14 กุมภาพันธ์ 2550
วันนี้เจอเด็กอายุ 6 ขวบ มาด้วยอาการปวดฟัน ร้องไห้ไม่ยอมขึ้นนั่งบนยูนิตทำฟัน ในขณะเดียวกัน ก็โดนคุณปู่ดุว่าทำไมงอแง ไม่เก่งเลย
ฉันรีบตัดบท บอกว่า น้องเป็นคนเก่ง ไม่ต้องกลัวค่ะ หมอจะตรวจฟันในปากว่ามีหนอนแอบแฝงอยู่ในรูฟันหรือเปล่า จะได้เอาออกและไม่ปวดฟันอีกต่อไป เขานอนร้องไห้ไปเรื่อย ๆ คิดว่าน่าจะกลัวทำฟัน เพราะเขามาด้วยอาการปวดฟัน และปรากฎว่าเป็นการทำฟันครั้งแรก ในใจฉันภาวนาว่า ขอให้เขาหายกลัวทำฟันหลังจากลงจากเก้าอี้ทำฟันครั้งนี้ด้วยเถอะ จึงพูดกับเด็กว่าขอให้หยุดร้องเถอะ หมออยากจะคุยเรื่องสนุก ๆ มากกว่า ก็เลยชวนคุย บอกได้ไหมว่าชอบรับประทานอะไรมากที่สุด เขาบอกว่าทานข้าวก็ชมเขาว่าเก่งมาก ข้าวจะทำให้เรามีพลังแข็งแรงต่อไป เขาบอกว่า ขอบกินลูกอม ฉันบอกเขาว่า ฟันไม่ชอบลูกอม ถ้ากินบ่อย ๆ ฟันจะปวดและเราต้องร้องไห้ ฉันบอกเขาว่าขอให้ทานผลไม้แทนได้ไหม เพราะฟันชอบผลไม้ เนื่องจากช่วยให้ฟันสะอาด เขาเริ่มคุยสนุกก็เลยหยุดร้องไห้
ฉันขออนุญาตเปิดไฟเพื่อตรวจดูฟันว่าปวดตรงไหน เขายินดีอ้าปาก แต่สังเกตได้ว่ายังมีความกลัวอยู่ แต่ก็ยอมให้อุดฟันได้ 3 ซี่ และลงจากเก้าอี้ทำฟันได้อย่างมีความสุข ฉันกอดเขาไว้ในอ้อมอก และถามเขาว่ากลัวทำฟันอีกไหมคะ ? เขาบอกว่าไม่กลัวแล้วครับ
ฉันเลยหันไปบอกคุณปู่ให้พาเด็กมาตรวจฟันทุก 6 เดือน และหลีกเลี่ยงการอมลูกอม ขนมซอง โดยให้รับประทานผลไม้แทน อย่าลืมแปรงฟันก่อนเข้านอนทุกครั้ง โดยเฉพาะมื้อก่อนนอน ไม่ควรหยุดทำแม้แต่วันเดียว
อยากจะบอกหมอและผู้ช่วยทันตแพทย์ว่า เด็ก ๆ ก็มีหัวใจ เขาต้องการความรัก ความเข้าใจ ไม่ต้องการการพูด ดุ, ด่า ต่อว่า ไม่ต้องการความเจ็บปวดทั้งกายและใจ แต่ต้องการคำชม ในขณะเดียวกัน เขาก็มีความกลัว เราไม่ควรพูดขู่เด็กให้กลัวมากขึ้น เพื่อให้เด็กทำตามคำสั่งของหมอ แต่ควรพูดให้กำลังใจโดยเข้าใจ เข้าถึง ความรู้สึกของเด็กในขณะนั้น ที่สำคัญหมอต้องนิ่ง อย่าไปแสดงอาการโกรธ หรือไม่พอใจให้เด็กเห็น
เคล็ดลับไม่ยาก คือ คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกหรือญาติของเรา ….ง่ายนิดเดียว
ไม่มีความเห็น