ธาตุและคู่ธาตุของพระเคราะห์
ต่อจากบันทึกครั้งก่อน (ดู กำลังดาวนพเคราะห์ ) ดาวนพเคราะห์เหล่านั้น นอกจาก พระเกตุ ซึ่งเป็น วิญญาณธาตุ แล้ว พระเคราะห์อื่นๆ ก็มีธาตุพื้นฐานดังต่อไปนี้..
พระอาทิตย์ ธาตุไฟ
พระจันทร์ ธาตุดิน
พระอังคาร ธาตุลม
พระพุธ ธาตุน้ำ
พระเสาร์ ธาตุไฟ
พระพฤหัส ธาตุดิน
พระราหู ธาตุลม
พระศุกร์ ธาตุน้ำ
หมายเหตุ การจัดดวงดาวว่าเป็นธาตุชนิดใดนี้ จัดตามโหราศาสตร์ไทยเท่านั้น ถ้าโหราศาสตร์สากลหรืออื่นๆ ก็อาจผิดแผกกันไป..
ตามที่พอจำได้ โหราศาสตร์สากลจัดธาตุของดวงดาวตามราศีที่สถิต เช่น พระพฤหัสสถิตอยู่ราศีธนูซึ่งเป็นธาตุไฟ ดังนั้น พระพฤหัสจึงเป็นธาตุไฟ เป็นต้น
.....
พระเคราะห์เหล่านี้ ที่มีธาตุเหมือนกัน ถ้ามาอยู่รวมกัน หรือมีพลังส่งถึงกันก็จะทำให้พลังของธาตุนั้นๆ มีความแรงกล้ายิ่งขึ้น (ซึ่งอาจเป็นคุณหรือโทษก็ได้ แล้วแต่กรณี) ... เมื่อพิจารณาจากพระเคราะห์เบื้องต้นก็จะได้ พระเคราะห์คู่ธาตุดังต่อไปนี้
พระอาทิตย์ กับ พระเสาร์ คู่ธาตุไฟ
พระจันทร์ กับ พระพฤหัส คู่ธาตุดิน
พระอังคาร กับ พระราหู คู่ธาตุลม
พระพุธ กับ พระศุกร์ คู่ธาตุน้ำ
พระเคราะห์เหล่านี้ นอกจากมี คู่ธาตุ แล้ว ก็ยังมี คู่มิตร คู่ศัตรู และ คู่สมพล ซึ่งผู้เขียนจะเล่าในตอนต่อไป
.
ความเห็น (6)
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
ถ้าราณีเกิดในช่วงคาบเกี่ยวช่วงยังไม่ถึงตี 5 ของอีกวันหนึ่ง เช่นเกิดตอน ตี 2 ซึ่งเลยวันพฤหัสไปแล้วเข้าศุกร์เช้า ตามหลักโหราศาสตร์ ยังเป็นวันพฤหัสอยู่หรือไม่ค่ะ อยากรู้จริง ๆค่ะ
 |
ถูกต้องจ้า...
วันทางราชการปัจจุบัน นับ หลังเที่ยงคืนเป็นวันใหม่...
วันทางโหราศาสตร์ (ไทย) นับรุ่งอรุณเป็นวันใหม่...
เช่น เกิดเวลา ๐.๒๐ น. ของวันศุกร์ ก็นับเป็น เกิดวันพฤหัส
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ
ถ้าอย่างนั้นจริงๆแล้ว ตามหลักโหราศาสตร์จะรับ เวลาเท่าไร เป็นวันใหม่ครับ เพราะว่าพระอาทิตย์ขึ้นไม่พร้อมกันนี่ครับ (เช่น หน้าหนาวก็จะขึ้นช้ากว่าหน้าร้อนครับ)
กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
 |
ใช้แสงอรุณเป็นเกณฑ์ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ถึง ๖ โมงเช้า บางครั้งก็อาจ ๖ โมงกว่า.... ซึ่งประเด็นนี้โหรโบราณเค้าจะชำนาญ และโหรที่เก่งๆ เค้าก็สามารถคำนวนได้ว่า เช้านี้อรุณจะขึ้นเวลาเท่าไหร่ ...
โหรสมัครเล่นเช่นหลวงพี่ก็ใช้ ๖ โมงเช้าเป็นเกณฑ์ ... นอกจากนี้ก็ยังมีบวกลบเวลาด้วยว่าเกิดจังหวัดใด เพราะเวลาอ้างอิงตามปฏิทินโหรจะใช้เวลากรุงเทพฯ แต่จะมีเวลาบวกลบไว้ให้สำหรับจังหวัดต่างๆ...
แต่สมัยก่อนนาฬิกายังไม่มี เค้าใช้เวลาประมาณ เช่น ไก่ขันหนแรก ไก่ขันน้ำขึ้น ตอนพระบิณฑบาต ฯลฯ ก็อาจวางลัคนาได้..
ส่วนที่ช่วยในการวางลัคนาได้ถูกต้อง ก็คือพื้นฐานเจ้าของดวงนั้นเอง เช่น ผิวดำหรือขาว เตี้ยหรือสูง อ้วนหรือผอม โง่หรือฉลาด ยิ้มแย้มหรือเคร่งขรึม ฯลฯ โหรจะใช้สิ่งเหล่านี้มาประกอบการพิจารณาแล้วก็ตัดสินใจว่าน่าจะเป็นลัคนาใด..
โหราศาสตร์มีรายละเอียดมาก ศึกษาไม่จบ... แต่ผู้ที่ไปดูหมอเค้าต้องการเพียงแนะนำเค้าได้ผลเท่านั้น จ้า...
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ
ด้วยความเคารพครับ ผมเคยคิดอยากอ่านหนังสือโหราศาสตร์แบบจริงๆจังๆเหมือนกันครับ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เผื่อเอาไว้ดูดวงตัวเอง
เคยอ่านเหมือนกันนะครับนิดหนึ่งสมัยเด็กๆ แต่อ่านยังไงก็ไม่ค่อยเข้าใจครับ ยิ่งมาเรียนรู้จากพระคุณเจ้าว่า การวางลัคนานั้นต้องดูลักษณะพื้นฐานด้วยนี่ ผมคงไม่มีปัญญาพอมั้งครับ ดูแล้วยากยังไงชอบกล
สำหรับผมแล้วผมว่าโหราศาสตร์และการดูดวงนี่คือสุดยอดวิชาสถิติเลยครับ
ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้ามาด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
|
โหราศาสตร์จะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้...
ไม่รู้ใครกล่าวไว้ ปราชญ์เมื่อถึงจุดหนึ่งมักจะหันมาสนใจโหราศาสตร์ เพราะบางอย่างที่ศาสตร์แขนงอื่นๆ ไม่สามารถตอบคำถามได้ แต่โหราศาสตร์สามารถตอบได้....
แต่ หลวงพี่มิใช่ปราชญ์นะ (......) ที่เรียนมาบ้าง เพราะหนังสือบางเล่มมักนำโหราศาสตร์มาอธิบายด้วย แต่หลวงพี่ไม่รู้เรื่อง จึงศึกษาเล่นๆ เพื่อจะอ่านพอรู้เรื่องเมื่อใครอ้างโหราศาสตร์เท่านั้น
เจริญพร