ดิฉันได้รับเชิญจากรองอธิบดีณรงค์ให้ความเห็นในการปรับโครงสร้างกรมให้มีประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่มเงินงบประมาณ และขอคนเพิ่ม
ดิฉันเห็นโครงสร้างใหม่แล้วรู้สึกนึกถึงตัวเองที่ปรับโครงสร้างสถาบันไปก่อนแล้วโดยไม่ได้รอให้กรมสั่ง สิ่งที่เหมือนกันระหว่างกรมและ สบร คือการขาดหน่วยงานดูด้านกลยุทย์ HRD งาน emergency respons งาน emerging disease งาน KM
ท่านอธิบดีมีประสบการณ์ตรงในการปรับโครงสร้างโดยไม่ให้มีผลกระทบเพราะโอกาสที่ กพ.จะให้มีไม่มากนัก การประชุมกรมเรื่องนี้มีการพูดกันไม่มากนักนอกจากงานNCDหรืองานโรคไม่ติดต่อ ที่ดูตัวเองว่าไม่มีใครดูเรื่องอัตรากำลังให้เลย ปล่อยให้ทำงานหนักแทบเอาตัวไม่รอดแต่คนทำงานน้อยมากๆ ท่านอธิบดีพยายามให้พูดให้ชัดๆซึ่งคนบ่นกับคนฟังจะไม่ค่อยเข้าใจตรงกันค่ะ คุณหมอฉายศรีเป็นคนที่คล้ายดิฉันคือบ่อนำตาตื้นค่ะ ดิฉันฟังแล้วสงสารที่ทำงานหนักแต่คนน้อย อยากจะช่วยทำให้เกือบน้ำตาซึมไปด้วยค่ะ และแอบเห็นท่านจรูญกระซิบกับรองณรงค์เรื่องนี้ด้วย
ในสบร ที่ดิฉันต้องมาปรับโครงสร้างตามกรม คือการดูแลงาน emerging disease งานHRD งานมาตรฐานและงานประเมินค่ะ
ตัวดิฉันรู้สึกไม่ค่อยสนใจการปรับโครงสร้างกรมมากนักเพราะอยากให้กรมมาดูเรื่องการสร้างcompetency ของบุคลากรมากกว่า ซึ่งถ้าท่านรองอธิบดีมาดูเรื่องKM และเข้าใจพร้อมกับมีการใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาคน กรมน่าจะมีบรรยากาสที่ทำงานดีกว่านี้ค่ะ ท่านรองและท่านอธิบดีเป็นคนใจดีแต่กรมเราอาจจะขาดความเอาใจใส่กัน เนื่องจากงานเรามากกว่ากรมอื่นทำให้ทำงานไม่ทันเลยค่ะ จะเห็นว่างานทุกเรื่องเป็นของกรมคร เกือบทั้งหมด ภาษาชาวบ้านบอกว่าไม้จิ้มฟันยันเรือรบค่ะ
ดิฉันคุยเรื่องนี้กับคุณสุนันทาก็ทราบว่า OFI หรือสิ่งที่ต้องพัฒนา ของกรมในแผนของPMQA ของกรมที่บุคลากรระดับกลางร่วมกันเสนอก็เป็นเรื่องของการพัมนาคนที่ถูกบ่นมากๆค่ะ
ไม่มีความเห็น