ก่อนที่จะเล่าเรื่องเทพเจ้าประจำทิศต่างๆ จะนำเรื่องด้วยแนวคิดอีกประเด็นหนึ่งก่อนเพื่อจะได้ชัดเจนยิ่งขึ้น...
ตามหลักทักษานั้น มีดาวหรือพระเคราะห์อยู่ ๙ ดวง คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ราหู และ เกตุ...ซึ่งพระเคราะห์หรือเทพเจ้าเหล่านี้ จำแนกเป็น ๓ กลุ่ม คือ
๑. ศุภเคราะห์ คือ ฝ่ายดี ธรรม กุศล มี ๔ ดวง ได้แก่ จันทร์ พุธ พฤหัส และศุกร์... กลุ่มนี้อาจเรียกว่า ฝ่ายเทพก็ได้
๒. บาปเคราะห์ คือ ฝ่ายชั่ว อธรรม อกุศล มี ๔ ดวง ได้แก่ อาทิตย์ อังคาร เสาร์ และราหู... กลุ่มนี้อาจเรียกว่า ฝ่ายมารก็ได้
๓. ไม่แน่นอน ทำนองเข้าไหนเข้าด้วย มีดวงเดียว คือ พระเกตุ ...(อาจเทียบได้กับสัพพสาธารณเจตสิก เช่น วิริยะ ความเพียร ซึ่งสามารถสนับสนุนสิ่งที่ดีหรือชั่วให้สำเร็จได้ เป็นต้น)
........
ต่อจากครั้งก่อน ( น้ำคือบ่อเกิดแห่งชีวิต ) พระอาทิตย์เกิดทางทิศใต้แล้วก็เวียนขวามาประจำทิศอิสาน นับการดำเนินได้ ๖ ก้าว จึงมีกำลัง ๖...และตามหลักการกำหนดเบื้องต้น พระอาทิตย์จัดเป็นบาปเคราะห์
ต่อไป พระจันทร์ เกิดทางทิศใต้แล้วก็เวียนขวามาประจำอยู่ทิศตะวันออก ซึ่งอันที่จริง พระจันทร์น่าจะมีกำลัง ๗... แต่พระจันทร์เป็นศุภเคราะห์หรือฝ่ายเทพ ตามหลักทักษาจึงกำหนดให้เวียนหนึ่งรอบก่อน ซึ่งหนึ่งรอบเท่ากับ ๘ ทิศ แล้วก็มาประจำทิศตะวันออก ดังนั้น พระจันทร์จึงมีกำลัง ๑๕ (๗+๘ = ๑๕)...
และดาวพระเคราะห์ทั้งหมดก็จะเป็นเช่นนี้ กล่าวคือ ดาวบาปเคราะห์ทุกดวงเกิดจากทิศใต้แล้วก็เวียนขวามาประจำทิศของตน และมีกำลังตามจำนวนก้าวย่างที่ดำเนินมา...ส่วนดาวศุภเคราะห์จะต้องเวียนหนึ่งรอบก่อนจึงจะมาประจำทิศของตนได้...
เหตุที่เป็นอย่างนี้ อธิบายได้ง่ายๆ ว่า บาปเคราะห์เป็น อธรรม อกุศล หรือฝ่ายมาร...ส่วนศุภเคราะห์เป็น ธรรม กุศล หรือฝ่ายเทพ ...ธรรมต้องมีกำลังมากกว่าอธรรม หรือฝ่ายเทพต้องมีกำลังมากกว่าฝ่ายมาร โลกจึงสามารถดำรงอยู่ได้ ถ้าอธรรมหรือฝ่ายมารมีกำลังเหนือกว่าเทพแล้วก็ไม่สามารถต้านทานความชั่วได้ โลกก็จะถึงคราววิบัติ ประมาณนี้...
ผู้เขียนคิดว่าประเด็นนี้แฝงข้อคิดน่าสนใจ...
![]() |
![]() |
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
ขอบคุณนะค่ะ ตามอ่านมาจากต่อจากครั้งก่อนคือเรื่อง ( น้ำคือบ่อเกิดแห่งชีวิต ) เพิ่งรู้ว่าราณีเป็นฝ่ายเทพอยู่ในดาว ศุภเคราะห์ คือ ฝ่ายดี ธรรม กุศล มี ๔ ดวง ได้แก่ จันทร์ พุธ พฤหัส และศุกร์...
![]() |
เป็นการสมมุติเพื่อการเข้าใจและอธิบายนะครับ...
ศุภเคราะห์หรือบาปเคราะห์ก็มีทั้งฝ่ายเป็นคุณและฝ่ายเป็นโทษ...
อันที่จริง ถ้ามีภาพประกอบด้วยก็อาจทำให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น แต่อาตมาไม่ค่อยชำนาญในการวาดและใส่รูป จึงเล่าเพียงแนวคิด...
ถ้าอาจารย์สนใจก็หาหนังสือโหราศาสตร์อ่านไปด้วยก็จะทำให้แจ่มแจ้ยิ่งขึ้น...
ไม่แน่นะครับ ต่อไปอาจารย์อาจได้ชื่อว่า โหรราณี ก็ได้นะครับ (..........)
เจริญพร