แม้ว่าจะเป็นเมืองที่น่าอยู่แต่ก็มีปัญหามารบกวนคนชาวเชียงของถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว คนที่อำเภอเชียงของส่วนมากจะเป็นไทลื้อ เกิดที่ประเทศไทย แต่จะชอบเดินทาง ไป - มา ระหว่างประเทศลาว กับประเทศไทย ทำให้ทางรัฐบาลมีชื่อเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "ลาวอพยพ" ซึ่งก็มีทั้งคนลาวจริง ๆ และคนไทยผสมกันไป จึงมีปัญหาด้านสถานะบุคคลตามมา คนที่เกิดไทยรัฐก็เหมารวมว่าเป็นลาวอพยพเข้ามา กับทั้ง ณ ตอนนี้ ยังไม่มีนโยบายทีจะให้กลุ่มลาวอพยพยื่นขอมีสัญชาติแต่อย่างใด พวกเขามีความอดทนสูงมากกับสิ่งที่จะต้องได้แต่กลับไม่ได้ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาอย่างถูกต้อง พวกเขาเข้าร่วมสัมมนาเกือบทุกเวทีที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล และยังเคยได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรุงเทพฯ พวกเขารวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่ผลที่ได้กลับนิ่ง ทางรัฐบาลไม่เคลื่อนไหว ไม่ออกนโยบายอะไรออกมารองรับคนกลุ่มนี้แม้แต่น้อย จะต้องให้พวกเขารอไปอีกนานเท่าใดกันแน่
มีโอกาสไปลงพื้นที่ที่เชียงของหลายครั้งแล้วแต่ไม่ทั้งหมดของทั้งอำเภอเชียงของ แค่ ๔ บ้านเท่านั้น คือ บ้านหาดทรายทอง , บ้านหาดบ้าย , บ้านหัวเวียง , บ้านดอนที่ เพียงแค่ ๔ บ้านปัญหาก็มากมายสุดจะพรรณาได้ ถ้าเราไม่ประสบปัญหาเองก็ไม่รู้ถึงทุกข์ของปัญหานั้นได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีโอกาสลงไปสอบข้อเท็จจริงครอบครัวหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) มีชายคนหนึ่งปัจจุบันอายุประมาณ ๕๐ ปี เกิดที่อำเภอเชียงของ ในบ้านบ้านหนึ่งแล้วก็อาศัยที่เชียงของได้สักพัก จึงไปบวชที่อำเภอแม่สาย หลังจากสึกแล้ว เขาได้ไปอยู่ประเทศลาวสักพักหนึ่งจึงกลับมาประเทศไทยพร้อมกับภริยาลาว หลายปีผ่านไปเขาไปทำเรื่องที่อำเภอแต่ทางอำเภอว่า ชื่อ - สกุล นี้ไม่ใช่ชายคนนี้ ชายคนนี้จึงรู้ว่าชื่อของเขามีชายอีกคนหนึ่งแอบเอาไปใช้อ้างขอลงรายการสัญชาติไทยในช่วงที่รัฐมีการสำรวจ ตอนนี้ชายคนที่แอบเอาชื่อไปใช้ก็ได้สัญชาติไทยเรียบร้อยแล้ว และที่ร้ายกว่านั้น ณ ตอนนี้ชายทั้งสองคนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
การที่มีคนคนหนึ่งมาแอบใช้ชื่อของอีกคนนั้น คนในหมู่บ้านจะไม่รู้เลยหรือ และการขอลงรายการสัญชาติไทยผู้ใหญ่บ้านจะต้องรับรองว่าคนที่ขอลงนั้นเกิดที่หมู่บ้านจริง แต่ชายคนที่แอบเอาชื่อไปใช้นั้นเป็นใครก็ไม่รู้ไม่ใช่คนในหมู่บ้านแล้วผู้ใหญ่บ้านไปรับรองได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ชายคนนี้ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไรชื่อของเขาจะกลับมาหาเจ้าของที่แท้จริง เขาไม่ต้องการเอาผิดใคร ไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนอีก เพียงแต่ต้องการของของเขาคืนเท่านั้น เขาก็ไม่รู้ว่าต้องไปทำอย่างไรบ้าง ต้องฟันฝ่ากับอะไรบ้าง จึงจะได้คืนมา ทุกวันนี้เขาก็มัวแต่โทษตัวเองว่าเมื่อก่อนไม่น่าไปประเทศลาว ถ้าไม่ไปเรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิด อย่าให้เขาต้องโทษตัวเองมากกว่านี้เลย แค่นี้เขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์มากพอแล้ว
เมื่อไรรัฐจะแก้ปัญหาให้คนที่เชียงของได้สักที ไม่ต้องหมดก็ได้แต่ขอให้น้อยลงบ้าง แต่ถ้ารัฐมีนโยบายแก้ปัญหา กลุ่มลาวอพยพที่เชียงของได้ ก็จะทำให้กลุ่มลาวอพยพทั่วประเทศหมดปัญหาไปด้วยเช่นกัน
เมื่อปัญหาดังกล่าวมีทางออกแล้วก็จะพูดได้เต็มปากว่าอำเภอเชียงของ เป็นเมืองที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ผู้คนก็จะมีแต่ความสุขกันถ้วนหน้า
แล้วรายงานสำรวจปัญหาเชียงของจะเสร็จวันไหนล่ะ เริ่มที่เราซิคะ
สมัยเรียนที่เชียงรายเคยมีโอกาสไปเชียงของบ้างครับ แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับกรณีคนตามเขตชายแดนเท่าไหร่ จนมาทำงานและเริ่มสนใจเรื่องการย้ายถิ่นถึงพบว่าเป็นปัญหา
ขอเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจที่จะสู้เพื่อแก้ไขปัญหากันต่อไปนะครับ (พูดเลี่ยงไว้ก่อน เดี๋ยวอาจารย์ใช้งาน ฮ่าๆ ๆ ) จริง ๆ ช่วงนี้สนใจอ่านงานเรื่องคนในพื้นที่ชายแดนอยู่นะครับ เอาไว้เข้าใจมันมากขึ้นจะมาแลกเปลี่ยน
ใช้แล้วทั้งคนลาวต่างก็เข้ามามากมายจนจะครอบครองพื้นที่ของคนไทยเราบางส่วน แถมยังแอบอ้างเป็นคนในพื้นอีก รู้แล้วช่างน่าเจ็บใจ
บางครั้งเห็นชาวเขาขึ้นรถโดยสารแล้วสงสาร เพราะถูกตรวจค้น บางครั้งเหมือนไม่ใช่มนุษย์ แต่บางครั้งค้นก็เจอยาเสพติด เลยทำให้คนดี พลอยโดนผลกระทบไปด้วย
แค่จุดดำจุดเดียวก็ทำให้ผ้าขาวเปื้อนได้โดยไม่สามารถลบจุดดำนั้นได้ค่ะ
แต่ถ้าทุกคนคอยนำผ้านั้นมาทำความสะอาด ผ้าก็จะกลับมาขาวเหมือนเดิมได้ค่ะ
เชิญเยี่ยมชมบล๊อกรวมสาระ
หากคนเชียงของใช้กฎหมายในการจัดการตั้งแต่ต้น ปัญหาก็จะลดลงค่ะ
ความเชื่อของอาจารย์แหววนะคะ
ครับอาจารย์ ผมก็เห็นว่าหากใช้กฎหมายเข้าทำงานอย่างจริงจังจริงๆแล้วละก็
ปัญหาที่อำเภอเชียงของ คงจะลดลงไปมากกว่านี้ครับ
ความหวัง...ที่อยากให้เป็นจริง...มันไม่ใช่เพื่อผม...แต่เพื่อชาวบ้านเชียงของ
เคารพรัก
ก๊อด
เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม
เห็นด้วยที่เราต้องใช้กฎหมายในการทำงาน แต่เมื่อเราใช้กฎหมายแล้ว แต่ถ้าชาวบ้านไม่เอาด้วย เราก็ได้แต่บอกและแนะนำเขาเท่านั้น ส่วนการปฏิบัติก็คงเป็นหน้าที่ของชาวบ้านเองค่ะ