หากจะให้พูดถึงความรักในแง่มุมต่างๆ เราสามารถหยิบยกเรื่องราวที่หลากหลาย มากล่าวได้ไม่จบสิ้น เพราะความรักยังเป็นสิ่งที่รอการค้นหาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในแง่มุมดีๆ ที่ทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า หรือแง่มุมที่เลวร้าย ที่สามารถนำเอามาเป็นบทเรียนสอนใจให้เรารู้จักคำว่ารักได้ดีขึ้น คนบางคนพยายามเรียนรู้ที่จะรัก แต่สำหรับบางคน รักเพื่อที่จะเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบใดก็ตาม เชื่อว่าความรักยังคงเป็นสิ่งที่สวยงาม น่าสัมผัสจับต้องเสมอ เพราะพลังของความรักสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนเราสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดี และการคบหาดูใจกับใครสักคน ซึ่งบางครั้งอาจลงเอยถึงขั้นใช้ชีวิตร่วมกัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนในละคร ที่ตอนสุดท้ายจะลงเอยด้วยความสุขสมใจปรารถนา การใช้ชีวิตคู่มีตัวแปรหลายอย่างที่สามารถกำหนดและตัดสินชะตาชีวิตของคนสองคน ว่าจะอยู่รอดปลอดภัย หรือว่ามีอันเป็นไปก่อนวันและเวลาอันควร
ปฐมบทแห่งความรักกำลังจะก่อตัวขึ้นแล้ว โปรดติดตามใต้ข้อความนี้
1. เข้าใจ : การที่จะยอมรับความคิดเห็นและการกระทำที่เราไม่เห็นด้วยนั้น มันยากเอาการทีเดียว ความเข้าใจในพื้นฐานความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายจะช่วยได้ ว่าเขาคิดและกระทำสิ่งนั้นๆ เพราะอะไร ลองทำความเข้าใจพื้นฐานในชีวิตเขาเสียก่อน แล้วเรื่องอื่นก็ไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ
2. ให้อภัย : เมื่อใครคนหนึ่งทำให้เราโกรธ มันยากมากที่เราจะระงับความโกรธนั้นและปล่อยให้มันผ่านไป แต่หากเราสามารถเอาชนะความโกรธ และให้อภัยในสิ่งที่เขาทำได้ นอกจากเราจะชนะใจเขาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการชนะใจตัวเอง ทำให้เรารู้จักปล่อยวาง เพราะสิ่งใดที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ โกรธไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และนอกจากความสุขในหัวใจที่เพิ่มพูน เราก็ได้รู้จักการให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้อภัยนั่นเอง
3. อดทน : ความอดทน เป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อการใช้ชีวิตคู่ เพราะหากมีเรื่องมากระทบจิตใจ สิ่งที่จะทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนอยู่ได้ ก็คือความอดทน ไม่มีคู่ไหนที่จะมีชีวิตรักราบรื่นเสมอไป การใช้ชีวิตคู่ต้องมีอุปสรรคและเรื่องราวกระทบจิตใจอยู่ไม่น้อย จะมากจะน้อยก็แตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าเราสามารถตั้งรับกับปัญหา และมีความอดทนมากพอที่จะรอให้ปัญหานั้นมันผ่านไปเองได้หรือไม่
4. คงไว้ซึ่งตัวตน : การรักษาความเป็นตัวของตัวเอง จะทำให้
ตัวเราและอีกฝ่าย ไม่อึดอัดที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน จงอย่าแสดงความไม่เป็นตัวของตัวเองออกไปเพื่อสร้างภาพให้อีกฝ่าย รู้สึกดี พึงระลึกไว้เสมอว่าสิ่งที่อีกฝ่ายรักนั้นมันไม่ใช่ตัวเรา เพราะวันหนึ่งเราจะต้องกลับมาเป็นตัวเอง และวันนั้นหากเขารับไม่ได้ มันยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง จงให้เขารักเราอย่างที่เราเป็นจะดีกว่า
5. เสมอต้นเสมอปลาย : เรื่องราวความรักของคนหลายคู่ ที่ อยู่กันอย่างยืนยาว ส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรักแบบหวือหวา หรือรักกันจนหวานหยาดเยิ้มเสียที่ไหน แต่หากเขาเหล่านั้น หมั่นที่จะดูและรักษาความรักนับจากวันแรกที่พบกับ จนถึงวันสุดท้ายที่จากลา ไม่ต้องแสดงความรักอย่างออกนอกหน้า แค่เคยปฏิบัติต่อกันอย่างไร ก็ปฏิบัติอย่างนั้นเหมือนเดิมตลอดมา แค่นี้ความรักที่มั่นคงก็จะคงมั่นไม่เปลี่ยนแปลง
6. เชื่อใจ : จงเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวคนรัก คิดเสียว่าเราได้เลือกเขาแล้ว และไม่มีประโยชน์ที่จะไม่ไว้ใจ เพราะลับหลังเราไม่รู้ว่าเขาปฏิบัติตัวอย่างไร มันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ความเชื่อใจกันถือเป็นการให้เกียรติ การอยู่ด้วยกันอย่างให้เกียรติจะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่น จงให้เกียรติคนรักของคุณด้วยการเชื่อมั่นในตัวเขา นอกจากจะเป็นการมองโลกในแง่ดีแล้ว ตัวเราเองก็ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขเช่นกัน
7. ปรับตัว : แต่ละคนต่างมีวิถีชีวิตที่เป็นของตัวเอง มีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างก็ผ่านเรื่องราวมากมายที่จะหล่อหลอมมาเป็นคนๆ หนึ่ง ประสบการณ์ที่แตกต่าง ย่อมทำให้ความคิดและทัศนคติในการดำเนินชีวิตแตกต่างกันด้วย จึงไม่แปลกที่เราจะทะเลาะกันเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้น การปรับตัวปรับใจเข้าหากัน ยอมรับพื้นฐานความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย ก็สามารถผนวกสองหัวใจให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ไม่ยาก
8. อย่าคาดหวัง : ความผิดหวังทั้งหลาย มักมีต้นเหตุมาจากการคาดหวังที่สูงเกินไป ไม่มีใครเป็นอย่างที่ใจเราต้องการ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีของมัน ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆ จะตามมาโดยที่เราไม่ต้องคาดหวัง
มีผู้คนมากมายร่ำร้องหาความรัก บางครั้งมันก็ทำโลกทั้งโลกสดใสน่าอยู่ แต่บางครั้งมันก็ทำให้ใครคนหนึ่งพร้อมที่จะตายไปกับความรักที่ไม่สมหวัง เราเลือกได้ที่จะมีชีวิตรักแบบไหน และหากอยากได้ความรักแบบใด จงปฏิบัติกับอีกฝ่ายแบบนั้นเช่นกัน และไม่ว่าวันนี้เราจะมีรักที่สมหวังหรือผิดหวังก็ตาม ขอให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า ความรักเป็นสิ่งสวยงามเพียงแค่เรารู้จัก(ที่จะ)รักก็พอ
ขอบคุณครับ ที่นำมาแนะนำครับ
ดีค่ะให้ความรู้ดีนะค่ะ แต่ใครจะทำได้ถ้าเกิดกับชีวิตจริงๆ มันยากจริงๆๆนะค่ะหากเราเข้าใจแต่เขาไม่เข้าใจกับเหตุผลของเรานี่สิแย่กว่าค่ะ