การเรียนรู้สายเดี่ยว ที่แห้งเหี่ยว


เราจัดการเรียนรู้แบบ เอาวิชาเป็นตัวตั้ง มุ่งชำนาญเฉพาะทางมากเกินไป จนสุดโต่ง เป็นผลทำให้เวลามาทำงานจริง จึงเกิดอาการ ความรู้ไม่พอใช้

             การโผล่ปรากฎ จากผลการเรียนรู้ แบบสายเดี่ยว ที่เราจัดการเรียนรู้แบบ เอาวิชาเป็นตัวตั้ง  มุ่งชำนาญเฉพาะทางมากเกินไป จนสุดโต่ง  เป็นผลทำให้เวลามาทำงานจริง จึงเกิดอาการ  ความรู้ไม่พอใช้ โดยเฉพาะ ต้องมาทำงานกับองค์กรในท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) ที่ต้องทำงานร่วมกับคนหลายหลากอาชีพ

              คุณ พัฒนพงษ์  มณีทอง  หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลร่อนทอง  อ.สตึก จ.บุรีรัมย์  ที่เล่าให้ผมฟังด้วย อารมณ์ที่สนุกสนาน แฝงด้วยความเขินอาย เพราะต้องมาเรียนรู้อีกมากมาย ทั้งๆที่ จบสายตรงมา ตรงกับสายงานที่ทำ เรียนมาหมด ทั้ง  การก่อสร้าง  การออกแบบ การบริหารงาน  การประเมินและประมาณการราคา   การสำรวจ  ครบถ้วนกระบวนความ  

       Dscf7265             Dscf7253               Dscf7257

              แต่พอมาทำงานจริง ความรู้เหล่านี้ไม่พอใช้   แค่ไปขอตัดถนนผ่านพื้นที่นาของชาวบ้าน วิชาที่เรียนมาใช้ไม่ใด้ เลย  เพราะไม่สามารถเอาวิชาเขียนแบบไปอธิบายให้เจ้าของที่เพื่อขอตัดถนนผ่าน นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วอาจจะโดนของแถมกลับบ้านก็ใด้

              จึงต้องกลับมาทบทวน ว่าจะไปเรียนวิชาอะไร เรียนจากที่ใหน เรียนอย่างไร เท่าที่มองเห็นที่จำเป็น ที่จะต้องเร่งด่วน  คือวิชาการทูตที่ใช้คำพูดกล่อมให้เขายอมให้ตัดถนนผ่านด้วยความเต็มใจ  แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ   อาจจะต้องใข้ วิชาตัวช่วย แทนที่เราจะไปพูดเอง ก็ไปสืบเสาะหาผู้นำ(ตามธรรมชาติ) ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ มาช่วย อธิบายความสำคัญและประโยชน์ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง และชุมชน  วิชาการเข้าร่วมทำงานกับชาวบ้าน ต้องกลับไปเรียนใหม่ที่กรมการปกครอง  นอกจากนี้ ยังต้องเรียน วิชาวัฒนธรรมการเป็นข้าราชการ วิชาการเขียนแบบ และประเมินราคาด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์ วิชาทำงานกับผู้รับเหมาก่อสร้าง วิชาการ เพราะสมัยเรียน ไม่ใด้เรียนมาเลย

  • แล้วเราจะมีกระบวนการเรียนเรียนรู้ อย่างไรจึงจะสอดรับกับการทำงานจริง และชีวิตจริง
  • จะเข้าตำรา วิชาเรียนไม่ใด้ใช้  วิชาใช้ไม่ใด้เรียน..หรือเปล่าครับ
  • ถ้าโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา จะจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้อง สอดรับกับการทำงานจริง กับชีวิตจริง จะต้องทำการบ้านอะไรบ้างครับ
  • ตัวองค์กรเองจะปรับเปลี่ยน กระบวนการทำงานอย่างไร ที่จะส่งเสริมให้วิถีของการทำงาน เป็นวิถีแห่งการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน

                  ไคร่ขอความเห็น ความกรุณาจากท่านทั้งหลายช่วย ไขปัญญา ใส่ความรู้  จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ครับ

             

 

              

            

หมายเลขบันทึก: 78870เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2007 20:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

การเติมต้องเริ่มมาจากฐานคิดเป็นทุนครับ ไม่ใช่เติมจากความคิดที่ว่างเปล่า ยากครับ

กรุณาเขียนต่อให้มีประเด็นขมวดลงท้ายที่คนอื่นสามารถต่อยอดได้จะเกิดประโยชน์กว่านี้ครับ

ก่อนอื่นต้องขออภัยมาก ๆ นะครับที่ขอใช้ช่องข้อคิดเห็นส่งมาถามข่าวคลาวอาจารย์

เป็นอย่างไรบ้างครับอาจารย์สบายดีอยู่บ่? อย่าหักโหมมากนะครับอาจารย์หาเวลาพักผ่อนบ้าง หรือมันอาจจะดี ถ้าอาจารย์มาเยี้ยมยามที่ ม.อุบลบ้าง บางทีน้องมาจากเวียงจันอาจมียาวิเศษรักษาได้นะครับ ท้ายนี้ ขอให้อาจารย์หายเร็วนะครับจะได้พาน้อง ๆ ไป ร. ย

ด้วยความเคารพ

แสนดี

   ขณะที่ผมเขียน ก็มีความรู้สึก ไม่ใด้ดั่งใจครับ แต่ดีครับ อาจารย์ช่วยย้ำ ให้ผมมองชัดขึ้นมากครับ ยังไงต้องขอบคุณ อาจารย์มากเลยครับ

  • เรียนถามอาจารย์...ในประเด็นเข้าไปขุดองค์ความรู้พอทำได้  แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรที่จะดึงอบต. เข้ามาสู่วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อที่ผมจะใด้ประเมิน ความรู้ และความสนใจและความเป็นไปใด้ให้เขาเห็นความสำคัญ และยกระดับแนวคิด ของเศรษฐกิจพอเพียง ไปสู่การปฏิบัติในระดับนโยบายครับ
  •   ผมสบาย แต่ไม่ค่อยดีครับ คุณแสนดี ขอบใจหลายเด้อ.....ที่เป็นห่วง
  • ฝากความคิดถึง ไปยังพี่น้องที่มาจากฝั่งซ้ายแม่นำโขงทุกคนครับ ทั้งคุณติ๊ก  คุณดารีสวรรค์  พี่วิประสิทธิ์ และคนอื่นที่จำไม่ใด้ ขอให้สบายดี มีแฮงทุกคน เด้อ สิ บอกไห่........

เรียนคุณครูศิริพงษ์

นอกจากการเรียนแล้ว   อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องมีคือประสบการณ์จริง  หรือเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น นำมาประยุกต์ใช้  การพูดก็ต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลป์ในการพูด  การพูดต้องมีพื้นฐานของความจริงประกอบด้วยค่ะ    ขออภัยมาณ ที่นี้หากผิดพลาดประการใด

เรียนอาจารย์Ranee

  •        ขอคิดต่อยอดจากอาจารย์ครับ  การปฏิบัติจริงกับการเขียน การพูด เป็นของคู่กัน มีผู้รู้พูดไว้ว่า คนที่อ่านหนังสือมากพูดจะเหี่ยวไปเรื่อยๆ  แต่คนที่ปฏิบัติด้วยตัวเองยิ่งพูดยิ่งโตขึ้น
  • ประเด็นคือการการเลือกพูดความจริงในเวลาที่เหมาะ ที่ควรก็เป็นชุดความรู้อีกชุดหนึ่งที่สำคัญมากครับ

 

ถึงอาจารย์ศิริพงษ์

      ผมมีความเห็นคล้าย ๆ กับอาจารย์...... ว่า  ปรากฏการณ์ปัจจุบันเป็นจริงดังที่อาจารย์ว่า  เพราะเห็นน้อง ๆ  ที่จบมา  หรือ กำลังศึกษาอยู่  เขาไม่สามารถคิดอ่าน หรือ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น  ได้เป็นเสียส่วนใหญ่  ( แม้นกระทั่งการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลง่าย ๆ  เขาก็ยังทำไม่ได้  แล้วอย่างนี้เราจะหวังอะไรกับอนาคตของชาติ ) หรือว่าระบบการศึกษา  ณ  เวลานี้ไม่ได้สอนให้คนไม่รู้จักแก้ปัญหา ใช้ปัญญา  แต่ใช้การเลียนแบบเสียมากกว่า    การเคารพนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ก็ไม่มีเสียเลย  ความเป็นรุ่นพี่  รุ่นน้อง  ดังเช่นในอดีตได้แห้งหายไปจากสังคม   หรือว่าดังคำกล่าวของท่าน พุทธทาส    การศึกษา  หมาหางด้วน  

      

เรียนคุณทวีวัตร

  • การศึกษาทุกวันนี้ส่วนมาก(99%) เด็กรับรู้ครับ  ไม่ใด้เรียนรู้
  • ครูปัจจุบันส่วนมากเป็นไปรษณีย์ความรู้ครับมีหน้าที่เปิดสมองเด็ก แล้วเทความรู้ใส่ แล้วก็ปิดไว้   เด็กไม่ใด้ทำอะไรเลยครับ คิดก็ไม่ใด้คิด ทำก็ไม่ใด้ทำ มีคนอื่นทำให้หมด
  • จึงไม่แปลกที่เด็กไทย(ส่วนมาก) พอจบออกมา ก็เป็นง่อย ทั้งสมอง แขนขา หูตาจมูก เป็นง่อยหมด
  • ผมว่าถ้าเราไม่รีบช่วยกันแก้ไข ประเทศของเราก็จะเป็นง่อยอย่างแน่นอนครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท