วกระหายน้ำมากๆ ต้องดื่มน้ำกันเป็นว่าเล่นครับ เพราะต้องขับสารเคมีนั้นออกจากร่างกาย ดื่มน้ำอย่างเดียว ดื่มให้มากๆ จนกว่าจะปกติแล้วสารเคมีนั้นสามารถขับถ่ายได้ผ่านทางระบบปัสสาวะ

         และแล้วตอนเย็นของวันนั้น หมอหลายๆ ท่านก็สรุปแล้วบอกว่า ตอนแรกเราเครียดนะว่ากรณีของคุณต้องหนัก และมีปัญหา แต่เราสแกนแล้วตรวจเช็คแล้ว เราเจอแค่ รอยแผลอักเสบเล็กๆ ในท้องเท่านั้น แต่หากคุณอาการไม่ดีขึ้น เราจะส่องกล้องเข้าไปพรุ่งนี้อีกรอบ

        โอ้โห จะส่องกล้องผมอีกหรือครับ หายเถิด คงเจ็บและปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว เพราะตอนที่โดนส่องกล้องเข้าทางปาก ตอน ป.โท ตอนดื่มน้ำกรดเข้าไป ก็อาการหนักแล้ว จะได้ส่องอีกรอบตายแน่ข่อย แต่หากส่องใหม่ครั้งนี้ต้องส่องมาจากทางด้านล่าง

        แล้ววันนั้นหมอบอกว่ากลับบ้านได้ ไม่น่าเป็นห่วงมาก ให้ไปซื้อยาปฏิชีวนะมาทาน อิๆ แบบแผนเดิมครับท่าน คือต้องไปหาซื้อยาเองอีกครับ ที่ร้านขายยา อิๆ คือดูระบบแล้วเนี่ย ผู้ป่วยไม่อยากป่วยเลยหล่ะครับ เพราะด้วยเพราะกว่าจะได้กินยา อิๆ เดินไปเดินมาอยู่นี่หล่ะ และไม่ได้อยู่กันใกล้ๆกับโรงพยาบาล

        แล้วก็กลับบ้าน มาทานยาแล้วดูอาการครับ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปตรวจเลือดอีกรอบ พร้อมเช็คอาการอีก สรุปว่า อาการดีขึ้นมากครับ แล้วระบบเลือดก็โอเค หมอเลยบอกว่าไม่ต้องส่องกล้อง หากอาการดีขึ้น หมอเลยส่งตัวกลับไปยัง คุณหมอที่คลีนิคในเบื้องต้น

        แล้วก็ต้องนัดคุณหมอใหม่เพื่อ ไปทำการสรุปผลอีกรอบครับ แล้วแถมเลือดอีก สามหลอด ให้ไปตรวจกัน แล้วนัดอีกสองวัน มาฟังผลเลือดครับ เพราะว่าเลือดจะถูกส่งไปตรวจวิเคราะห์ที่อื่นอีกที แล้วส่งผลมาให้คลีนิค ซับซ้อนดีไหมครับท่าน

        แล้ววันนั้น ก็ไปอีกทีฟังผล หมอท่านก็บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร แต่ท่านบอกว่าจากผลเลือดเหมือนจะมีปัญหาเกิดจากตับอ่อน ช่วงนั้นผมก็ค้นหาแต่รายละเอียดและหน้าที่เกี่ยวกับตับอ่อนใหญ่เลย กินอาหารบำรุงตับกันจัง อิๆ

        และแล้วอาการก็ดีขึ้น ในสองอาทิตย์นั้น ก็เหมือนหายไปเลย ทั้งๆ ที่ทานแต่ยาปฏิชีวนะ คราวนี้ต่อไปก็รอลุ้นแต่ ใบเสร็จค่าตรวจทั้งหลายครับ เพราะกะไว้แล้ว ว่าค่าตรวจคงแพงหูฉี่อยู่แล้ว ประกอบกับทำประกันสุขภาพไว้กับบริษัทเอกชนด้วย ก็คงได้รับการจ่ายตอบแทน ไม่ครบทั้ง 100% เป็นแน่

        รอใบเสร็จด้วย และรอตรวจเลือดครั้งสุดท้าย เพราะหมอต้องการจะเช็คเลือดอีกรอบเพื่อตรวจสอบอีกรอบครับ

        และแล้วใบเสร็จค่าตรวจ ค่าเครื่องมือ ค่าตรวจเลือดก็เริ่มมาหา แต่ใบเสร็จจากโรงพยาบาลผ่าตัดยังไม่มา เลยต้องไปตามเดินเรื่องเองอีกครับ แล้วก็ขอข้อมูลการสแกนท้อง ซะด้วยเลย ไหนๆ ก็แพงแล้วเอาข้อมูลมาแสดงผลดูในท้องเราซะเลย พอดีตอนนั้นผมก็ทำวิจัยเกี่ยวกับการใช้ ซีทีสแกนต้นไม้อยู่ด้วย เพื่อตรวจสอบการเจริญเติบโตของรากต้นไม้อยู่ด้วยครับ สแกนอยู่หลายสิบครั้งครับ สงสัยเป็นกรรมสนองกรรมครับ เพราะเคยสแกนต้นไม้มาหลายครั้ง มาครั้งนี้ก็ต้องโดนสแกนเองบ้าง อิๆ

        และแล้วก็ได้ข้อมูลมาวิเคราะห์ดูท้องตัวเองด้วย อิๆ ทำไรไม่ได้มากครับ เพราะไม่มีความรู้ แค่เอาไว้ดูชั้นไขมันและลำไส้ กระดูก ชิ้นส่วนต่างๆ ในพุงเป็นครั้งแรก

        และแล้วในที่สุด ค่าตรวจก็มาหาครับหลังจากไปตามมาอีกรอบ ผลการตรวจรวมกันทุกอย่างแล้ว อยู่ประมาณ 850 ยูโร ครับ คิดว่าคงหายเลยครับ จะไม่ปวดอีกครับ แต่ว่าทำใจไว้แล้วหล่ะครับ อิๆ

       และก็ส่งใบเสร็จไปให้ทางบริษัทประกัน และหนึ่งเดือนต่อมา บริษัทประกันใจดีที่สุดครับ จ่ายไปให้ 797 ยูโร เราจ่ายเองไม่เท่าไหร่ครับ โชคดีจริงๆ เลยครับ สงสัยเพราะว่าฉุกเฉิน (หากเป็นประกันของรัฐบาล เค้าจะจ่ายให้หมดเลยครับ)

       หลังจากนั้นมา ผมอาจจะปวดบ้างเป็นบางคราว คือรู้ตำแหน่งจุดศูนย์กลางครับ ว่าอยู่ตรงไหน ตอนนี้ก็ต้องดูแลสุขภาพกันหน่อยครับ และระบบการรักษาที่นี่ก็แพงสุดๆ อยู่แล้วครับ ดังนั้น การไม่ป่วยคือลาภอันสุดจะประเสริฐครับ

ขอบคุณมากครับ ที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้ คิดว่าน่าจะ ได้สามสี่หน้ากระดาษเอสี่ครับ

มิสเตอร์ช่วยครับ

หมายเลขบันทึก: 87674เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2007 06:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

ยังไม่นอนเหรอคะ..รูปสแกนพุงสวยมั้ย ?..หมอเค้าตรวจละเอียดและชี้แจงขั้นตอนได้ชัดเจนดีนะคะ การชี้แจงทุกขั้นตอนทำให้หายกลัวหรือยิ่งกังวลมากขึ้น ( ถึงค่าใช้จ่าย อิ อิ ) ^ ^

P

สวัสดีครับคุณเบิร์ด

  • ยังไม่นอนเลยครับผม
  • สวยเลยครับผม หุ่นปีสุดๆ ครับ กระดูกนี้เรียงกันสวยงามครับ
  • ใช่ครับ หมอเล่นวิเคราะห์กันให้เห็นกันเป็นฉากๆ ครับ คือเค้าจะบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ตรงไหนเป็นอย่างไร
  • สนุกดีครับ ได้ประสบการณ์ครับ ว่าแต่ว่าอ่านบทความผมเหนื่อยไหมครับ ไม่ได้ใส่ลูกเล่นอะไรในบทความเลยครับ อิๆ
  • ส่วนค่าใช้จ่ายเห็นแล้ว ยอมครับแบบว่า ไม่กล้าป่วยอีกครับ
  • คราวนี้พอปวดท้องขึ้นมาก็หากไรทานก่อนเลยครับ
มีคนรอให้ช่วยอยู่ค่ะhttp://gotoknow.org/blog/mindfulness/87641 เค้าสงสัยถึงปรากฎการณ์ดวงจันทร์เมื่อคืน..มนุษย์ต่างดาวคงต้องช่วยแล้วค่ะ

สวัสดีครับพี่เม้ง

ดูแลรักษาสุขภาพดีๆนะครับพี่ ขอให้หายวันหายคืนครับ

P

สวัสดีครับคุณเบิร์ด

  • งานนี้มนุษย์ต่างดาวช่วยไม่ได้แน่เลย อิๆ เพราะไม่ถนัดครับ คงต้องรอนักดาราศาสตร์ครับ ผมช่วยได้แต่ภาพดาวเทียมครับ หากมีภาพอาจจะนำมาวิเคราะห์กันได้ครับ
  • แต่เหมือนว่าทางใต้ เหนือ อีสาน เห็นคล้ายๆ กันแสดงว่า มีอะไรให้น่าคิดครับ
  • อิๆ มีความสุขในวันวันหยุด ที่ไม่หยุดคิด นะครับ
P
  • สวัสดีครับน้องต้น
  • ตอนนี้ดีขึ้นนะครับผม นานๆ ปวดซักทีครับ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ครับ
  • อาจจะไม่เคยแบกของหนักก็ได้ครับ หรือว่าสิ่งอื่นครับ งงๆ เหมือนกันครับ
  • ขอให้ได้งานเยอะๆ นะครับ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะน้องชาย

โรคกระเพาะอักเสบและมีแผลในกระเพาะนี่   เป็นแล้วไม่หายขาดหรอกนะคะ  เพราะเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมค่ะ  ยังไงต้องดูแลตัวเองและปรับพฤติกรรมด้วยจ้ะคนดี

พี่หนิงก็เคยมีประสบการณ์ปวดกระเพาะมากค่ะๆ  โดนกลืนแบเรียมด้วย  หุหุ  กว่าจะรู้ว่ามีแผลเหมือนกัน  ก็แหวะๆ  ...พอนึกถึงแล้วจะ...

P

สวัสดียามเช้าครับพี่หนิง

  • ผมกังวลว่า จะเป็นในส่วนตับอ่อนครับ เพราะเหมือนที่ไปอ่าน เค้าบอกว่า ตับอ่อนจะผลิตน้ำย่อยออกมาแล้วส่งออกไปยังลำไส้
  • สงสัยไม่มีอะไรย่อย มันไปย่อยลำไส้แทนหรือเปล่าหนอ
  • เพราะที่เช็คเลือดเหมือนว่าลักษณะมันจะเป็นค่าที่เกินปกติเค้าบอกว่างั้นครับ แต่หมอไม่ชัวร์ครับ สงสัยต้องไปเช็คเลือดอีกรอบครับ
  • แล้วแบเรี่ยมเป็นอย่างไรบ้างครับ 
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ

 

แบเรียม เป็น สารทึบแสงค่ะ  เอาไว้ให้เรากลืนไป  เพื่อจะได้ถ่ายภาพรังสีของทางเดินอาหารได้ชัดๆ แต่พะอืดพะอมมากกกกกกกก

น้ำย่อย และสภาพกรดในทางเดินอาหารค่ะ  ที่ทำร้ายเยื่อบุทางเดินอาหารของเรา  ทำให้เป็นแผลถลอก เพราะทางเดินอาหารจะมีการบีบรัดหรือเคลื่อนที่อ่ะนะ  พอไม่มีเยื่อเมือกที่บุช่องทางไว้ก็เหมือนไม่มีอะไรหล่อลื่นอ่ะค่ะ ก็จะถลอกได้ง่ายๆ  และเมื่อถลอกเป็นแผลแล้ว  พอเจอของเหลวที่มีสภาพเป็นกรดอีกก็ยิ่งปวดแสบปวดร้อน 

อาจารย์เคยลองขยี้พริกทาแก้มตัวเองป่าว  แสบใช่ไหมคะ  เยื่อบุทางเดินอาหารบอบบางกว่าแก้มเราอีกค่ะ (ลักษณะเป็นเหมือนขนอ่อนๆโบกไหวๆ) แล้วเราหละ...วันๆ  กินอาหารอะไรเข้าไปบ้าง... 

ตามใจปากแต่ต้องดูแลกระเพาะ(ทางเดินอาหาร)ด้วยนะคะ ^__*  เพราะตลอดช่วงอาหารอยู่ในทางเดินอาหารประมาณ 4- 6 ชม.  แต่อยู่ในปากแป๊บเดียวเองค่ะ...

ไม่ใช่แค่ไม่มีอาหารให้ย่อยหรอกค่ะ  (ทานอาหารไม่เป็นเวลา)  อาหารที่ส่งเข้าไปมีสภาวะเป็นกรดมากๆ (อาหารที่มีรสจัด)ก็ด้วยค่ะ

แต่พี่หนิงเองก็ทำผิดกับเขาทั้งสองอย่าง  แย่จังเนอะ

P
  • โหพี่สาวพูดได้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
  • ไม่อยาก อม แบเรี่ยมครับ ยอมแพ้ครับผม
  • ผมยิ่งเอาพริกใส่ไปให้กระเพาะบ่อยๆ ครับ แย่เลยครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับผม

คุณเม้งต้องดูแลสุขภาพมากๆครับ โดยเฉพาะอยู่ต่างแดนที่ไม่ใช่บ้านเรา

เพราะกว่าจะ Diagnosis โรคเราได้ ก็เล่นเอาเกือบแย่เลยนะครับ ...ผมอ่านไป คิดตามไป ก็เสียวๆครับ กลัวจะได้โรคใหม่จากการวินิจฉัยของแพทย์

ดูแลตัวเองดีที่สุดครับ

ก็ฝากจันทร์ ดูแล คนไกล  ...(ตามเพลงที่ไพเราะ)ด้วยละกันครับ

น้องเม้งคะ

เมื่อคืนเรานั่งรอมิสเตอร์ช่วย มาช่วยเรื่องปรากฏการณ์ดวงจันทร์ค่ะ

แต่ตอนนี้ เราต้องช่วยกันให้กำลังใจมิสเตอร์ช่วยก่อนว่า ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ทานอาหารให้เป็นเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ ลดอาการเครียดลงด้วย (สิ่งที่จะช่วยลดอาการเครียดอีกทางคือ ลดอาการคิดถึงพวกเราชาว G2K ให้น้อยลง ฮา....)

ดูแลตัวเองนะคะ

ขอมีความสุขค่ะ

แล้วไอ 850 ยูโรมันกี่บาทไทยหละรับ
  • 850 ยูโร x 50  หรือเปล่าคะพี่เม้ง
  • ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ เพราะเห็นไม่ค่อยยอมนอนเลย....

หวังว่า คุณเม้ง ของเรา คงไม่ถูกหามเป็นครั้งที่ 2 นะคะ

ดูแลสุขภาพ และอาหารการกินด้วยนะคะ อยู่ไกลก็แบบนี้แหละ  ยิ่งไม่มีสาวไหน ตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด

 

P

สวัสดีครับคุณเอก

  • ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วงครับ ตอนนี้ก็ดูแลครับผม
  • ให้คุณเอกมีกำลังใจในการทำงานและมีชีวิตที่ดีตลอดไปครับ
P

สวัสดีครับพี่สาว

  • เข้าไปดูแล้วครับผม ครั้งหน้าแจ้งไว้ที่คำถามนะครับ จะได้รวดเร็วทันใจครับ เผื่อนั่งอยู่หน้าจอครับ
  • ขอบคุณมากนะครับผม จริงๆ ก็ไม่ได้เครียดอะไรครับ แต่สงสัยจะเครียดแบบไม่รู้ตัว เห็นบางคนบอกว่า เครียดแบบไม่รู้ตัวว่าเครียด
  • รักษาสุขภาพเช่นกันนะครับ
P

สวัสดีครับน้องภัทร

  • หนึ่งยูโร ก็คง 45-50 บาทไทยครับ ไม่ได้เช็คมานานแล้วครับ แต่ทางประกันจ่ายให้ครับ แค่นี้ก็บุญแล้วครับ
  • โชคดีนะครับ
P

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า

  • ครับผม ประมาณนั้นครับ
  • เคยได้ยินข่าวเมืองไทย ว่าการสแกนด้วย ซีที ก็ค่อนข้างบูมเหมือนกันนี่ครับ แต่ค่าใช้จ่ายสูงครับ
  • หากทำ MRI ก็ราคาจะสูงขึ้นอีกครับ
  • ขอบคุณมากครับ เวลาไทยเยอรมันต่างกัน ห้า ชั่วโมงครับ ตอนนี้ (ครึ่งปีในโซนของหน้าร้อน)
  • ปกติก็นอน ไม่เกินตีสองครับ อยู่ที่ว่าภารกิจจะต่อเนื่องหรือเปล่า แต่ไม่โต้รุ่งทุกคืน แน่นอนครับผม
  • โชคดีในการทำงานครับนะครับ
P

สวัสดีครับพี่สาวแป๊ด

  • ครับ คงไม่หามครับผม เพราะว่าหากหามด้วยรถฉุกเฉิน ก็ต้องจ่ายกี่ ร้อน ยูโร ครับ อิๆ
  • ดังนั้น หามตัวเองเข้าโรงบาล เองดีกว่าครับ
  • การไม่มีโรค แต่มีโลก เป็นลาภอันประเสริฐ ดังนั้น ขอให้รักษาโลกนี้ไว้เพื่อลดโรคที่จะเกิดกับคนในโลกนี้ครับผม
  • โชคดีนะครับ

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

         เข้ามาตกใจนึกว่าตอนนี้ โธ่ ผ่านมาแล้ว แต่ก็ดูแลสุขภาพดี ๆ นะค่ะ เห็นเฝ้าหน้าจอทุกวันเลย อย่าแว้ป ไปแว้ปมา เป็นนินจาก็แล้วกัน ฮิๆๆๆๆ

P

ขอบคุณมากครับคุณราณี

  • ขอเป็นชิชิมารุ ครับผม ไม่เป็นนินจาฮานามิ (อิๆ)
  • โชคดีในการทำวิจัยด้วยครับ
  • อ่านตอนแรกตกใจหมดเลย..นึกว่าคุณเป็นอะไรซะอีก
  • คิดว่า....เพียงไม่ค่อยได้เข้ามาคุยด้วย...เพื่อนๆนอน รพ.ซะแล้ว..ที่แท้เป็นเมื่อปีที่แล้ว....เฮ้อ..โล่งอกค่ะ
  • ...ดิฉันเคยแนะนำน้องชาย..เขาปวดท้องมาก..ให้ทานAlum Milk สลับกับนม..ทุก 3 ชม....ได้ผลแฮะ....แต่วิธีนี้โบราณแล้วค่ะ
  • ....อยู่ไกลบ้าน...ดูแลสุขภาพด้วยค่ะคุณเม้ง....เป็นห่วงค่ะ
P

สวัสดีครับพี่กฤษณา

  • ขอบคุณมากนะครับ ที่เป็นห่วงครับ
  • ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วครับ อาจจะนานๆ ทีครับ ที่จะหนืดๆ บ้างครับ
  • รักษาสุขภาพเช่นกันนะครับ

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

  • ครูอ้อย random ด้วยตัวเองไปเจอชื่อบันทึกนี้...ต๊กกะใจหมดเลยค่ะ

รักษาสุขภาพนะคะ

P

สวัสดีครับคุณครูอ้อย

  • สบายดีนะครับ ขอบคุณมากๆนะครับ
  • ขอให้คุณครูมีความสุขมากๆ นะครับ

เล่าได้ละเอียดและเห็นภาพมากครับ นี่ขนาดป่วยนะยังเก็ยรายละเอียดได้ขนาดนี้...

แต่ว่าถ้าเลือกได้ไม่ป่วยดีกว่า...

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐครับ...

P

สวัสดีครับคุณดิเรก

  • คืออาการแค่ปวดท้องนะครับ รายละเอียดเลยต้องทราบ แบบว่าไม่อยากจะโดนผ่าตัดครับ เพราะว่าหากผ่าตัดคงวุ่นแน่ๆ เลยครับ
  • ประมาณว่า ไม่อยากโดนชำแหละครับ หากเจอจริงๆ ก็ต้องยอมหล่ะครับ หากไม่โดนก็คงจะดีกว่าครับ
  • ใช่แล้วครับ เลือกไม่ป่วยดีกว่าครับ จ่ายแพงแต่ไม่เป็นอะไรมากก็ยอมครับ ขอไม่คุ้มค่ารักษาครับ
  • โชคดีในการทำงานนะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท