เมื่ออวัยวะต่างๆ รวมตัวกันเป็นร่างกายมนุษย์ในครั้งแรกอวัยวะแต่ละส่วนของร่างกายต่างต้องการจะเป็นเจ้านายใหญ่
สมอง พูดว่า “ฉันควรจะเป็นนายใหญ่ เนื่องจากฉันควบคุมการทำงานทุกส่วนของร่างกาย”
เท้าสองข้าง แย้งว่า “เราสิควรเป็นนายใหญ่ เพราะเราพาสมองไปไหนมาไหน และนำร่างกายไปสู่จุดหมายได้”
มือสองข้าง จึงพูดบ้างว่า “เราต่างหาก ที่ควรเป็นนายใหญ่ เพราะเราทำงานทุกอย่าง และหาเงินมาเลี้ยงร่างกาย”
อวัยวะทั้งหลายต่างแสดงความคิดเห็น และอ้างเหตุผลกันไปเรื่อย จนกระทั่งทวารหนัก พูดบ้างว่าตัวเองควรเป็นนายใหญ่”
ซึ่งทำให้อวัยวะอื่น ๆ พากันหัวเราะเยาะ ดังนั้น ทวารหนัก จึงเริ่มประท้วงด้วยการหยุดนิ่งไม่ทำงานถ่ายอุจจาระ ภายในเวลาไม่นาน ตาเริ่มเหร่ มือเริ่มบิด เกร็ง เท้าเริ่มกระตุก หัวใจและปอดเริ่มหวาดผวา สมองเริ่มมีไข้
ดังนั้น อวัยวะทุกส่วนจึงมอบให้ทวารหนักเป็นนายใหญ่ของร่างกาย กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายจึงดำเนินต่อไปได้ตามปกติ
นับแต่นั้นมาอวัยวะทั้งหลาย ช่วยกันทำงานสำคัญของร่างกายอย่างเต็มที่ในขณะที่ทวารหนักซึ่งเป็นนายใหญ่ เพียงแต่อยู่เฉยๆ คอยระบายของเสียออกจากร่างกายเท่านั้น
ข้อคิดจากเรื่องนี้ คือ การเป็นเจ้านายที่ดีไม่จำเป็นต้องอาศัยความฉลาดปราดเปรื่องมากนัก เพียงแต่สนับสนุนลูกน้องให้ทำงานเต็มความสามารถ อย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว
ดิฉันอ่านนิทานเรื่องนี้ เห็นว่าน่าสนใจเลยอยากให้ทุกคนได้อ่านเพื่อจะได้นำข้อคิดจากนิทานนี้ไปปรับใช้ หวังว่าคงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
ไม่มีความเห็น