ฉันมีญาติแล้ว...แฟนกลับมาจากกรุงเทพฯ มาที่รพ.ที่นี่ก็ ตี 5 ฉันไปนั่งรอที่หน้าห้องคนไข้ เขียนบันทึกไปด้วย ปรกติฉันเป็นคนชอบบันทึกประจำวันมาแต่สมัยมัธยมแล้ว ยิ่งมาบันทึกมากตอนเรียนและทำงาน บันทึกแล้วก็อ่านคนเดียว
ก่อนสองโมงเช้า ฉันก็มีสายน้ำเกลือที่เจาะกับหลังมือด้านขวา พยาบาลแทงเข็มเบอร์ใหญ่ในครั้งแรก บอกว่า ห้องผ่าตัดชอบให้แทงเบอร์ใหญ่สุดเอาไว้เพื่อฉุกเฉิน แต่ว่า เข็มใหญ่ มันแทงไม่เข้า...เจ็บตัวอีก
พยาบาลเปลี่ยนเป็นแทงเข็มเบอร์เล็กลงมา ค่อยยังชั่ว....
แล้วฉากเดิมๆก็มาถึง ฉันถูกเข็นอย่างสบายๆไปที่ห้องผ่าตัด แฟนเอากล้องมาถ่ายรูปฉันไว้ด้วย ...ร่าเริงยังกับไปช้อบปิ้ง ปานนั้น
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด หมอใหญ่ทักทายฉันด้วยนิดหน่อย พอเข้าไปในห้องผ่าตัด ก็มีพยาบาลคอยเตรียมงานกับตัวฉันอย่างดี
ฉันขึ้นเตียงแข็งๆ กางแขนถูกมัด พยาบาลคุยกับฉันเป็นระยะๆ คาดว่า อยากให้คนไข้ สบายใจ มั่นใจในการผ่าตัด พี่พยาบาลจับมือฉันด้วยและคุยเรื่องลายมือ พี่จับไปจับมา พลิกดูบอกว่า
“ ลายมือยุ่งเยิงนะ …แสดงว่าชีวิตนี่ยุ่งๆใช่มั้ย...”
“ พี่ดูลายมือเป็นด้วยหรือคะ....แม่นจัง “ แล้วฉันก็หัวเราะ พี่ก็หัวเราะเบาๆ
“ ผ่าตัดเปลี่ยนไต นานแล้วหรือคะ “ พี่พยาบาลอีกคนถาม
“ น้องนี่ โชคดีมากนะ ทำบุญอะไรมา โชคดีๆ ....”
พี่พยาบาลคุยไปก็จัดผ้า จัดตัวฉันไปด้วย ถามที่จะผ่าตัดวันนี้ และวางผ้าหนาๆที่รักแร้ซ้าย รอบๆหน้าอกซ้าย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
“ เราจะฉีดยาสลบเข้าเส้นนะคะ ไม่ต้องกังวล หลับให้สบายนะ “ ไม่ขาดคำ ฉันก็รู้สึกกับแขนข้างซ้ายที่มีของเหลวซึมมา
ตามเส้นเลือดของฉันอย่างช้าๆ
ฉันพยายามรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยไม่ปรุงแต่ง ไม่คิดค้น ไม่หาสาเหตุไม่ตั้งคำถามแต่พยายามรับรู้การเคลื่อนไหวของกระแส
เลือด ฟังด้วยเลือดเนื้อ ฟังด้วยหัวใจ
ฉันยิ้มน้อยๆกับตัวเอง ยิ้มรับ ต้อนรับ ความรู้สึกดีๆ ความรู้สึกของเส้นเลือด ฟังจังหวะเต้นของหัวใจที่สงบ รับรู้ และรับทราบความเป็นไปเหมือนกับว่าฉันหลับตาไปพร้อมกับ
รอยยิ้มก็ว่าได้
ตื่นมาอีกครั้ง มีคนสักคนมาเขย่าเบาๆที่ไหล่ฉัน มีฝาครอบออกซิเจนที่ครอบจมูกปากเอาไว้ ฉันรู้สึกอึดอัด และเจ็บแผลที่อกซ้ายมาก หัวหนักๆถึงหนักมาก ปากคอขม รสชาติในปากแบบอยากจะออกมาทุกอย่าง แต่ไม่ออก เป็นภาวะที่ไม่สบายเลย
มาถึงห้องพักรวม ศัลยกรรมเด็ก ฉันถูกฝากไว้ห้องนี้ พี่พยาบาลว่า
“ ก็เป็นเคสเด็กๆ ไง เขาเลยมารวมไว้ที่นี่ “
ฉันหิวน้ำมาก หาลูกอมๆ เพื่อแก้ขมปากคอได้บ้าง ฉันลุกไม่ไหว เซแบบจะล้ม ทั้งปวดแผล และปวดหัว แต่ต้องไปเข้าห้องน้ำ ไปกับสายน้ำเกลือ ดีที่ฉันมีญาตินะ ไม่งั้นแย่เลย....
วันนี้ก็เลยนอนปวดแผลทั้งวัน ลอบดูแผลตัวเอง มันก็เล็กนิดเดียว ถูกปิดอย่างดี คงไม่ต้องเปิดจนกว่า จะ 7 วัน มีแต่ฉันที่ต้องระวังตอนอาบน้ำ และไม่ให้เหงื่อซึมมากนัก ไม่งั้นคงสกปรกแย่เลย
ตอนเช้า ฉันเริ่มดีขึ้น หายปวดแล้ว ฉันพยายามไม่กินยาแก้ปวด ตั้งแต่เมื่อวาน พยายามนอนนิ่งๆ ดูความปวด ดูใจตัวเอง ก็สนุกดี
....ตี 5 ฉันลุกเองมาอาบน้ำ หาวิธีอาบที่จะไม่โดนแผล สระผมอีกต่างหาก ได้ผลแฮะ...สบายตัวดี
สายๆ หมอใหญ่ก็มาตามมาด้วยหมอฝึกหัด
“ หวัดดีครับ “ หมอยิ้มทักทาย ก้มดูผลแล็ปในกระดาน
“ โรคเดิม ...ไม่มีอะไรมาก นัดอีก 7 วัน ค่อยมาดูนะ
วันนี้กลับบ้านได้นะ “
หมอใจดีจัง มาเร็วตรงเวลาด้วยแล้วฉันก็ได้กลับก่อน
คุณยายเตียงข้างๆที่มาพร้อมกัน กับเตียงทางซ้าย เด็กหญิง วันนี้เธอก็ไปเข้าห้องผ่าตัดซะแล้ว ฉันมารู้ภายหลังว่า เธอ โดนงูเห่ากัดนิ้ว ตอนไปนา ขุดรูปู ไปเจอรูงู น่ากลัวจริงๆ
ดีที่มา รพ. ทันนะ...
คำว่า “ กลับบ้าน “ น่าจะเป็นคำที่มีความหมายแห่งความสุข
ของคนไข้ทุกคน ฉันคิดว่าอย่างนั้น......
อรุณสวัสดิ์ค่ะ...คุณดอกแก้ว
อ่านแล้วรู้สึกมีความสุขแม้เป็นเรื่องเล่าที่เล่าถึงสภาวะความทุกข์ทางร่างกาย...แต่ข้างในนั้นซ่อนหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้เรียนรู้...ถึงผู้เล่า...
ขอบคุณค่ะ...
(^_____^)
กะปุ๋ม
เป็นกำลังใจให้คุณดอกแก้วนะครับ
คนเคยอยู่สุรินทร์ เคยไปดูงานตลาดนัดสีเขียวครับ
บางทราย
หวัดดีคะพี่....พี่ต๋อยหญิง ที่ เนท เล่าว่าพี่เคยอยู่เนท
ที่สุรินทร์แล้ว....แต่หน่อยมาไม่ทันตอนพี่ทำงานมั้ง
ดีใจคะที่เจอในเวปนี้