แม่ป่วยมีอาการ ชัก น้ำลาย ฟูมปาก พูดไม่ได้ เคลื่อนไหวตัวไม่ได้ ได้เข้ารับการรักษาที่ รพ. เอกชนเนื่องจากคิดว่า จะได้รับบริการที่รวดเร็ว และรักษาชีวิตแม่ได้ เป็นไปอย่างที่คิดค่ะ รวดเร็วจริงๆ ได้รับการบริการที่มีความเป็นหัวใจของความเป็นมนุษย์ ประทับใจมาก แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง 2 วัน สองหมื่นกว่าบาท จึงขอย้าย รพ , ซึ่งแพทย์ที่แม่รัก ที่ช่วยชีวิตแม่ก็อยู่ รพ, นั้น แพทย์นัดที่ รพ,รัฐ แม่ออกมาจากห้องหมอ สีหน้าไม่ค่อยดี พอกลับไปบ้านแม่ร้องไห้ และขอไม่รักษากับหมอคนนี้อีก (ไม่ขอเล่าเหตุการณ์ค่ะว่าหมอพูดว่าอะไร) มีประโยคหนึ่งที่แม่พูดคือ ไม่เหมือนกับตอนที่แม่รักษาที่เอกชนเลย โดยที่ให้ลูกไปรับยาแทน และเจาะเลือดไปตรวจเป็นระยะ ประมาณ 1 ปี กว่าจะยอมไปรับการรักษา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไมผู้ป่วยหลายคนไม่อยากไปพบแพทย์ และขาดนัด
จะเห็นได้ว่าหากผู้ให้บริการตระหนักว่า วิชาชีพที่ตนมีอยู่ จะทำให้ชีวิตดีที่พอเพียง เพราะมีรายได้พอควร ได้รับเกรียติและความนับถือ จะไม่ทำให้ผู้ให้บริการบางคนในวิชาชีพนี้ในเชิงพานิชย์มาก จนเกิดประเด็นของแพทย์พานิชย์ ทุกคนจะมีความภาคภูมิในเกรียติ และศักดิ์ศรีของตนเอง มีการให้บริการแก่ผู้ป่วยด้วยวิชาความรู้ที่ดีที่สุด ผลที่ตามมาคือ การได้รับการยอมรับนับถือมากขึ้น มีความภาคภูมิใจ มีความสุข และที่สำคัญคือใช้ชีวิติแบบพอเพียง เพราะวิชาชีพที่ดูแลสุขภาพรู้ดีว่าทุกคนไม่หนีจากความตาย เงินก็เอาไปไม่ได้ค่ะ
ไม่มีความเห็น