อย่ากลัวใหญ่ ใหญ่ไปเลย ฉันสนับสนุนเต็มที่
ผมเพิ่งเสร็จจากการเข้าร่วมประชุมสภา มน.ครั้งที่ 121 (5/2548)
เป็นช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 26 พ.ย. 2548 ที่ชั้น 2
อาคารมิ่งขวัญ
ยังมึนไม่หาย
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ที่ผมได้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสภา
มน. ครั้งแรก
ท่านอธิการพาเข้าไปแนะนำตัว
เพื่อขอแต่งตั้งเป็นรองอธิการบดีเมื่อต้นปี 2547 (ม.ค.47)
และให้รับผิดชอบงานวิจัยเพิ่มเติมจากงาน QA
(เดิมผมเป็นผู้ช่วยอธิการบดีรับผิดชอบงานด้าน QA ตั้งแต่ต้นปี 2544)
ครั้งที่ 2 (มี.ค.47)
นำนโยบายและกรอบการดำเนินงานทั้งด้านวิจัยและ QA
เข้าขอความเห็นชอบก่อนนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน (ครั้งที่ 1 และ
ครั้งที่ 2 ท่านนายกสภา คือ ฯพณฯ องคมนตรี ศ.นพ.เกษม
วัฒนชัย) ครั้งที่
3 นำเสนอผลการประเมินคณบดี 5 คณะที่จัดตั้งใหม่
และครั้งนี้ ครั้งที่
4 ต้องเข้าประชุมเนื่องจากมี 3
เรื่องที่ผมต้องเข้าชี้แจงด้วยตนเอง
1.
นำเอกสารเข้าแจ้งเพื่อทราบ 2 เรื่อง เกี่ยวกับผลการประเมินโดย สมศ.
(รอบแรก) และ Proceedings จากงาน “นเรศวรวิจัย” ครั้งที่ 1
2.
ขอความเห็นชอบค่าน้ำหนักในการประเมินคุณภาพภายนอก (รอบ 2)
3.
ขอความเห็นชอบโครงการจัดตั้งศูนย์บริหารการวิจัยและพัฒนา
(RDAC)
มติ ของเรื่องที่ 1
และ 2 ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้มึน เรื่องที่ 1 คณะกรรมการรับทราบ
แต่ก็แปลกใจกันเล็กน้อย ว่าทำไมผลการประเมินออกมาช้า ทั้ง ๆ ที่ มน.
เป็นหนึ่งในห้ามหาวิทยาลัยนำร่องของ สมศ.ในการประเมินรอบแรก
ส่วนเรื่องที่ 2 สภา
มน.เห็นชอบตามมติของคณะกรรมการบริหารที่ผมเคยเล่าไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
< Link >
เรื่องที่ทำให้มึนไม่หายจนถึงขณะนี้ ที่กำลังบันทึก blog นี้คือ
มติในเรื่องที่
3
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ท่านนายกสภา (ศ. เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี
ศรีอรุณ) ท่านให้คำแนะนำว่า “อย่ากลัวใหญ่ ใหญ่ไปเลย
ฉันสนับสนุนเต็มที่”
เรื่องที่ผมนำไปขอความเห็นชอบ คือ ขอแยก “งานวิจัย” ออกมาจากกองบริการการศึกษา
ให้เป็นหน่วยงานอิสระระดับกอง (ภาควิชา)
ขึ้นตรงกับสำนักงานอธิการบดีชื่อ “ศูนย์บริหารการวิจัยและพัฒนา”
ท่านนายกสภาให้ผมนำกลับไปแก้ไข และนำมาเสนอใหม่ให้เป็น
“สถาบันวิจัยและพัฒนา”
และให้เป็นหน่วยงานในระดับคณะ !! กรรมการท่านอื่น ๆ
ก็สนับสนุนและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก
เป็นการบ้านข้อใหญ่ของผมอีกแล้ว อีก 2
เดือนข้างหน้าต้องส่ง ท่านใดมีข้อเสนอแนะดี ๆ ช่วยด้วยครับ
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าเลยครับ
วิบูลย์
วัฒนาธร
26 พ.ย.48
ความเห็น
ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยครับ "สถาบันวิจัยและพัฒนา"
ผมไม่เห็นรายละเอียดแต่ขอแจมด้วยคนครับ คือ สถาบันนี้น่าจะมีส่วนใหญ่
ๆ คือ
1.
เรื่องการวิจัย,สนับสนุนงานวิจัย,วิเคราะห์-ตรวจสอบงานวิจัยและที่สำคัญต้องวิจัยสถาบันตัวเองด้วย
2. เรื่องพัฒนา
ต้องพัฒนาบุคลากรให้มีขีดสามารถในการแข่งขันอย่างน้อยเรื่อง
"มหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย" จะเดินกันไปทางไหน
จะเน้นความเป็นเลิศในด้านใดบ้าง
3. เรื่องอื่น ๆ ก็น่าจะเป็นงานที่เหลือ (และสำคัญ)
เรื่องประกันคุณภาพ ฯลฯ
4. อีกเรื่องคือ "คลินิกเทคโนโลยี" , เครือข่ายภาคเหนือตอนล่าง
ฯลฯ
5. อย่าลืมเรื่องหาทุนด้วยนะครับ ฝ่ายหาผลประโยชน์ ฯลฯ
อาจเป็นหน่วยงานมือปืนรับจ้าง รับงานจากจังหวัดมาแล้วแจกให้คณะฯ ทำงาน
หรือตั้งทีมงานเฉพาะกิจขึ้นมา หรือ หาsponsor เฉพาะเรื่อง ฯลฯ
ยังมีงานใหญ่รอคอนข้างหน้าอีกมากครับ รักษาสุขภาพให้ดีนะครับ
(ทานน้ำผึ้งทุกวันท่าจะดี) ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
ระวังชื่อ "สถาบันวิจัยและพัฒนา"
จะสร้างความสับสนนะครับ
ต้องให้ชัดว่าหน่วยนี้จะทำอะไร
บริหารการวิจัย หรือ ทำงานวิจัย
ผมเคยเห็นชื่อนี้สร้างความสับสนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในหน้าที่
ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็เพราะมีปัจจัยอีกหลากหลายเข้ามาพัวพันเมื่อเวลาผ่านไป
ที่สำคัญที่สุดคือผลประโยชน์ของคน
เอาไว้พบกันแล้วผมจะเล่าเรื่องจริงให้ ดร. วิบูลย์ ฟัง
วิจารณ์
กราบขอบพระคุณอาจารย์หมอ และขอบคุณอาจารย์สมลักษณ์เป็นอย่างมากครับ
อาจารย์ครับ ดังที่ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์กล่าว
ผมว่าดีมากเลยครับ ถ้าสถาบันวิจัยและพัฒนาของ มน. ที่จะตั้งขึ้นมา
ทำหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนและบริหารงานวิจัย
ให้กับอาจารย์และนักวิจัยที่สังกัดแต่ละคณะหรือแต่ละหน่วยงานภายใน
มน.
ซึ่งจะทำให้นักวิจัยมีโอกาสได้ใช้เวลาทำงานวิจัยได้อย่างเต็มที่กว่าเดิม
เนื่องจากงานงานบริหารอื่นๆ นั้น (ทั้งด้านการเงิน
ติดต่อประสานงานและเอกสาร) ทางสถาบันวิจัยฯ จะเป็นคนดูแลให้
(ใช่หรือเปล่าครับ)
อีกทั้งสถาบันฯ อาจช่วยนักวิจัยโดยการหาแหล่งทุนจากภายนอก
หรือแม้แต่สถาบันเองก็มีการให้ทุนวิจัยสำหรับนักวิจัยที่อยู่ตามหน่วยงานต่างๆ
ภายใน มน.
ในอีกทางหนึ่ง ถ้าสถาบันฯ มีนักวิจัยซะเอง
ผมก็ไม่ทราบว่าจะมีนโยบายในการบริหารจัดการเรื่องการกระจายทุนให้ทั่วถึงอย่างไรบ้างครับอาจารย์
เห็นด้วยกับสถาบันวิจัยและพัฒนาดังกล่าวนะคะ
มันหมายถึงความเติบโตของงานวิจัย
และความเติบโตของโครงสร้างภายในหน่วยวิจัย คือก้าวที่ดีของมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย
เพียงแต่หาความชัดเจนความหมายของชื่อสถาบัน
เหมือนกับที่คุณหมอวิจารณ์แนะนำ มาก็ดีค่ะ
เป็นกำลังใจให้อ.วิบูลย์ครับ
ผมว่าดีครับที่จะได้มีหน่วยงานที่ชัดเจน
แต่อย่าให้เหมือนสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพของมน.นะครับ
ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ศึกษานะครับ แต่ต้องค้นหาหน่อยครับ
เพราะข้อมูลหลายส่วนอาจหาร่องรอยยากครับ ด้วยความรักและห่วงใยครับ