"หากไปเรียนวิชาสาขาเกษตร ไม่ต้องเรียน ออกมาอยู่บ้านกรีดยางที่บ้านดีกว่า" จริงหรือ!


เอ เจ้าวิชาพื้นฐานเกษตรนี่ ช่างน่าสงสารจริงๆ ทำไมมีแต่คนเกลียดเจ้าเช่นนี้

สวัสดีครับ

         ย้อนกลับไปยังตอนที่ผู้เขียนเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้วผู้เขียนต้องเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งโรงเรียนก็อยู่ใกล้รั้วติดกันกับชั้นประถมครับเพียงแต่ชื่อต่างกันครับ ด้วยตอนนั้นผู้เขียนชอบเรียนหลายๆวิชาที่เด่นๆ ก็คือคณิตศาสตร์ อังกฤษ และศิลปะการวาดรูป เคยเข้าประกวดวาดสีเทียน แต่ด้วยศิลปะเหล่านี้ชอบมาตั้งเด็กๆ แล้ว และสนุกกับกิจกรรมสร้างสรรค์แบบเอาวัสดุรอบตัวมาประกอบกันบนกระดาษแบบผสมผสานเช่นใบไม้ กิ่งไม้ ส่วนต่างๆ จากธรรมชาติมาผสมกัน หลายๆ อย่าง สนุกดีครับ

       และแล้ว การเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ตอนนั้น ทุกคนจะต้องเรียนสายวิชาวิทยาศาสตร์ โดยแต่ละคนจะต้องเลือกวิชาพื้นฐานด้วยซึ่งจะมี คณิตศาสตร์ ไฟฟ้า คหกรรม ช่างไฟฟ้า เขียนแบบ ศิลปะการวาดรูป และเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นวิชาพื้นฐานที่เป็นตัวที่ต่างกันแต่ละคนว่าจะมีพื้นฐานทางด้านใด โดยเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เป็นหลัก

      ท่านคิดว่าผู้เขียนเลือกเรียนอะไรครับ อิๆ  ใช่แล้วครับ ผู้เขียนเลือกเรียนศิลปะการวาดภาพครับ เพราะชอบมาก

      และแล้ววันที่ต้องเลือกสาขาวิชาและสอบวิชาพื้นฐานเพื่อแบ่งห้องก็มาถึงครับ ว่าใครจะได้เรียนพื้นฐานวิชาอะไร ผู้เขียนเลือกศิลปะ สรุปว่ามีคนเลือกเพียงสองคนเท่านั้นครับรวมตัวผู้เขียนด้วย เลยสรุปว่าสาขานี้ไม่ต้องสอบเลือกสาขาเพราะมีอยู่สองคน แต่แล้วนั้น เรื่องสนุกก็เกิดขึ้น เมื่อนักเรียนชายเยอะมากไปเลือกวิชาไฟฟ้าแล้วทำให้มีการแย่งเก้าอี้กัน นั่นหมายความว่า ใครตกจากสาขานั้น ก็อาจจะไปตกอยู่ในสาขาวิชาพื้นฐานอื่นๆ แต่ที่ทราบแน่ๆ คือคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องตกไปอยู่ในสาขาพื้นฐานวิชาเกษตรแน่นอน

      เรื่องสนุกอยู่ที่ว่า โรงเรียนบอกว่า ปีนี้ สาขาพื้นฐานศิลปะไม่เปิด เพราะมีอยู่สองคน ทำให้เพื่อนอีกคนที่เลือกย้ายโรงเรียนไปเรียนอีกที่หนึ่งแทน ส่วนตัวผู้เขียนเองถูกย้ายให้ไปเรียนวิชาพื้นฐานเกษตรแทน รวมกับเพื่อนที่พลาดจากเก้าอี้การสอบแข่งขันพื้นฐานไฟฟ้า

      สรุปว่าปีนั้น มีแค่ 4 สาขาวิชาคือพื้นฐานคณิตศาสตร์ พื้นฐานช่างไฟฟ้า คหกรรม และพื้นฐานเกษตร

      ในขณะนั้นชาวบ้านซึ่งเป็นเกษตรกรไม่ค่อยชอบคนเรียนเกษตรครับ และใครมีลูกจะไม่ค่อยให้เรียนเกษตรเพราะคิดว่าเกษตรรู้กันอยู่แล้ว น่าจะไปเรียนวิชาสาขาอื่น ผู้เขียนเองกลับบ้าน ก็เล่าให้ที่บ้านฟัง ปรากฏว่าแต่ละคนรับไม่ได้ บางคนบอกว่าวิชาเกษตร ทนฟังเสียงไม่ได้ ญาติคนหนึ่งบอกว่า หากเรียนวิชาเกษตร ออกมากรีดยางที่บ้านดีกว่า ไม่ต้องไปเรียนหรอก ฟังจากแต่ละที่เค้ารับรู้กัน ประมาณว่ามีการสอบถามกันว่าแต่ละคนเรียนพื้นฐานสาขาอะไรกันบ้าง ส่วนคนที่เรียนคณิตศาสตร์ หรือช่างไฟฟ้าจะได้รับการชื่นชมว่าเก่ง ส่วนคนเรียนเกษตรประมาณว่าที่สุดท้าย ใครสอบไม่ได้ก็ตกลงไปอยู่ในถังนั้น

      ด้วยความรู้สึกท้าทายขึ้นมาของผู้เขียนเลยรู้สึกว่า เอ เจ้าวิชาพื้นฐานเกษตรนี่ ช่างน่าสงสารจริงๆ ทำไมมีแต่คนเกลียดเจ้าเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีคนว่าคนเรียนสาขานี้จะเกเร ยิงกันตามกระแสในตอนก่อนหน้านั้น แต่นี่แค่การเรียนใน ม.ต้นเท่านั้น มีน้าคนหนึ่งที่เรียนอยู่ ม.ปลาย มาปลอบบอกว่าวิชาเกษตรที่เลือกก็เป็นแค่พื้นฐานเท่านั้น แต่เนื้อหาจริงๆคือวิทยาศาสตร์ โดยมีพื้นฐานตามความถนัดให้เด็กนักเรียนเอาไปเป็นตัวหลักในการคิดทำ หากไม่ชอบต่อไป ม.ปลาย ก็เปลี่ยนสาขาได้ ทำให้ที่บ้านที่ตามกระแสไปกับชาวบ้าน เย็นลงแล้วก็ให้ลูกเรียนตามที่ลูกคิดและสบายใจ

     ผู้เขียนเองก็พลาดจากศิลปะแต่ก็คาดว่า ยังมีวิชาศิลปะในวิชาที่เรียนทุกชั้นปี ก็เลยคาดว่าจะไปเอาดีเอาในวิชานั้นๆ แทน แล้วหันมาเรียนวิชาเกษตรให้รู้จริงว่าทำไมคนถึงเกลียดวิชานี้เข้าไส้กันจริงๆ คงส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าคงอยากให้ลูกหลานเรียนในสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำอยู่หรือเป็นอยู่เพื่อความหลากหลายทางภูมิปัญญามั้งครับ

     และแล้วผู้เขียนก็เอาจริงเอาจังกับวิชาเกษตร ไม่ว่าจะเป็นวิชาพืช สัตว์ ดินและปุ๋ย การขยายพันธุ์พืช และต่างๆ จนได้ผลลัพธ์ที่ดีจะได้เกรดดีๆในวิชานี้ตลอดสามชั้นปี 3,4 ตามแต่รายละวิชา และได้มีโอกาสเป็นตัวแทนไปแข่งขันตอบคำถามทางการเกษตรในระดับจังหวัดและระดับภาคใต้ เคยได้รางวัลที่ 1 ในระดับภาคใต้ ได้รางวัลเป็นต้นกุหลาบคนละต้น เพราะไปกับเพื่อนอีกหนึ่งคนครับ แล้วเอามาปลูกลงดินกัน ดอกใหญ่มากครับ เอาไว้เป็นที่ระลึกปลูกไว้หน้าบ้านเลยครับ อิๆ

     พอเรียนเอาลึกๆ ก็ได้เทคนิคอะไรมากมาย แล้วก็เข้าใจว่าอะไรคืออะไร และสิ่งที่ชาวบ้านเค้าเกลียดวิชานี้กัน เป็นเพียงความเข้าใจพื้นฐานที่ผิดๆ ตามระบบค่านิยมเท่านั้น อย่างน้อยก็ทำให้เราทราบว่าการขยายพันธุ์พืช มีอะไรทำได้อย่างไรบ้างกับพืชที่เรามีอยู่ที่บ้าน ที่ปลูกกันอยู่ มีเทคนิคอะไรบ้างในการปลูกพืช ต้นไม้ การกรีดยางที่ว่า ก็ทำให้ผู้เขียนทราบว่าทำไมต้องกรีดอย่างนั้น เพราะอะไร ซึ่งอาจจะต่างจากที่คนดูถูกวิชาเกษตร ที่กรีดๆ กันตามกันมาตามปู่ย่าตายาย เพราะเอาเข้าจริงแล้วใครไม่ได้สามารถอธิบายได้ วิชาเกษตรที่ผู้เขียนชอบมากๆ คือการได้ปฏิบัติจริงเห็นจริง การปลูกยางมีพื้นที่ให้ปลูกทดลองกันจริงๆ การเลี้ยงไก่ การเลี้ยงนกกระทา การทำสวนมะนาว กระเจี๊ยบ ลุยกันทั้งเกษตรเชิงทฤษฏีและปฏิบัติ บอกได้ว่าสนุกมากๆ

    สำหรับวิชาศิลปะผู้เขียนก็ไปเอาดีในวิชาเรียนศิลปะในคาบเรียนทั่วไปแทน ซึ่งสนุกมากๆ เช่นกัน มีโอกาสได้สนุกเต็มที่ แม้จะเห็นรุ่นถัดไปมีคนเรียนสาขานี้กันหลายคนแล้วทางโรงเรียนเปิดวิชาพื้นฐานนี้ให้ก็ตาม

    คุณหล่ะครับ มีประสบการณ์อะไรสนุกๆ มาเล่ากันไหมครับ ในช่วง ม.ต้น ไว้ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ ตอนจบ.ต้น แล้วที่มาที่ไป ผู้เขียนจะไปเรียนอะไรกันต่อไปครับ

    รับรองมีคำท้าทายอะไรเด็ดๆ อีกเพียบ ที่ทำให้ผู้เขียนเอามาเป็นแรงกระตุ้นในการเรียนรู้ ประมาณว่าเรียนรู้จากคำดูถูก สบประมาท อะไรทำน้องนี้ ล้วนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาได้ดียิ่งในการเรียนรู้ครับ

กราบขอบพระคุณมากครับ

น้องเม้ง

หมายเลขบันทึก: 87073เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2007 13:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 12:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

เมื่อกี้เบิร์ดเพิ่งไป Shopping คลายเครียด ( คิดงานไม่ออก )ที่บล็อกของคุณบางทราย..พอออกมาก็เจอบล็อกนี้ที่ทำให้ได้ความคิดดีๆ ไปต่อยอดงาน..

พ่อค้าตลาดนัดแถบนี้ใจดีนะคะ..ให้เปล่าบวกของแถมด้วย..โดยเฉพาะของแถมชิ้นนี้.." คำดูถูก สบประมาท  ล้วนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาได้ดียิ่งในการเรียนรู้ " ..ถูกใจจริงๆ

P

สวัสดีครับคุณเบิร์ด

  • ขอบคุณครับผม ที่แวะมาดูสินค้าที่นี่ครับ มีอะไรให้กันฟรีครับ มีอะไรไม่สบายโพสต์กันมาเลยครับ จะมองให้ลบก็ได้ครับ อิๆ แต่ว่าพอดีหากเราขายเครื่องเปลี่ยนความคิด อาจจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นครับ
  • ผมก็พยายามมองบวกและลบครับ มองไปลบมากๆ มันก็หาคำตอบไม่ได้ครับ แล้วก็ตันตลอดครับ แต่หากเอามาเปลี่ยนทิศทางเสียไปในทางบวก มันก็ได้ทำอะไรกันต่อ
  • มีอะไรหลายอย่างในหมู่บ้านที่ พยายามทำให้คนเห็น เช่นคำว่า
  • ส่งให้ลูกเรียนทำไม ส่งให้เรียนก็ออกมาเตะฝุ่น ไม่เห็นใครจะได้การงานดีๆ ทำ
  • เรียนไปก็ไม่ใช่จะได้ซักกี่น้ำ(เดี๋ยวก็เจอปัญหา)
  • คำอะไรเหล่านี้ครับ มีอะไรมากมายครับ ไว้จะทยอยเล่าให้ฟังครับ ผมอาจจะโชคดีที่ที่บ้านยอมรับในความคิดแล้วปล่อยให้เลือกกันตามที่ตัวเองต้องการหลังจากที่ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดกับที่บ้านได้
  • ที่บ้านผมไม่เคย ด่าว่าลูกว่า โง่ มีคำตลกมากเช่น หากลูกนอนตื่นสาย แม่จะบอกว่า อื่มนอนไปเถอะลูก ตื่นสายแบบนี้คงได้ไปเรียนถึงเมืองนอกหล่ะ ห้าๆๆ
  • ขอบคุณครับผม เดี๋ยวตามไปชอปปิ้งด้วยซักนิดครับ

สวัสดีค่ะพี่เม้ง

  • แหม ลงท้ายบทความกะไม่ให้น้อง ๆ มาอ่านเลยนะคะเนี่ย หุหุ
  • ใช่ค่ะ เมื่อตอนอยู่ม.ต้น ก็ได้เรียนวิชาเกษตรเหมือนกัน ที่เลือกวิชานี้ เพราะไม่อยากไปแย่งลงวิชาอื่นกับใคร ๆ ค่ะ
  • แต่ที่เรียนมา ไม่ลึกซึ้งอะไรนะคะ วัน ๆ ก็แค่ขนดิน ดูแลเครื่องมือ ไปถอนหญ้า เหมือนไม่ค่อยได้เรียนอะไรเลยค่ะ
  • พี่เม้งก็คล้ายกับณิชที่ว่าเอาคำดูถูก สบประมาท มาเป็นตัวเร่งปฎิกิริยา
  • ใครว่าเราทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวเราจะทำให้ดู ... แต่ตอนนี้เิริ่มรู้สึกไฟมันอ่อนลงนิดหน่อย  ต้องชาร์ตพลังและเพิ่มตัวเร่งปฎิกิริยากันเยอะ ๆ ฮ่าๆๆๆ
..ณิช..
P

สวัสดีครับน้องณิช

  • เปลี่ยนคำลงท้ายใหม่ครับ แต่ให้เปลี่ยนเองนะครับ
  • เหรอครับ เรียนเกษตรด้วยหรือครับ ดีจังครับ
  • พี่ว่าพี่ดีใจที่ได้เจริญมาในดงที่มีอะไรให้เราพิสูจน์ตัวเอง เค้าว่าเรียนไปก็ไม่ได้เรื่อง คนอื่นเรียนออกมาเตะฝุ่นกัน เราก็อยากจะรู้ครับ ว่าเตะฝุ่นเป็นไง เผื่อได้ออกมาเตะด้วยคน
  • วันหนึ่งคนก็จะเอาไปคุย ไปพูดเองครับ หากสิ่งที่เราทำมันดี เผื่อเด็กๆ รุ่นใหม่มีแรงจูงใจในการเรียนหนังสือ
  • เอว่าแต่ว่าตัวเร่งปฏิกิริยาของน้อง ต้องเพิ่มกันเองนะค่ะ อันนี้พี่เพิ่มให้ไม่ได้ครับ อิๆ
  • โชคดีครับ

พี่หนิงเป็นเด็กศิลปะค่ะ  

ถนัดมากคือ  นาฏยศิลป์    พวกเต้นกินรำกิน  อิอิ  ไปงานไหนๆก็ได้กิน  ฮ่า....   ส่วนจิตรกรรม หรือขีดๆเขียนๆนี่  จะถนัดออกแบบพานิชย์ศิลป์มากกว่าค่ะ

แต่นั่นเกือบ 30 ปีมาแล้วนะคะ  ^__*

ที่เลือกเรียนศิลปะ  เพราะชอบมาแต่เด็กแล้วค่ะ  ตามประสาเด็กผู้หญิงมั้ง  ชอบแต่งตัว  555  แต่ส่วนมากจะออกงานเป็นตัวพระตลอดค่ะ  เพราะเป็นเด็กตัวสูง ขายาว 

แต่พี่หนิงเป็นเด็กศิลป์  ที่ชอบไปแปลงเกษตรนะคะ   ชม.เรียนจะตรงกัน  เรียนศิลป์ในshopเสร็จ พี่ก็ลงแปลงกับเขาบ่อยๆ เพราะต้องรอเรียนพิเศษก่อนกลับบ้าน  เขาแจกข้าวโพดบ้าง  ต้นหอม ผักกาดบ้าง 555  เรื่องกินอีกแล้ว...

ลืมบอกไปว่า  มีช่วงนึงที่ต้องตอนกิ่งมะนาวส่งคุณครู  พี่ก็ได้เพื่อนๆเกษตรนี่แหละค่ะช่วยไว้   

เรียนเกษตรไม่ดีตรงไหน..เนอะ    ที่มีอยู่มีกิน  แถมมีแปลงต้นไม้ ดอกไม้ ให้ไปวิ่งเล่นเสมอๆ  ไม่ใช่เพราะหมวดเกษตรหรอกหรือ

P

สวัสดีครับพี่หนิง

  • ดีจังครับ ขอบคุณครับที่มาแลกเปลี่ยนให้รับรู้กันครับ
  • ผมก็ตอนสอบไปนั่งใต้ต้นมะนาวที่ปลูกกันนั่นหล่ะครับ อ่านเกษตรใต้ต้นมะนาว อิๆๆ แล้วก็ไปสอบครับ
  • มีครั้งหนึ่งออกจากข้อสอบ แบบว่าชัวร์มากๆ เลยครับ ท่องได้หมดเลยครับ จำได้หมดครับ อ่านแตกฉานมากเลยตอนนั้น แต่ตอนนี้ลืมหมดแล้ว
  • ข้อสอบเกษตร ออกมาจากห้องเสร็จก่อนเพื่อน เพื่อนๆแปลกใจ เม้งทำไมทำเร็วจังเนี่ย ปรากฏว่าข้อสอบมีอยู่ครึ่งหนึ่ง มีไม่ครบ มีอยู่ 14 คะแนน จาก 30 คะแนน ครูไม่อนุญาตให้เข้าไปทำต่อ เพราะออกมาแล้ว ผมก็แปลกใจทำไมข้อสอบมันไม่ออกเรื่องกุหลาบเลย สรุปว่า ได้เต็ม 14 จากที่มีแค่ 14 คะแนน แต่ก็ตกครับ
  • คุณครูเลยบอกว่า เอางี้หากไปสอบแข่งขันเกษตรได้ติด ในสามอันดับ ทำชื่อเสียงให้โรงเรียน จะให้คะแนนเรียงตามลำดับ โหผมหน่ะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นครับ แต่ได้ที่สามครับ ไปแข่งขัน แต่ได้ 28 คะแนนมั้งครับจาก 30 แต่ถ้าได้ทำข้อสอบผมเชื่อว่าเต็มครับ ตอนนั้น เพราะจำได้แตกฉานครับ ท่องจำอย่างเดียวครับ ได้รู้จริงปฏิบัติจริง เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ปฏิบัติจริง พวกเรื่องพันธุ์กุหลาบ และเรื่องพืชที่เราไม่ได้ทดลองในหลักสูตรนะครับ
  • สนุกๆ ครับผม เขียนไว้อีกนะครับผม
  • ว่าแต่ว่า พี่หนิงสวยไง ก็เลยได้มีโอกาสรำให้คนดู ผมนี่ดำๆ เค้าให้เป็นพนักงานบริหารร่างกาย อิๆๆ

สวัสดีครับพี่เม้ง

มีคนเคยพูดไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มี อุตสากรรมใดๆที่ low-tech มีแต่วิธีการทำงานที่ low-tech เท่านั้นครับ

ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ได้ มันก็คงไม่แปลกที่คนหลายๆคน จะเจอคำสบประมาทแบบที่พี่เจอ และมองว่าการเรียนอะไรบางอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนครับ

 

P

สวัสดีครับ น้องต้น

  • ใช่ครับ low-tech หรือไม่ เราต้องอ่านที่สิ่งข้างในของคนใช้ tech ครับ
  • พออ่านคำพูดน้อง ทำให้นึกถึงประโยคที่ได้รับฟังมาอีกครับ ท่านว่า ทุกวันนี้ทำอะไรกันเพียงแค่ครึ่งเดียวของใจ ใจไม่เต็มร้อย เลยได้อะไรแบบครึ่งๆ
  • ทำให้มีอะไรให้เราคิดกันต่อไป อีกประโยคที่ท่านฝากไว้คือ มีวิธีซิ พยายามหน่อย รู้ได้ล่วงหน้า สติ ปัญญา สมาธิ คิดและก็คิด แล้วอาจจะมีหนึ่งเดียวในโลกที่ทำได้
  • ขอบใจมากนะครับผม
  • พีเม้ง....
  • สมัยม.ต้นเรียนห้อง king ซึงเน้นเกี่ยวกับภาษาอังกฤษค่ะ  แต่ก็ต้องเรียนวิชาเกษตรด้วย
  • จำได้ว่าอาจารย์ให้เลือกที่จะทำแปลงปลูกพืช
  • ด้วยความที่เราเป็นเด็กเรียนที่คิดว่าตัวเองฉลาด(แต่ไม่เฉลียว)
  • ทุกคนแต่ละกลุ่มก็แย่งที่กัน  โดยกลุ่มหว้าเลือกที่ดินซึ่งไม่ค่อยมีหญ้าขึ้นเลย...เพราะจะได้ถางหญ้าน้อยๆ  เราก็คิดว่าเราฉลาดแล้ว  ยืนดูเพื่อนๆถางหญ้ากัน...
  • สุดท้ายหลังจากยกแปลงดินแล้ว  ผ่านกระบวนการปลูกพืช  ขั้นสุดท้ายที่รอลุ้นคือผลผลิตที่ได้
  • เราพลัดกันรดน้ำทุกวัน..เพื่อเกรด 4 ในสมัยนั้น
  • สุดท้ายผลที่ออกมาคือ  พิชของกลุ่มเราแคระแกร็นมาก....โดนอาจารย์หาว่าเราไม่ดูแล..เศร้ามากเกรดตกเลย...
  • ทุกคนในกลุ่มมาหาข้อสรุปว่าเกิดอะไรขึ้น....
  • ที่แท้...น่าจะเกิดปัญหาจากดินที่เราปลูกคือ แม้แต่หญ้ายังไม่ยอมขึ้นเลย. แสดงว่าดินไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะปลูกค่ะ...
  • ในการปลูกพืชครั้งที่สองเราทำการบ้านมาดี..
  • 1. ดูสภาพดินก่อนการปลูก  (ถึงมีหญ้าขึ้นมากก็ไม่เป็นไร ถางได้)
  • 2. ยกแปลงดิน...
  • 3. ดูฤดูที่ปลูก สภาพอากาศ  เลือกผักที่ปลูกง่าย...
  • 4. หาฟางจากบ้านเพื่อนมาคลุมเมล็ดพืชที่หยอดไว้
  • 5. ดูแลประคบประหงม รดน้ำเป็นอย่างดี
  • 6. สุดท้าย...เราได้ผักออกมามากมาย เอาไปแจกแม่ค้าในโรงอาหารและคนอื่นๆ....
  • วิชาเกษตรเลยเป็นวิชาที่ประทับใจในที่สุดและทำให้นำกลับมาทำพืชผักสวนครัวที่บ้านอีกด้วย
  • ชอบเกษตรขนาดไปเที่ยวบ้านเพื่อนๆซึ่งทำเกษตรกันทุกคน  คุยกันว่าเราจะมาทำสวนด้วยกันนะ   และบอกที่บ้านว่า "จะเรียนเกษตร" ทุกคนมองหน้าแล้วบอกว่า "จะไหวเหรอ " ในที่สุดก็เลยต้องเรียน"เศรษฐศาสตร์"แทน ค่ะ
P

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า

  • อ่านแล้วดีจังครับ มีการทำวิจัยกันตั้งแต่เด็กๆ เลยนะครับ นั่น คงต้องขอบคุณดินแปลงแรกนะครับ ที่ให้ปัญหาวิจัยที่ดี ทำให้ผลการวิจัยในแปลงต่อๆ มาเกิดผมสัมฤทธิ์ที่ดี
  • แถมนำไปใช้ขยายผลต่อได้อีกที่บ้าน
  • ดินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพืชมาก รวมไปถึงน้ำ และตัวช่วยอื่นๆ
  • ขอบคุณมากครับ
  • พี่เม้ง..
  • ตอนแรกเราเป็นกลุ่มเด็กเรียนกันเรามองแค่ว่ากลัวเกรดตก  เดี๋ยวไม่ได้เกรด 4
  • เราจึงพยายามให้ได้เกรด 4  ให้มากที่สุด
  • แต่พอเราได้เรียนรู้จากปัญหาต่างๆ จากความรู้เท่าไม่ถึงการ
  • เพื่อนๆในกลุ่มเริ่มกลับไปดูสวนที่บ้าน  ซึ่งแต่แรกไม่เคยสนใจกันเลย...
  • จากนั้นก็เรียนรู้แล้วนำมาทำแปลงเกษตรของพวกเรา  ผิดครั้งแรกของเราเป็นครูค่ะ  ครั้งนั้นทำให้พวกเราสนุกกับวิชาเกษตรมากขึ้นค่ะ
  • ไม่รู้สินะ  เวลาเราทุ่มเททำอะไรลงไปอย่างเต็มที่  แล้วประสบความสำเร็จ    สำหรับเด็กมัธยมต้นตอนนั้น เป็นปลื้มกันมากเลย...
  • ตอนนี้เลยรับรู้เลยค่ะถึงความสำคัญของดิน   เวลาปลูกต้นไม้ในวันนี้จะเอาใจใส่ดินเป็นพิเศษ
  • เพราะเรามีประสบการณ์ในวัยเด็กมาแล้วค่ะ
P

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า

  • น่าสนใจมากๆ ครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ
  • เมื่อวานผมฟังช่องเก้าเค้าสัมภาษณ์เด็กมัธยมคนหนึ่ง ว่าแนวคิดเค้าเกี่ยวกับการเรียนต่อ ม.ต้น ที่ไม่ต้องไปเรียนที่โรงเรียนดัง เด่น ดี แต่เรียนในพื้นที่ที่ใกล้บ้าน
  • ทำให้ผมรู้สึกว่าเด็กปัจจุบันนี่คิดอะไรดีๆ เยอะเหมือนกัน
  • ทำต่อไปนะครับ ต้นไม้ที่เจริญเติบโตในอดีต ตอนเล็กๆ อยู่ พอโตขึ้นมาวันหนึ่งก็จะโตมาแบบมีคุณภาพนะครับ
  • โชคดีในการทำงานครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท