ผ่ายพ้นไปด้วยดีสำหรับการฝึกอบรมเกษตรกรตามหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อวิถีชีวิตระดับชุมชน รุ่นที่ ณ มหาชีวาลัยอีสาน ในวันนี้ ซึ่งการอบรมมีทั้งหมด 4 วัน
ถ้าพูดถึงเรื่องการอบรมสำหรับเกษตรกรหรือชาวบ้านทั่วไปแล้ว การอบรมกำลังจะกลายเป็นอาชีพหลัก หรือเป็นอาชีพเสริม เนื่องจากวัน ๆ มีหน้าที่เดินสายอบรม พอๆ กับศิลปินชื่อดังมีทั้งเต็มใจอบรม มัดมืออบรม
หลายท่านคงคิดไม่ต่างกันสักเท่าไร ทำไมต้องอบรม ในเมื่อทั้งอลทั้งรมมานักต่อนักแล้ว ทำไมชีวิตของเกษตรกรหรือชาวบ้านถึงยังแย่ เอาไม่รอด อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
สาเหตุที่การอบรมไม่สามารถแก้ปัญหาชีวิตของชาวบ้านได้นั้นเพราะ
- ชาวบ้านไม่มีความอยากอบรม หรือไม่ยากเรียนรู้ ทั้งที่ความรู้ของชาวบ้านก็มีไม่พอใช้หรือใช้ได้แต่ไม่ทันยุคทันสมัย
- รัฐและหน่วยงานของรัฐชอบคิดและตัดสินใจแทนชาวบ้าน ขาดการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายในชุมชน ทำให้ไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง การอบรมเพื่อแก้ปัญหาและสร้างสิ่งดี ๆจึงไม่บังเกิดผล ถือว่าเป็นการหวังดีแต่ประสงค์ร้ายกลาย ๆ เนื่องจากเป็นการทำลายความคิดความเข้มแข็งของชุมชนไปในตัว
- ระบบทุนนิยม และการแข่งขันเพื่อสร้างรายได้ ได้ทำลายความรักความเอื้ออาทร ของคนในชุมชน สังคมจึงเกิดวิกฤติ โยเฉพาะวิกฤติกับคนอีสาน
ที่กล่าวอย่างนี้เพราะเห็นตัวอย่างได้ดีในกลุ่มเกษตกรบางคนที่เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ติดนิสัยที่ไม่ดีหลาย ๆ อย่างจากธรรมเนียมการอบรมต่าง ๆ ของรัฐที่ผ่านมา
นิสัยที่ว่า คือ ต้องอบรมในโรงแรมแพง ๆ หรู ๆ มีเบี้ยเลี้ยงแจก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีในมหาชีวาลัยอยู่แล้ว
การอบรมทำให้วิทยากรและหลายฝ่ายมองเห็นว่า สังคมกำลังวิกฤติหนัก หนักจนถึงขั้นที่ว่าพ่อแม่ ลูกและหลาน คือศัตรูคู่แข่งทางธุรกิจ พ่อ แม่ไม่ยอมสอนวิทยายุทธแก่ลูกหลาน ความเป็นธุรกิจได้มาทำลายสถาบันครอบครัว และวัฒธรรมของชุมชนจนยากจะเยียวยา
ครั้นให้มาอบรมรับความรู้ใหม่ ๆ ให้ลงมือปฏิบัติอย่างจริงๆ จัง ๆ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้ มีงบประมาณสนับสนุน ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นการสร้างทุนทางสังคมที่มีคุณค่ามหาศาลแต่ก็เปล่าเลย แทบไม่ให้ความสำคัญหรือสนใจในสิ่งที่สอนหรือให้ความรู้ความคิด
นึกแล้วทำให้สงสาร อบต. เหลือหลาย เพราะอุตสาห์มีเจ้าหน้าที่มาร่วมอบรม ร่วมรับฟังปัญหา และรอที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ชาวบ้านที่เรียกตนเองว่าคนยาก (อยาก)จนทั้งหลายเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไปได้
แต่อาชีพที่ชาวบ้าสนใจกลับกลายการผลิตสินค้าของชำร่วยชิ้นเล็ก ซึ่งในอนาคตไม่กี่เดือนกี่ปีก็จะอิ่มตัวได้ และรายได้ก็มีโอกาสที่จะลดลง เพราะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในสังคมมีน้อย
แต่เรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่จะสร้างความพอเพียงให้กับตนเองและสังคมกลับไม่ให้ความสนใจ
เอาแค่ประเด็นเรื่องการเลี้ยงโค ที่ชาวบ้านที่มาอบรมบอกว่าเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องใส่ใจมาก บางวันไม่มีเวลาเพราะเร่งผลิตสินค้า ก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้จัดการโคด้วยยกหูโทรศํพท์ฝากเด็กเลี้ยงโคช่วยดูแลโคแทน แล้วก็มาบอกมาบ่นให้ช่วยสอนวิธีการเลี้ยงโค
นี่จึงเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลพวงของการพัฒนาแบบหวังดีประสงค์ร้ายที่ทำลายชาวบ้านและชุมชนชาวอีสานอย่างไม่ตั้งใจ
ทำไมไม่เน้นเข้าหาการเลี้ยงโคว่ามีประเด็นสาระอะไรที่เป็นปัญหา มีอะไรที่เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับงานวิทยานิพนธ์
เขียนมาลอยๆอย่างนี้ผมจับทิศทางไม่ได้ครับ
ก่อนเขียน ควรร่างสาระในใจ หรือเขียนเป็นลายแทงไว้
อาจารย์แสวงที่เคารพ
ด้วยมองภาพการอบรมในมุมกว้างเกินไปเลยข้ามประเด็นของตัวเองที่จะนำเสนอ ทั้งที่เห็นว่า เกษตรกรที่มาอบรมนั้นเลี้ยงวัวเกือบ 60% และเลี้ยงแบบปล่อยทุ่ง ทำให้ชาวบ้านคิดว่าตัวเองไม่ประสบปัญหาในการเลี้ยงมากนัก แต่กลับสนใจประเด็นอื่นมากกว่า จึงทำให้มองข้ามและไม่ถามปัญหาลึกๆที่แท้จริง
ขอบคุณอาจารย์ค่ะที่ช่วยดึงกลับ
ขอบคุณค่ะ
พ่อครูที่เคารพรัก
ขอบคุณมากค่ะพ่อครูที่ช่วยชี้ทางสว่าง มีข้อเสียไม่ชอบร่างคำถามไว้ก่อน แต่ชอบร่างเวลาเจอปัญหา แต่พอไม่เจอปัยหา ทุกอย่างเลยจอด ไม่รู้จะไปทางไหน
งานนี้ต้องจ่ายค่าโง่ด้วยเป็ดสักหนึ่งโหลเป็นแน่ค่ะพ่อครู
ขอบคุณค่ะ