เมื่อวันก่อนได้ฟัง ดร.สามารถ ทองเฝือ นำเสนอบทความวิชาการในเรื่อง อีรักหลังการเลือกตั้ง หรืออะไรทำนองแล้วแหละครับ ตอนแรกที่เห็นหัวข้อรู้สึกว่ามันน่าจะไกลตัว แต่ฟังไปๆ มันเหมือนเป็นกระจกสะท้อนมายังเราได้อย่างชัดเจนมากครับ เมื่อเย็นวานได้ฟังข่าวเรื่องระเบิดที่อีรัก อันนี้รู้สึกใกล้ตัวมากครับ เพราะผมว่า มันไม่ต่างอะไรมากนักกับที่สามจังหวัดภาคใต้ของไทยในวันนี้
สิ่งหนึ่งที่ผมคิดถึงอีรัก คือ สาเหตุของการเข้าโจมตีอีรัก ประธานาธิบดีสหรัฐ บอกว่าจะสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในอีรัก เพราะซัดดัม ฮุเส็น ปกครองไม่เป็นประชาธิปไตย (เหตุผลนี้เป็นเหตุผลหนึ่งนอกเหนือจากเรื่องภัยคุกคาม ซึ่งผมไม่รู้ว่าอีรักกับสหรัฐใครที่น่ากลัวกว่ากันในเรื่องการคุกคามประเทศอื่นที่ตนไม่ชอบขี้หน้า)
จนถึงตอนนี้อีรักยังไม่เป็นประชาธิปไตยครับ ถึงแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม และผมแน่ใจอย่างหนึ่งว่า ประชาธิปไตยไม่ได้หมายความแค่ว่า มีการเลือกตั้ง เพราะคอมมิวนิสต์ก็มีการเลือกตั้งครับ
เมื่อวันก่อน จอร์จ ดับเบิ้ลยู บูท เสนอเพิ่มงบให้กับทหารในอีรัก ปรากฏว่ามีสมาชิกคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องภายในอีรัก ทำให้รัฐบาลอีรักไม่ยอมจัดการความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศของตนเสียที
ซึ่งผมว่า คำพูดนี้เป็นคำพูดของคนที่ไม่รับผิดชอบเลยครับ ประเทศเขาสงบอยู่ดีๆ คุณบอกว่าไม่ดี ต้องจัดการใหม่ พอคุณเข้าไปจัดการแล้วทำไม่ได้อย่างที่คิด คุณก็พลัดภาระให้คนที่คุณกระทำแก้ใขอีก ถูกหรือเปล่า
ด้วยเหตุนี้ ปรากฏให้เห็นถึงแนวทางการสร้างประชาธิปไตยที่ชัดเจนได้ประการหนึ่งครับ คือ ประชาธิปไตย ไม่สามารถสร้างได้ด้วยอาวุธ
คุณผู้อ่านนึกถึงอะไรที่บ้านเมืองของเราตอนนี้บ้างครับ
หากศึกษาจากตัวบทหะดิษจะเห็นได้ว่า ท่านศาสดามูหัมได้กล่าวว่า ในแม่น้ำฟูรอตจะมีภูเขาทอง มีคนตายมากมายเนื่องจากการแย่งชิง 100 คน คนเดียวที่รอดชีวิตได้ และทุกคนก็หวังว่าตนจะรอดชีวิต
อุลามาอ์บางกลุ่มบอกว่าภูเขาที่บอกในหะดิษนี้เป็นรหัสที่ให้เห็นถึงความร่ำรวยของอิรัก ซึ่งมีผู้คนมากมายอยากได้ความร่ำรวยนี้
อีกกลุ่มหนึ่งก็บอกว่า ในวันใกล้วันปรโลกน้ำในฟูรอตจะแห้งและจะแลเห็นภูเขาทองที่ขั่งตน
อย่างไรก็ตาม มนุษย์สวนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุนิยม เห็นเงินและความร่ำรวยคือทุกสิ่งในชีวิต
ผมเข้าใจจากที่
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลใหม่