เมื่อตอนป่วยนอนในโรงพยาบาลสิบกว่าวัน..
.มีอยู่คนหนึ่งที่คาดหวังอยากให้เขามาเยี่ยม(เผื่อว่าจะได้เคลียร์/ทำความเข้าใจบางเรื่องต่อกัน)แต่เขาก็ไม่มา..ส่งน้าและน้องสาวของเขาแวะมาหาเท่านั้น...ตอนแรกฉันคิดน้อยใจที่ทำไมต้องเป็นแบบนี้แต่มานึกอีกทีตอนนี้เราต้องขอขอบคุณที่เขาทำการตัดสินใจให้ชัดเจนเสียทีแม้คนที่เขาเลือกจะไม่ใช่ตัวเราแต่เราก็ได้รู้ชัดเจนเสียทีว่า...ต่อไปนี้ไม่ต้องรอ..ไม่ต้องหวังให้เขามาช่วยทำอะไรเหมือนอย่างแต่ก่อน...นี่เป็นเพียงวิธีการคิดเพื่อให้ใจไม่ทุกข์.....
ธรรมะได้จัดสรรให้ทดสอบความรู้สึกของจริงอีกหนช่วงหัวค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมาเมื่อต้องออกไปหน้าปากทางโรงพยาบาลเพื่อซื้อโจ๊กมาทานสวนกับรถของเขาที่กำลังจะออกไปข้างนอก...มองเห็นหน้ากันและเห็นว่าที่เบาะหน้ารถของเขามีใครอีกคนหนึ่งแล้ว...ถามใจตัวเองว่าเสียใจใช่ไหม..ใจบอกใช่แต่สมองก็พยายามตัดบทว่า..จะเสียใจไปทำไมคาดไว้นานแล้วไม่ใช่หรือว่าวันหนึ่งมันจะต้องเป็นแบบนี้...ใจอยากร้องไห้แต่สติก็สั่งว่าแม่ขอไว้ว่าอย่าร้องไห้ให้กับเขา ยอมรับว่าอดใจสั่นไม่ได้ช่วงที่ทนยืนรอให้รถของเขาผ่านไปก่อนเดินกลับโรงพยาบาลต่อไป...ไม่มีคำพูดใดๆที่จะบอกใครให้เข้าใจได้ว่าทำไมจึงยังมีอาการปวดหนึบในใจทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ว่ามันนานมากแล้วที่สถานการณ์ความสัมพันธ์มันย่ำแย่.
..การทำใจของฉันบางทีมันก็อาจไม่ซึมลึกลงไปในใจมันจึงคงติดอยู่แค่ระดับการคิดการใช้เหตุผลเท่านั้น...
.....เสียดายใยบางความรู้สึก..รับรู้ว่ามันขาดห้วนลงไปแล้ว....สุดปัญญาและแรงใจที่จักสาน..ด้วยไร้ผู้สมานใจเหมือนก่อนมา การอำลาด้วยปากไม่ได้ยาก..แต่การจากกันทางใจนี่สิหนอ..จะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะพอ..ที่จะถมบ่อน้ำตาในใจให้แห้งลง....
คุณลาภ
ขอบคุณในกำลังใจค่ะบันทึกนี้เขียนเพราะมันติดอยู่ในใจเขียนเพื่อเตือนตน..มีหลายครั้งที่เพราะเรื่องนี้ทำให้เราอยากย้ายที่ทำงานเพราะเหมือนถูกเข็มแทงทุกครั้งที่เห็น/เจอเขา...แต่นั่นคือใจเราที่ไปติดไปรั้งไว้...ทุกวันนี้จริงอย่างที่คุณลาภบอกSEAngjaมีแม่มีเพื่อนมีผู้ป่วยที่เป็นยาใจให้แม้จะไม่ใช่ยาชนิดเดียวกันแต่ก็พอทดแทนได้อยู่...แต่ถึงอย่างไรการยอมรับความจริงในใจที่ว่าใจยังตัดไม่ขาดเป็นข้อมูลหนึ่งที่ต้องการโอกาสในการพัฒนาของตนเอง
การจะรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายามมากนักหรอกค่ะ แต่"การตัดใจ"ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิคะว่า ความสุขยาม ที่เราได้สบตาเค้ากับความทุกข์ยามที่เราต้องคอยหลบตาเค้าอันไหนมันหนักหนากว่ากัน ..เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
ขอบคุณในน้ำใจจากมิตรทั้งใหม่และเก่า ขอบคุณคุณดอกปีบสำหรับเพลงปลอบใจที่ปลุกใจให้ยิ้มสู้และอยู่ได้ด้วยตนเอง...
ขอบคุณคุณนู๋ทิมสำหรับวิธีการมองความรักในอีกด้านหนึ่งที่Seangjaไม่ได้มองเห็นมาก่อน
ขอบคุณคุณลาภสำหรับน้ำใจที่ส่งมาค่ะ...
วันนี้ไปฟังเรื่อง "บริหารงาน บริหารใจ" โดยอ.วรภัทร์ที่กระทรวงมา อ.แนะว่าให้คิดว่าเขาเป็นครูสอบอารมณ์ ถ้าจิตเกิดอาการเพราะสัญญาเดิมๆมากระทุ้ง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขณะนั้นอาจใช้สูดลมหายใจยาวๆ ลึกๆ ดูลมหายใจให้ต่อเนื่องบ่อยๆ สะสมกำลังสติ สะสมแต้มบุญทั้งเขาทั้งเราเลยนะ
เขามาเป็นครูฝึกเรานะseangja
เรามาสะสมแต้มบุญด้วย "สติ"กันเถอะนะ ดีมั้ยจ้ะน้องรัก
คุณหมออัจฉรา
ผอ.คะSeangja หรือ นาจา หนูเคยดูเป็นหนังจีนทางช่องสาม ถ้าใครเคยเห็นรูปเจ้าแม่กวนอิมจะเห็นว่ามีเซียนเด็กผู้ชายและเซียนเด็กผู้หญิงอยู่ข้างๆ Seangjaเป็นเซียนเด็กผู้ชายค่ะ มีประวัติว่าเป็นคนเก่งมีอิทธิฤทธิ์เยอะ ชอบความยุติธรรม ไม่ลำเอียง ชอบปราบคนเกเร อาทิลูกชายเจ้าสมุทร เซียน Seangjaเป็นคนมีทิฏฐิมาก ก่อนเป็นเซียนมีความคิดน้อยใจว่าพ่อไม่รักและเกลียดตนจนเชือดเนื้อตัวเองกลับคืนให้แก่พ่อเพื่อจะไม่ต้องติดค้างบุญคุณกัน แต่แม่ของSEangjaเป็นผู้ที่รักลูกคนนี้อย่างมากๆและเป็นคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม นางอ้อนวอนขอให้เจ้าแม่ช่วย..นาจา/Seangjaจึงได้รับการขัดเกลาและอบรมนิสัยจากเจ้าแม่จนบรรลุเป็นเซียนและเข้าใจถึงความรักของบุพการี...คนจีนนับถือในแง่การรักความยุติธรรมและพูดจริงทำจริงรวมถึงความปลอดภัยในการเดินทาง...นี้เป็นตำนานย่อๆของเซียนSeangjaค่ะ
คุณหมออัจฉราคะ
ขอบพระคุณในการให้สติค่ะ..บางทีหนูก็ทิฏฐิมานะหรือถ้าภาษาอจ.วรภัทร์ก็จะบอกว่า"พวกสติยังอ่อน"
แต่บทเรียนนี้ทำให้หนูเข้าใจอะไรมากขึ้นและเห็นความรักที่มีรอบตัวมากขึ้น..เห็นสัจจธรรมและเห็นตัวเองมากกว่าตอนสุขสมหวัง.
.ขอบคุณผอ.ค่ะที่แอบไขความลับเรื่องความรักในวัยหวานๆให้ชาวเราได้รู้เช่นกัน.
.หนูรู้สึกดีที่ผอ.กรุณาแลกเปลี่ยนด้วยและเริ่มใจหายกับเวลาที่ผอ.ใกล้จะเกษียณจากราชการ..เพราะผอ.เป็นผู้บริหารท่านหนึ่งที่มีความสามารถและน่ารักมากค่ะ
คุณอุบล
ก็คงต้องถือว่าเขาเป็นเทวปุตรมารของดิฉันเอง...เห็นด้วยกับคาถาปล่อยวางที่คุณส่งมาให้..ขอให้มีความสุขและเจริญในธรรมค่ะ...