เชิญทีมธาตุพนม ไปเป็นวิทยากรค่ายเบาหวาน ดีจริงหรือ?


ไม่ทำ ไม่รู้

       หลังจากทำค่ายเบาหวานแบบไม่ค้างแรมไปเมื่อเดือนก่อน พร้อมๆกับเชิญผู้ร่วมสนใจจาก ทั้ง จ.นครพนม และจ.มุกดาหาร มาสังเกตุการณ์ เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน แต่หลังจากนั้น กลับพบว่ามีหลายๆ ที่ สนใจเชิญทีมงานของเราไปเป็นวิทยากรให้ ในทุกๆ หัวข้อแล้วแต่ความประทับใจ

        ในมุมมองแรกเราก็รู้สึกดีใจ ที่มีผู้เห็นคุณค่า ความสามารถ แต่หลังจากลองคุยกันในรายละเอียด ทีมก็คุยกันว่า น่าจะไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักในการทำงานของพวกเรา ที่ต้องตระเวณไปเป็นวิทยากรค่าย ตามที่ต่างๆ   ในทางกลับกันแต่ละที่เองต่างหากที่ต้องสร้างวิทยากรของตนเองขึ้นมา โดยการศึกษาและแลกเปลี่ยนกับผู้ที่มีประสบการณ์  เหมือนที่ทีมเราใช้กระบวนการทาง KM ช่วย มาตลอด (อย่างที่มี อ.วิจารย์ กล่าวว่า "ไม่ทำ ไม่รู้") 

       หลังจากนี้ เมื่อได้รับการติดต่อมาเป็นวิทยากรค่ายเบาหวาน ทางทีมขอปฏิเสธไป ไม่ได้หมายถึงหยิ่ง หรือขาดน้ำใจนะครับ เพราะพวกเรายังพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนในฐานะผู้ช่วยเหลือ ผู้ประสานงาน แต่คงไม่ใช่ในฐานะวิทยากรหลักครับ (จริงแล้ว พวกเราก็กำลังเรียนรู้เช่นกัน......)

 

หมายเลขบันทึก: 86002เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2007 22:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เห็นด้วยครับ  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นวิธีการที่ดี กว่าการอบรม  โดยเฉพาะ การเรียนรู้ในชีวิตการทำงาน  ที่ไม่ใช่การเรียนรู้ในชั้นเรียน  

 ผลที่ได้รับต่างกันมากทั้งผู้ให้และผู้รับ   ดีกว่ามีผู้ให้ที่ให้อย่างเดียวไม่ได้เรียนรู้ ผู้รับก็รับอย่างเดียว ไม่ได้ เรียนรู้ และพัฒนาด้วยตนเอง

เห็นด้วยกับแนวทางของคุณเอนกและทีม รพร.ธาตุพนม แต่ละที่ควรเรียนรู้และทำงานด้วยตนเอง แล้วจะยิ่งรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

ดิฉันภูมิใจในทีม รพร.ธาตุพนมมาก ได้เห็นพัฒนาการของทีมนี้มาอย่างต่อเนื่อง เป็นตัวอย่างที่ดีมากแห่งหนึ่ง

ทึ่งทั้งผลงาน ทึ่งทั้งแนวคิดครับ บูรณาการจริงๆ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท