ขณะรอขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางเข้าร่วมงาน “KM Applications: World Bank & Thailand Experience Sharing” ที่กรุงเทพฯ ผมเดินข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อซื้อบัตรเติมเงิน ที่ร้านสะดวกซื้อที่ดังที่สุดของเมืองไทย เพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง และ เพื่อ Connect GPRS ท่องเว็บรอเวลารถออกเดินทาง ผมซื้อของตามต้องการและเดินข้ามถนนกลับมารอรถที่ บขส. อีกครั้ง ..ช่างเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ มีหญิงสาวรูปร่างสูงผอม ผิวขาว ตาโต กำลังเดินเพื่อข้ามถนน ผมเห็นมือข้างซ้ายเธอถือ “ข้าวจี่ทาไข่” มือขวามองไม่ถนัดนักแต่อาจเป็นถุงที่บรรจุปลาร้าบองก็เป็นได้ ถือเป็นเรื่องปกติของคนในแถบอีสานที่นิยมทานกันโดยทั่วไปครับ ยิ่งถ้าเป็นบรรยากาศที่หนาวเย็นมากๆ แล้วละก็...แม่ค้าปั้นข้าวจี่ทาไข่เป็ดไม่ทันเลยแหละ...ขอบอกๆ เธอแต่งกายในชุดพนักงานขาย Pizza !! เข้าใจว่าน่าจะเป็นพนักงานขาย Pizza ของห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงกันข้าม (แห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด) เธอเดินไป ยิ้มไปพลางกับเคี้ยวข้าวจี่ไปอย่างมีความสุข (เข้ากับบรรยากาศวันวาเลนไทน์จริงๆ) ผู้อ่านท่านอาจคิดว่า “แล้วเธอไม่กลัวรถชนเอาหรือ?” ผมเองก็คิดอย่างนั้นครับ แต่ขณะนั้นถือได้ว่าจำนวนรถที่วิ่งบนถนนสายนี้ ..น้อยมากเมื่อเทียบกับปกติของทุกๆ วัน ผมฉุกคิดเรื่องวัฒนธรรมการกิน ๆ ที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเรื่องวัฒนธรรมระหว่างตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัว ที่สุดแล้วหญิงสาวกับปั้นข้าวจี่คนนั้นก็ได้หลอมรวมมาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ..ช่างเป็นเรื่องของความแตกต่างอย่างลงตัวด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างลงตัว ณ ช่วงเวลานั้น อย่างหาที่เปรียบได้ยากนัก
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาแวะเวียนเข้ามาอ่าน ขอให้ Happy Valentine's Day กับผู้อ่านทุกท่านครับ
วิชิต ชาวะหา
บขส. จ.มหาสารคาม
14 ก.พ. 2550
ดีมากเลยค่ะ ...น่าคิดน่าคิด ...ดิฉันได้อ่านแล้วจินตนาการไปด้วย ก็ น่าแปลกดีค่ะ เป็นการเปรียบเทียวได้ดีมากเลย ....ช่างบังเอิญจริง ๆๆๆ
CARD จัดให้ครับ ทุกๆ ท่าน ..(มาถึง กทม. สดๆ ร้อนๆ)
มันก็ชอบเป็นแบบนี้นะสังคมบ้านเรา ถ้ามีอีกอย่างแล้วจะชอบอีกอย่าง