ก่อนอื่นคงต้องออกตัวก่อนเล็กน้อย ว่าเรื่องราวในวันนี้ผมคงต้องให้ลดทอนลง เพราะด้วยเวลาอันจำกัด และเริ่มรู้สึกว่าตนเองร่ายเรื่องราวยืดยาวมากจนเกินไป ไม่กระชับเท่าที่ควร อย่างที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า (Abundant) จึงขอให้ทุกท่านโปรดอภัย หากว่าอ่านแล้วดูกระโดดๆไปบ้าง
ด้วยเหตุที่ผมผ่านตากับข่าวหน้าหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของอาจารย์โรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง ที่พบว่ามีอาการผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง ทำให้ผมนึกย้อยไปถึงเนื้อหาวิชา Sexuality Education ที่อุตส่าห์ดั้นด้นไปเรียนถึงคณะแพทยศาสตร์ [แถมได้ A มาอีกด้วย... : ) ]
Sigmund Freud
ที่มา www.loc.gov/rr/print/list/235_pof.html
มีเนื้อหาส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการพัฒนาการด้านจิตเพศในวัยเด็ก ซึ่งเด็กทั้งเพศชายและหญิง โดยบิดาของวิชานี้ Sigmund Freud ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาการในช่วงหนึ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน สำหรับเด็กชายเรียกว่า ปมอิดิปุส (Oedipus complex)หรือ ปมปิตุฆาต ส่วนในเด็กหญิงจะเรียกว่า ปมอิเรคต้า (Electra complex) หรือ ปมมาตุฆาต โดยที่มาของชื่อทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับตำนานกรีกโบราณโดยตรงเลยทีเดียว ดังเรื่องราวต่อไปนี้
Oedipus complex เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเด็กชาย โดยจะรู้สึกชิงชังบิดาของตนเอง แต่จะชื่นชอบในมารดาของตน (ต่อไปขอเรียกแทนว่าพ่อ จะสั้นได้ใจความดี และคำว่ามารดาด้วยเช่นกัน ขอแทนด้วยคำว่า แม่) ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับความรู้สึกดังกล่าว คงต้องค้นคว้าเอาเองนะครับ
ที่มาของตำนานเกี่ยวกับ Oedipus complex มาจากชายหนุ่มที่ชื่อว่า Oedipus เรื่องมีอยู่ว่า Oedipus เป็นบุตรชายที่ถือกำเนิดจากบิดาชื่อ Laius และมารดา Jocasta
เนื่องจากสมัยหนุ่ม Laius พ่อของ Oedipus ได้ทำบาปร้ายแรง เนื่องจากได้ลักพาตัวเด็กน้อย Chrysippus ไปแล้วฆ่าจนตาย (ชักนองเลือดน่ากลัว....จัง) พ่อของ Chrysippus พอรู้เรื่องจึงสาปแช่งให้กรรมสนอง Laius แต่ทว่าคำแช่งนั้นกลับตกไปถึง Oedipus ผู้อาภัพ โดยคำสาปแช่งนั้นมีใจความว่า ให้บุตรของ Laius ที่เกิดมา จะเป็นผู้ฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าของตนเอง และแต่งงานอยู่กินกับแม่แท้ๆของเขา
Laius เมื่อรู้อย่างนั้น จึงไม่เข้าใกล้ Jocasta เนื่องจากกลัวอดใจไม่ไหว แต่ทว่าในที่สุดก็ทนการยั่วยวนของ Jocasta ไม่ไหว เผลอไปมีอะไรเข้าจนได้ แถมครั้งเดียวเกิดตั้งท้องขึ้นอีกต่างหาก
ภาพ Oedipus วัยหนุ่ม
ที่มา http://www.hellados.ru/gallery/pic/edipus.jpg
และแล้วเมื่อ Oedipus ถือกำเนิดเกิดมา พ่อใจยักษ์ผู้กลัวตาย ก็จัดแจงเอาเข็มกลัดแทงข้อเท้าทั้งสองของทารกน้อย (ใจร้ายจริงๆๆ) แล้วให้ทหารนำเด็กทารกไปทิ้งบนเขา หวังให้สัตว์ร้ายต่างๆเอาไปกินเป็นของหวานหลังมื้อเย็น
ทหาร Phorbas ช่วยให้ Oedipus พ้นจากความตาย
ที่มา http://www.mlahanas.de/Greeks/Mythology/Images/PhorbasOedipusLouvre.jpg
แต่แล้วทหารใจดี กลับไม่เอาทารกไปทิ้ง ดันนำไปมอบให้พระราชา Polybus (ไม่ได้แปลว่า รถเมล์พ่วง นะครับ) แห่งเมือง Corinth ผู้ที่เลี้ยงดูทารกน้อยประดุจลูกชายตน
เวลาผ่านไปจน Oedipus เติบใหญ่เป็นหนุ่ม ขาก็หายดีแล้ว ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่จัดขึ้นโดย Polybus มีแขกในงานคนหนึ่งรู้ความเป็นมาของ Oedipus จึงเรียกเค้าว่า คนชั่วช้าสามาร Oedipus รู้ดังนั้นจึงไปถามความจริงเอาจากผู้เฝ้าเทวสถาน ซึ่งแทนที่จะบอกเรื่องเชื้อสายที่แท้จริงของ Oedipus กลับเล่าถึงเรื่องคำสาปแช่งให้เค้าทราบแทน
Oedipus รู้ความดังนั้นจึงเตรียมหนีออกจากเมือง เนื่องจากกลัวว่าตนจะทำร้ายบิดาและมารดาตนเอง (พ่อแม่ตัวปลอม) และระหว่างทางที่เค้าหนีจากเมืองนั้นเอง เค้าได้พบกับชายที่ถือไม้เท้า ซึ่งเดินทางมาแสวงบุญ นั่งอยู่บนรถม้าลาก และกล่าวให้ Oedipus หลีกทางให้รถม้าผ่านไป แล้วฟาดไม้เท้าในมือไปยังศีรษะของ Oedipus พ่อหนุ่มเลือดร้อนกำลังหงุดหงิดพอดี เลยตอบโต้ซะจนชายบนรถม้าถึงแก่ความตาย
เวรกรรมนั้นมีจริงแท้แน่นอน และตามมาสนองไวทันใจยังกะติดจรวด ชายที่ Oedipus เพิ่งจัดการไปคือ Laius พ่อแท้ๆของเค้าเอง โดยที่ Oedipus ไม่ได้ทราบเลยว่าทำอะไรลงไป
เมื่อ Oedipus เดินทางมาถึงเมือง Thebes ซึ่งในเวลานั้นมีสัตว์ร้ายที่ชื่อว่า Sphinx เข้ามาอาละวาด สร้างความพรั่นพรึงให้แก่ชาวเมืองยิ่งนัก โดยเจ้า Sphinx จะถามปัญหาแก่ผู้ที่อาจหาญจะเข้าไปกำจัดมัน หากตอบคำถามผิด ก็จะจับโยนเข้าปากกร่วมๆ จนชาวเมืองตายไปหลายคน ผู้ดูแลเมืองตอนนั้น จึงประกาศว่าผู้ใดที่กำจัด Sphinx ได้ ผู้นั้นจะได้รับตำแหน่งราชาผู้ครองบัลลังค์ และได้ครอบครองราชนีหม่ายของเมือง Thebes แถมไปอีกด้วย
ภาพ Oedipus และ Sphinx
ที่มา http://bama.ua.edu/~ksummers/cl222/oedipus.jpg
Oedipus ทราบข่าวจึงเดินทางไปไขปัญหาจาก Sphinx โดยไม่กลัวว่าจะตกเป็นของว่างยามบ่าย เมื่อเผชิญหน้ากับ Sphinx แล้ว คำถามที่ Oedipus ได้รับคือ
ที่มา www.hellenic-art.com/statues/bronze.htm
"อะไรเอ่ย ตอนเช้าเดินสี่ขา ตอนกลางวันเดินสองขา แต่พอตอนเย็นเดินสามขา ชะเอิงเอย......"
Oedipus ใช้หมองนั่งสมาธิ เชิญเณรน้อยอิคคิวเข้าร่าง ไม่ช้าก็...ปิ๊งๆ... Oedipus ตอบอย่างรวดเร็วว่า "คน" (คน ตอนเด็กคลานไปมา เหมือนเดินสี่ขา พอโตขึ้นก็เดินสองขา แต่พอเริ่มแก่ยักเย่ยักยัน เดินถือไม้เท้า เท่ากับเดินสามขา) พอคำตอบออกมาดังนั้น Sphinx เห็นว่าตอบถูก ก็อายเพราะหน้าแตก นึกว่าจะมีลาภปาก ก็เลยบินหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
ที่มา www.oceansbridge.com/.../section.php?xSec=3837
Oedipus จึงได้เป็นราชาของ Thebes และได้ครองราชนีหม่ายแสนสวยด้วยอีกต่างหาก แต่ทว่าต่อมาไม่นานเริ่มเกิดลางร้ายขึ้น ทั้งโรคระบาด และความรุนแรงต่างๆ เกิดขึ้นทั่วนคร Thebes
ในฐานะราชา Oedipus จึงต้องสืบหาต้นต่อของอาเพศครั้งนี้ จนในที่สุดมีชายตาบอดคนหนึ่งชื่อ Tiresias ได้พบกับ Oedipus แล้วบอกให้ทราบถึงต้นเหตุของเภทภัยที่เกิด ว่ามาจากตัวของ Oedipus เองนั่นหล่ะ ที่ฆ่าพ่อของตนเองตาย Oedipus ไม่เข้าใจ แถมไม่เชื่อและเข้าใจว่าเป็นแผนโค่นบัลลังค์วัง.....ทอง ของพี่ชายของ Jacasta (หรือคือลุงของเค้าเอง) จึงได้สั่งประหารชายตาบอดเสีย
แต่ต่อมาไม่นาน ข่าวการสิ้นพระชนม์ของราชา Polybus ก็มาถึง โดยราชาตายด้วยโรคชรา ทำให้ Oedipus ถึงกับงุงงง จนคิดออกถึงชาติกำเนิดของตน ว่าไม่ใช่บุตรแท้ของ Polybus ดังนั้นชายที่เค้าปลิดชีพไปต้องเป็นพ่อแท้ๆของตน และหญิงที่เค้าอยู่กินด้วยทุกวันนี้คือแม่แท้ๆ เช่นเดียวกัน (แต่พี่ท่านดันมีลูกด้วยกันไปแล้วถึง 4 คน) ทำเอา Oedipus บ้าคลั่ง ส่วน Jacasta เมื่อรู้เรื่องเกิดความอับอาย จึงผูกคอตนเองจนเสียชีวิตในห้องที่มีสัมพันธ์ครั้งแรกกับ Oedipus
ที่มา www.scholarsresource.com/browse/museum/27
Oedipus เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของแม่ จึงคว้าเข็มกลัดแทงเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้าง จนบอดสนิท แล้วจึงสละราชสมบัติให้บุตรชาย แล้วรอนแรมไปยังที่ต่างๆทั่วอาณาจักร จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เรื่องราวโศกนาฏกรรมดังกล่าว จึงเป็นที่มาของคำว่าOedipus complex ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ส่วนเรื่องความเป็นมาของ Electra complex ผมต้องขอติดเอาไว้คราวหน้านะครับ เพราะรู้สึกว่าจะมีแต่เรื่องเครียดๆมากไปซะแล้ว แต่ส่วนใหญ่ตำนานกรีกมักเป็นเรื่องราวความไม่สมหวัง และความเศร้าเสมอๆครับ
หมายเหตุ : บางคนกลัวว่าลูกจะเป็น Oedipus complex ซึ่งความจริงการพัฒนาการที่มากขึ้น การเรียนรู้ และการสั่งสอนของพ่อแม่ จะทำให้ความรู้สึกในวัยเด็กดังกล่าวหายไปได้เอง
ขอบคุณคุณ วีร์ ครับ ที่เข้ามาให้กำลังใจ จะพยายามต่อไปครับ
มีมนต์ขลังชวนติดตาม...
ขอบคุณ อ.จันทรรัตน์ ที่คอยติดตามอ่านเสมอครับ สงสัยต้องส่งอาจารย์ไปลงแข่ง แฟนพันธุ์แท้เทพเจ้ากรีก
ปล.เพิ่งเขียนเรื่องสั้นๆไว้เรื่องหนึ่งเหมือนกันค่ะ ^_^ http://gotoknow.org/blog/kjira/81213
ขอบคุณนะครับ คุณ k-jira จำได้ว่าเคยยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้ ....อิอิ
ได้เข้าไปอ่านเรื่องที่เขียนไว้แล้วนะครับ เขียนได้ดีมากครับ อ่านแล้วได้ข้อคิดกินใจ ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนกันครับ