open-upเปิดใจให้รู้จักเพื่อจะรักและเข้าใจ


เพราะรักจึงคาดหวังและมุ่งมั่นอยากให้เป็น แต่อีกข้างไม่อยากเป็นหรือมองเห็นว่าสำคัญ..หากแต่ถือทิษฐิไม่พูดคุยอย่างปรองดอง ความรักของเราสองก็คงขาดสะบั้นลง...

ฉันกับแม่มีจริตความชอบที่ต่างกันหลายอย่างแต่เพราะว่ามีความต่างกันมากๆนี่แหละที่ทำให้ความรักและผูกพันระหว่างแม่กับฉันนั้นมีรสชาติและไม่น่าเบื่อเลย...

ยิ่งตอนนี้แม่ใกล้จะแปดสิบปีแล้วบางครั้งอาการหลงลืมและหูตึงตามวัยของแม่ก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราขำกันเองได้เสมอๆ อาทิเช่น..ฉันบอกแม่ว่าเดี๋ยวจะไปซื้อของที่ร้านหน้าปากตรอกแม่ก็จะบอกว่าซื้อมาทำไมแม่ไม่ชอบกินไส้กรอกและไม่กินเนื้อวัวด้วย...

ฉันก็เลยจะต้องพูดเสียงดังๆหรือไม่งั้นก็เขียนหนังสือตัวโตๆคุยกันกับแม่เราจึงจะคุยในเรื่องเดียวกันได้

แม้แม่จะเริ่มหลงและหูไม่ค่อยได้ยินแถมเข่าไม่ค่อยดีแต่ทุกเช้าวันอาทิตย์แม่จะมีโปรแกรมติดรถฉิ่งฉับทัวร์ไปทำบุญวัดนั้นวัดนี้อยู่เสมอ..ไปกลับมาก็จะมีเรื่องเล่าอย่างภาคภูมิใจให้ลูกสาวฟังอยู่เสมอๆว่ามีคนซื้อไอ้นั่นให้หรือออกเงินค่ารถให้แม่ฟรี..ซึ่งฉันไม่เคยนิยมชมชอบการได้รับของฟรีหรือการที่มีคนไม่รู้จักมาช่วยเหลือออกเงินให้เพราะรู้สึกเสียหน้าและรู้สึกเหมือนโดนดูถูกยังไงก็ไม่รู้..อีกอย่างฉันมีความเชื่อว่าถ้าเรามีเงินจ่ายเองได้เราก็ควรจ่ายเอง..ในความรู้สึกของฉันจึงต่อต้าน,ไม่ชอบและข้องใจมากๆที่ทำไมแม่จึงดีใจหรือมีความสุขที่มีคนให้ของหรือช่วยออกค่ารถให้...ฉันมักจะเบรกและแสดงน้ำเสียงและสีหน้าให้แม่รู้ว่าไม่พอใจเลยและไม่อยากให้แม่ไปรับอะไรจากใครมา..แม่ก็จะเงียบๆและหยุดเล่าเรื่องไปเที่ยวข้างนอกสักพักหนึ่งพอคิดว่าฉันลืมๆแล้วก็เล่าให้ฟังใหม่.

..ฉันไม่เข้าใจแม่เลยว่าทำไมแม่จึงมีความสุขและภูมิใจในการได้รับเงินหรือของฟรีจากคนอื่นๆ..ทั้งๆที่เราก็พอมีพอกินไม่ได้ยากจนข้นแค้นอะไร ฉันระแวงกลัวว่าแม่จะติดใจในการขอ/รอรับแต่ของแจก.

.หลังจากอดทนมานานวันหนึ่งฉันก็พยายามลดทิษฐิมานะ+อารมณ์หงุดหงิดของตัวเองลงตั้งใจลองฟังมุมมองของแม่โดยไม่รีบสรุปหรือตีความใดๆ.

.ฉันถามแม่ว่าเพราะอะไรแม่ถึงรู้สึกดีใจที่มีคนให้ของหรือช่วยแม่จ่ายเงินค่ารถทั้งๆที่แม่ก็มีเงินจ่ายเองได้

แม่บอกว่าแม่ไม่เคยเอ่ยปากขอให้ใครออกเงินให้แม่..เขาเหล่านั้นตัดสินใจให้ความช่วยเหลือแก่แม่เองแม่เกรงใจไม่กล้าขัดกลัวเขาจะเสียหน้า/ความรู้สึกและแม่ดีใจเพราะรู้สึกว่าแม่โชคดีที่ได้เจอกับคนจิตใจดีมีความเอื้ออารีกับอีกอย่างคือแม่รู้สึกอิ่มเอิบใจเพราะเชื่อว่าบุญกุศลที่แม่ได้เคยทำมาก่อนหน้านี้ตอนนี้มันกำลังแสดงผลอยู่แม่จึงอยากเล่าให้ฉันฟังเพื่อฉันจะได้อนุโมทนากับคนดีๆที่แม่ได้พบและแม่อยากให้ฉันเชื่อมั่นในเรื่องของการทำความดีเหมือนอย่างที่แม่เชื่อ...

ฉันฟังแม่จบแล้วก็ละอายแก่ใจนัก..กราบตักขอโทษแม่ที่เข้าใจผิดและงอนแม่มาเสียตั้งนานแต่แม่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอกว่าฉันขอโทษแม่ในเรื่องอะไร(หูแม่ไม่ค่อยได้ยิน)แม่ได้แต่บอกว่าสำหรับฉันแล้วแม่ให้อภัยได้ทุกเรื่อง..อย่าไปคิดมาก.และ.เท่าที่ฉันทำอยู่แม่พอใจแล้ว...

บทเรียนที่แม่สอนครั้งนี้ทำให้ฉันได้สติว่าจะต้องไม่รีบด่วนสรุปและใจเย็นกับคนใกล้ชิดให้มากกว่าเดิมเพราะเรามักไม่รู้ตัวว่าเราวางกฏกติกา/มาตรฐานความดีความงามของตัวเราเองไว้ที่เขาเหล่านั้นมากมายแค่ไหน...บางทีสิ่งที่เราคิดว่าดีอาจเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งอาจรู้สึกขมขื่นใจอยู่ก็ได้

         

หมายเลขบันทึก: 85816เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2007 01:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • สวัสดีค่ะคุณ seangja  คิดถึงค่ะสบายดีนะคะ
  • นู๋ทิมมีแม่อายุ 73 ปีแล้วค่ะ ก่อนนี้ค่อนข้างมีความคิดขัดแย้งกับท่านมาตลอด ต่อมาเรียนรู้และเข้าใจมากขึ้น ตอนนี้ท่านอยากทำอะไรไม่เคยขัดเพราะเป็นสิ่งที่เราจะมอบให้ตอบแทนความรักที่ท่านมีต่อเรา ตอนนี้ก็ยังเหมือนเด็กตัวเล็กๆของแม่เสมอ...รักแม่มากที่สุดเลยค่ะ
แม่ของลูก น่ารักเสมอนะคะ ... และเราก็เป็นเด็กเสมอในสายตา และความรู้สึกของท่าน ... ดิฉันก็ภูมิใจเล็กๆ ว่า (ถึงจะแก่แล้ว ก็ ...) ยังเป็นเด็กในสายตาของท่านอยู่ และท่านก็คงภูมิใจเหมือนกันนะคะ

ต่างกันแค่บางมุมมอง...

สุดท้ายความรักและผูกพันก็ทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกัน...

มีความสุขที่ได้อ่านครับ...

แม่ค้าน้ำเต้าหู้พยายามให้หมอฟรีในวันปีใหม่ซึ่งเราไม่อยากรับเลย   แต่คิดได้ว่าคนให้มักจะสุขใจมากกว่าคนรับทำให้ต้องรับและขอบคุณเพื่ออนุโมทนาค่ะ   แม่ขวัญคงคล้ายๆกับกรณีที่หมอเจอค่ะ

ได้อ่านบันทึกนี้แล้วประทับใจเช่นกันค่ะ

หลายครั้งก็มีช่องว่างระหว่างวัยและความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว เมื่อก่อนชอบถกเถียงกับพ่อเป็นประจำ แต่เดี๋ยวนี้พยายามไม่เถียงท่านค่ะ ช่วยให้บรรยากาศในครอบครัวดีขึ้นเยอะ

คุณนู๋ทิม

รับความคิดถึงด้วยความเต็มใจค่ะ..เห็นด้วยที่ว่าตอนนี้ถ้าอะไรที่พอจะทำให้แม่มีความสุขได้และไม่เบียดเบียน/ก่อความเดือดร้อนแก่คนอื่นมากเกินไปก็จะทำให้ไม่ค่อยขัด...อาทิตย์นี้ต้นเดือนจะต้องรีบกลับไปใส่บาตนกับแม่ค่ะ..ฝากความระลึกถึงมายังคุณแม่ของคุณนู๋ทิมด้วยนะคะ

พี่ปิ่ง

อยากจะบอกว่าพ่อพี่ปิ่งน่ารัก-ใจดีและมีอารมณ์ขัน..ตอนที่พ่ออาสาพาพวกเราไปเที่ยวพิมายขวัญยังประทับใจไม่ลืม...ฝากความคิดถึงคุณพ่อด้วยนะคะ

ผอ.อัจฉรา

เห็นด้วยค่ะว่าผู้ให้จะรู้สึกดีและมีความอิ่มเอิบใจมากกว่าผู้ขอแน่นอน.

mr.direct

ขอบคุณและดีใจค่ะที่ทำให้อ่านแล้วมีความสุข

คุณเพื่อนร่วมทาง

ขอบคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นด้วยกันค่ะ...เห็นด้วยค่ะว่าเราดูเด็กเสมอในสายตาของแม่และไม่มีใครที่จะรักและห่วงเราได้เหมือนอย่างแม่พ่อบุพการีของเรา...หลายครั้งที่ดิฉันเองเคยกังวลใจกับตัวเองถึงความผูกพันอันแน่นหนาระหว่างแม่และตัวดิฉัน..ดิฉันอยากให้แม่ไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดทางด้านธรรมะด้วยไม่อยากให้แม่ต้องมาติดห่วงอยู่ที่ตัวเรา.

.เวลาไปไหว้พระ/พบครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติธรรมท่านเมตตาชี้แนะว่าเราไม่อาจไปเปลี่ยนจิตของแม่ได้มากนักแต่ควรดูจิตของเราในการมีปะทะสังสรรค์(interaction)กับพ่อแม่ให้ชัดจะมีประโยชน์มากกว่า

และดิฉันชอบมากกับคำชี้แนะของพระอาจารย์ครรชิต(วัดญาณเวศกวัน)ที่ท่านบอกแต่เพียงสั้นๆว่าเราเลือกได้ในปัจจุบันนะว่าเราจะอยู่ร่วมกันกับแม่แบบไหนแบบมีสุขหรือมีทุกข์ดีล่ะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท