ช่วงที่นายบอนเข้า กทม. เมื่อ 30-31 ม.ค. นายบอนไปพักที่บ้านเพื่อน ที่หมู่บ้านสินธานี ซอย นวมินทร์ 101 ถ.นวมินทร์ กทม. ซึ่งเพื่อนคนนี้ อยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น
ดูจะเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ที่นายบอนเข้ามาธุระที่ กทม. จะต้องหาโอกาสไปพักกับเพื่อนท่านนี้ ซึ่งมักจะเป็นปีละครั้ง จึงมีโอกาสได้สนทนาไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ข่าวคราวของเพื่อนคนอื่นๆ
ในวัยทำงานเช่นนี้ เพื่อนแต่ละคนมีโอกาสพบกันยาก แม้แต่งานเลี้ยงรุ่นกว่าจะนัดกันได้ ยากเย็นแสนเข็ญ โอกาสที่จะพบปะกัน มีแต่งานมงคลสมรส และงานศพเท่านั้น..
มาคราวนี้ เพื่อนจัดที่นอนให้ไปนอนบนชั้น 2 เพราะชั้นล่าง เขาจัดที่นอนไว้สำหรับลูกอ่อนวัย 2 เดือน ซึ่งตัวเขาและภรรยาคอยดูแลตลอดทั้งวันทั้งคืน
ที่เห็นดังภาพ คือ ที่นอนของนายบอนครับ
นอนง่ายๆ อยู่ง่ายๆ ที่เห็นคือห้องทำงาน ซึ่งเก็บหนังสือมากมาย เมื่อนายบอนขึ้นไปนอน สายตาเหลือบไปเห็นหนังสือบนชั้น เลยต้องหยิบมาอ่านสักหน่อย เพราะหลายเล่ม นายบอนไม่เคยอ่านเลย เคยเห็นที่ร้านหนังสือ
<h2>เป็นห้องนอนแห่งความรู้นะครับ คงไม่สามารถหาได้จากโรงแรมที่ไหน ที่จะจัดหนังสือไว้ให้อ่านถึงเพียงนี้ </h2>
ในชั้นหนังสือที่เห็น มีหนังสือเกี่ยวกับการบริหาร, กลยุทธการจัดการธุรกิจ, ทักษะผู้นำ, ภาษาอังกฤษ, หัวใจนักคิด, 5ส, เอกสารตำราวิชาการ, คอมพิวเตอร์, คู่มือท่องเที่ยว ฯลฯ
นายบอนนอนที่ห้องนี้ 3 คืน เห็นหนังสือมากมาย หยิบเล่มนั้นมาอ่านแบบรักพี่เสียดายน้อง เลยหยิบมาเปิดดูไม่กี่หน้า แล้วก็หยิบเล่มใหม่ๆมาอ่านต่อ .. ไปๆมาๆเลยนอนดึก แล้วรีบตื่นแต่ตี 5 ๆไปประชุมวิชาการที่ ม.มหิดล ศาลายา
หนังสือที่นายบอนหยิบมาอ่าน อาทิ
- เข็มทิศชีวิต (ฐิตินาถ ณ พัทลุง)
- คำพ่อสอน – ประมวลพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสเกี่ยวกับความสุขในการดำเนินชีวิต
- เส้นทาง Storyline สู่การเรียนรู้ (ชาตรี สำราญ)
- คู่มือนักเขียน (บงกช)
- 5 ส ที่มองไม่เห็น
- ห้องนั่งเล่นของความคิด
- คู่มือท่องเที่ยว กทม.
ฯลฯ
<h2>ถึงแม้ว่า ที่หลับที่นอน จะไม่นุ่มสบายเหมือนเตียงนอนในโรงแรมทั่วไป แต่โรงแรมแห่งนี้ มอบสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าความนุ่มสบายของเตียงนอนหลายร้อยเท่าทีเดียว</h2>
คุณบอนค่ะ
เป็นห้องนอนที่มีสาระเยอะมาก ๆ ค่ะ
รู้สึกว่าหนังสือเข็มทิศชีวิต จะน่าอ่านมาก ๆ ค่ะ
ผมเรียนจบมาทางบรรณารักษ์และสารสนเทศ พวกเราถูกสอนมาให้ส่งเสริมให้มวลมนุษยชาติ เรียนรู้ด้วยตนเอง แสวงหาความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้ โดยที่มีพวกเราเป็นผู้ช่วย
ดีใจจริงๆครับ ที่เห็นตัวอย่างของการใฝ่รู้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียนเป็นหลักสูตรเป็นปริญญาเสมอไป และยังมีคนเห็นคุณค่าของมวลความรู้ที่เป็นตัวเล่มหนังสือ
ในยุคที่คนเราสามารถแสวงหาความรู้ที่ไม่ได้อยู่บนกระดาษได้มากมาย
มีคนบอกว่า อีกหน่อย ร้านหนังสือ ห้องสมุด จะเจ๊ง
ซึ่งความตกประหวั่นนั้นของผม ก็ยังมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ว่ามีหลายๆคนไม่ชอบที่จะอ่านอะไรบนหน้าจอคอมฯมากนัก ด้วยความไม่สะดวก สายตา หรือความคลาสสิค
มีคนทียังอิ่มเอมกับตัวเล่มหนังสือ และรักที่จะเก็บมันไว้เป็นเจ้าของ เพราะอย่างน้อย อ่านหนังสือตอนมีแสง ก้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
ผมเห็นภาพนี้แล้ว ผมดีใจครับ ที่ยังมีใครอีกซักคน บนโลกนี้ ที่ยังอิ่มเอมกับตัวหนังสือที่อยู่บนกระดาษ และเก็บมันไว้ข้างกายตนเสมอ
ดีใจจริงๆที่ได้เห็นภาพนี้
ขอบคุณคุณบอนมากเลยครับ ที่เข้ามาช่วยเสริมความคิดนี้ การที่ผมกังวลว่าผมจะตกงานไม่สำคัญเท่าไหร่ เท่ากับการที่ ผมนับว่า หนังสือคือเครื่องบันทึกประวัติศาสตร์ที่ไม่ต้องยึดติดกับระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมที่ใช้แสดงผล
และดีใจมากกว่า ที่มีคนมากมายเห็นคความสำคัญของหนังสือ ครับ
ผมเคยตั้งความหวังไว้นะครับ ว่าถ้าพวกเราร่วมกนสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ได้เป็นผลสำเร็จ แม้ผมต้องตกงานจนอดตาย ก็ตายตาหลับ :-)
สวัสดีครับคุณ genpor
เมื่อวานพยายามเข้าไปดูเวบ ที่แท้ก็พิมพ์ผิดนี่เอง วันนี้เลยได้แวะไปเิยี่ยมสมใจแล้วครับ ไดอารี่ออนไลน์ ลูกผู้ชายกล้าหาญ..http://genpor.diaryis.com/
งานที่เกี่ยวกับหนังสือ คงไม่หมดไปง่ายๆหรอกครับ ใน กทม.อาจจะสะดวกเรื่องสื่อเทคโนโลยีต่างๆ แต่ต่างจังหวัด ความสำคัญของหนังสือยังมีมากกว่านะครับ กว่าเทคโนโลยีจะครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่คงอีกนานเช่นกัน หนังสือยังคงมีความสำคัญกับหลายคนอยู่
ยังมีค่ายอาสาพัฒนาที่นำหนังสือไปบริจาค โครงการผ้าป่าหนังสือ และสิ่งดีๆอีกมากมายที่เกี่ยวกับหนังสือ ทั้งหนังสือใหม่ และหนังสือมือสอง หนังสือทำมือ
หลายคนมีความทรงจำกับหนังสือ ชอบสะสมหนังสือ มากกว่าสะสมไฟล์ข้อมูลคอมพิิวเตอร์ ที่สามารถถูกทำลายจากการติดไวรัส หรือเทคนิคอื่นๆเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ไฟล์ข้อมูลเอกสารที่มีมากมาย แต่หลายคนอ่านไม่หมด เท่ากับอ่านจากกระดาษนะครับ