เอดส์....บทเรียนของชีวิตที่เหลืออยู่....เพื่อใคร?


ยอมรับจุดจบของชีวิต

       ฟางเส้นสุดท้ายเป็นคำเปรียบเปรยถึงการหมดที่พึ่งของชีวิต ซึ่งเดินมาถึงทางตัน แต่ก็ยังไม่ละโอกาสที่จะมองหาทางรอด โรคเอดส์ไม่เคยปราณีใคร ไม่ว่าคุณอยากตายหรือไม่ก็ตาม มันก็ทำงานของมันอย่างสม่ำเสมอ จนถึงวาระแห่งการแพ้ทั้งกายและใจ

       ฉันได้มีโอกาสไปสัมนาที่เพชรบูรณ์และได้แวะเยี่ยมวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นวัดที่บำบัดคนไข้โรคเอดศ์ระยะสุดท้าย การไปเยี่ยมชมวัดครั้งนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นในจิตใจ

       คนไข้ที่มารับการบำบัดที่วัดนี้ ต่างคนก็มาด้วยความหวัง ทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีก แต่ก็พยายามเพื่อที่จะอยู่   คนป่วยก็มีสภาพน่าสังเวชใจยิ่งนัก มีแต่ซี่โครง ผอมดำมีแต่แผลเต็มตัว มีแต่ลูกตาเท่านั้นที่ยังแสดงให้เห็นว่า เขายังคงมีชีวิตอยู่มีจิตใจเหมือนคนอื่นๆ ชีวิตน่าสงสาร การเป็นโรคเอดส์ทำให้คนอื่นก็รู้สึกกลัวติดโรคและรังเกียจ  แต่เด็กๆที่ติดโรคนี้มาจากพ่อแม่ยิ่งน่าสงสารมาก เขาต้องคอยดูเพื่อนๆของเขาตายทีละนและเผาศพเพื่อนๆและคงนึกถึงตัวเองบ้างเหมือนกัน รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา โดยไม่รู้ว่าความตายจะมาเยือนเมื่อไหร่ แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยความหวัง

       ท่านธรรมรักษ์ หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดนี้ บารมีท่านสูงส่งมาก ไม่รังเกียจผุ้ป่วยโรคเอดส์ให้ทั้งความรักและกำลังใจพร้อมกับสอนธรรมะเพื่อจะได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ช่วยปิดตาให้ตอนเสียชีวิตทุกคน ท่านมีเมตตากับทุกคนมาก รวมทั้งแบกภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากของวัดทั้งชีวิตท่านอุทิศให้ผู้ด้อยโอกาส สิ้นหวังและหมดที่พึ่งทางใจในชีวิต ให้อยากอยู่ต่อและเห็นความเป็นจริงของชีวิต

      ทุกคนก็พยายามอยู่ด้วยความหวังทั้งๆที่ชีวิตเหมือนวางไว้บนเส้นด้าย รอวันตาย...อะไรหนอ? คือความหวังของพวกเขา มีคนจากที่อื่นๆแวะเวียนไปเยี่ยมเยือนและบริจ่าคช่วยเหลือด้านสิ่งของ และการเงิน กลุ่มของพวกเราก็เช่นกัน

      ตอนกลับแวะไปดูศาลา 5 ซึ่งเป็นเหมือนพิพิธภันฑ์มนุษย์ เพื่อประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่า ช่วยเตือนสติคนที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นศาลาที่วางศพของผู้บริ่จาคร่างกายที่ตายแล้ว เพื่อเป็นอุหรณ์แก่คนรุ่นหลังในการใช้ชีวิต เนื่องจากความรักในหลายรูปแบบ ศพเด็กก็มี คนหนุ่มก็มี คนสาวก็มี คนแก่ก็มี สุดท้ายมีแต่หนังหุ้มกระดูกที่แห้งไว้ดูเป็นแง่คิด

     ทุกคนพยายามที่จะอยู่ให้ได้  แม้ว่าเขาจะต้องตายเร็วกว่าคนอื่น สิ่งที่ยึดใจเขาได้จนมีสติ ยอมรับมันก็คือธรรมะจากหลวงพ่อที่สอนและธรรมะจากชีวิตเพื่อนๆเขาที่ทยอยตายไปนั่นเอง

       คนปกติอย่างเราๆ ไม่ควรจะประมาทในชีวิต อยากให้อ่าน ทดลองตายมาแล้ว..อยากเล่า  เพื่อเป็นอุธาหรณ์ จะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และควรระมัดระวังในการใช้ชีวิตไม่ให้คนรักหรือคนในครอบครัวเราหลงไปอยู่ในวังวนนี้.

 

หมายเลขบันทึก: 87561เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2007 15:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ต่อให้ไม่เป็นโรคอะไรตอนนี้ ก็ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ เมื่อวานก็เจอรถเมล์น้ำมันรั่ว ถ้าไฟไหม้ก็ออกไม่ทันอะครับ

เมือวานเราก็เกือบโดนมอเตอร์ไซด์ชนตอนลงรถเมล์เหมือนกัน แต่ก็ดีใจที่ยังมีชีวิตรอดมาคุยกันได้อีก ขอบคุณนะคะทีแวะมาเยียมกันและร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท