เคยเห็นแต่ในหนังฝรั่ง ที่พระเอกนางเอกเจอกันในห้องซักผ้า แอบหวังว่าตัวเองจะได้เป็นนางเอก เพราะต้องหอบผ้าไปซักแบบนั้นเหมือนกัน
ตอนที่จะซักผ้าครั้งแรก มีพี่คนนึงบอกว่าให้เลือกระบบ Wool ไม่งั้นผ้าจะหด ตอนนั้นก็งง ๆ ว่าต้องเลือกอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย แล้วผ้ามันจะหดได้ยังไง แต่พอได้เห็นเครื่องซักผ้าจึงถึงบางอ้อ
เครื่องซักผ้าที่นี่มีหลายระบบให้เลือก เช่น ผ้าสีหรือผ้าขาว จะซักและล้างด้วยน้ำที่ร้อนมากถึงร้อนที่สุด แต่ผ้าขนสัตว์หรือไหมพรมจะใช้น้ำร้อนปานกลางหรือน้ำเย็น ถ้าเอาเสื้อขนสัตว์ไปซักระบบผ้าสี รับรองได้เลยว่าไม่ได้ใส่เสื้อตัวนั้นอีกแน่นอนเพราะน้ำร้อนจะทำให้เสื้อหดเหลือตัวนิดเดียว
ไม่ใช่แค่เครื่องซักผ้านะ ยังมีเครื่องอบผ้า คนที่นี่นิยมที่จะอบผ้าจนแห้งแล้วพับเก็บเลย เครื่องอบผ้าก็มีระบบให้เลือกว่าจะเอาความร้อนแค่ไหน ด้วยความกลัวกับคำขู่ที่ว่าผ้าจะหดเราก็เลยเลือก Wool อีกเหมือนเดิม
ถึงเราจะเลือกระบบ wool ตลอด จนแล้วจนรอดผ้าก็หดจนได้ ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าเสื้อผ้าเราจะหด แต่หลักฐานอยู่กับตัว เสื้อตัวเล็กลง กางเกงคับขึ้น อาจจะยังพอเข้าใจได้ว่าเราอ้วนขึ้น แต่กางเกงสั้นลง ใส่แล้วเต่อ ๆ นี่สิิ จะให้บอกว่าเราสูงขึ้นตอนอายุ 20 กว่าเนี่ยนะ.....เฮ้อ
ด้วยความงก เพราะเราจะไม่ยอมเสียเสื้อผ้าพวกนี้ไปง่าย ๆ เลยต้องหาวิธีใหม่ ตอนนี้จะแค่ซักผ้าอย่างเดียว ไม่อบแล้วล่ะ (ถ้าไม่จำเป็น) แล้วเอาผ้าที่ซักแล้วมาตาก ๆ แขวน ๆ ไว้ในห้องซักคืนสองคืน ผ้าก็จะแห้ง ลดความเสี่ยงไม่ให้ผ้าหดมากไปกว่านี้ แถมประหยัดขึ้นอีกหน่อย เพราะไม่ต้องจ่ายค่าอบผ้า แค่ทนเห็นผ้ารก ๆ ในห้องสัก 2-3 วัน
ถึงยังไงปัญหาก็มีอีกจนได้ ไม่ใช่เรื่องเสื้อผ้าแล้วล่ะ แต่เป็นเรื่อง รองเท้า
อยู่ที่นี่มาเกือบสองปี มีรองเท้าก็หลายคู่ ร้องเท้าคู่อื่นๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ผ้าใบที่มีอยู่ 3 คู่นี่สิ ใช้มาจะสองปี ยังไม่เคยได้ซักเลย เพื่อนบอกให้เอาไปซักกับเครื่องซักผ้า เราเลยสงสัยว่า ซักเสร็จแล้ว รองเท้ามันจะยังออกมาเป็นรองเท้าอีกรึเปล่าเนี่ย
ตอนนี้ยังไม่รู้จะซักรองเท้าผ้าใบยังไงดี แต่ไม่ถึงกับคับขันเพราะยังทนรับกับสภาพ (และกลิ่น) ของมันได้ แอบตั้งใจไว้ว่า เอาว่ะ ค่อยเอารองเท้ากลับไปซักที่เมืองไทยก็แล้วกัน